• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ยาแก้ไอ... เดกซ์โทรเมทอร์แฟน

สารบัญเนื้อหา

การใช้ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เกินขนาด จะป้องกันได้อย่างไร

"ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 มีเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนวัดท่าพระมากกว่า 100 คน มีอาการหน้ามืด เป็นลม และอาเจียน บางส่วนต้องส่งโรงพยาบาลล้างท้อง เนื่องจากกินยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เกินขนาด โดยได้รับข้อมูลที่ผิดๆ ว่า กินแล้วทำให้ใจกล้า ร่าเริง แถมครูตีไม่เจ็บ แต่ต้องกิน 10 เม็ดขึ้นไป"
 

เจ้าของร้านเกมแนะนำยาดี จริงหรือ?

จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเด็กจำนวนมากใช้ยาด้วยความเชื่อคำบอกเล่าของเจ้าของร้านเกมว่า มียาดีกินแล้วจะทำให้ใจกล้า ร่าเริง แถมครูตีไม่เจ็บ และแนะนำให้กินครั้งละ 10 เม็ดขึ้นไป

ที่น่าตกใจก็คือ มีเด็กนักเรียนชั้นประถมกว่าร้อยคนที่ได้ทดลองกินยาชนิดนี้ ในเวลาใกล้เคียงกัน จนเกิดอาการข้างเคียงจากการได้รับยามากเกินไป ทำให้เด็กๆ มีอาการหน้ามืด เป็นลม และอาเจียน ต้องส่งโรงพยาบาลกันอย่างเร่งด่วน
 

ตัวอย่างการใช้ยาในทางที่ผิด : ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน"

ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เป็นยาแก้ไอ ออกฤทธิ์ลดการไอ ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไอ โดยเฉพาะไอแห้งๆ ชนิดที่ไม่มีเสมหะ มากว่า 50 ปีแล้ว มีจำหน่ายทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ ทั้งที่เป็นรูปแบบยาเดี่ยว และเป็นสูตรผสมกับยาชนิดอื่น แต่ที่รู้จักกันดีจะเป็นเม็ดเคลือบขนาดเล็กสีเหลือง ซึ่งใน 1 เม็ดจะมีตัวยา 15 มิลลิกรัม

ยาเดกซ์โทรเมทอร์แฟนขนาดปกติที่ใช้ลดอาการไอ คือครั้งละ 15-30 มิลลิกรัม หรือครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน และจะต้องใช้ต่อเมื่อมีอาการไอเท่านั้น ถ้าไม่มีอาการหรือหายดีแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยา

การใช้ยาชนิดนี้ในขนาดปกติ จัดเป็นยาที่ปลอดภัย ได้ผลดีในการกดอาการไอ และมีผลข้างเคียงน้อย
 

ทำไมจึงใช้ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เกินขนาด?

ถึงแม้ว่ายานี้ค่อนข้างปลอดภัยและได้ผลดีเมื่อใช้ขนาดปกติ (ครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง) แต่ถ้าใช้ขนาดสูงกว่าปกติ ดังเช่นที่เป็นข่าวว่ามีการใช้กันตั้งแต่ 10 เม็ดขึ้นไป (เม็ดละ 15 มิลลิกรัม) หรือตั้งแต่ 150 มิลลิกรัมขึ้นไป ก็อาจเกิดอาการผิดปกติขึ้นได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเหมือนกับการเสพยาเสพติด เพราะถ้าให้ขนาดสูงจะเกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มองเห็นภาพผิดปกติ ประสาทหลอนได้
 

อย่าเชื่อคนง่าย... ใช้ได้ผลกับเรื่องยาด้วย

กรณีนี้เจ้าของร้านเกมซึ่งไม่มีความรู้เรื่องยาเลยกลับเป็นผู้แนะนำการใช้ยาอย่างผิดๆ ว่าถ้าใช้ยานี้แล้วจะทำให้ใจกล้า ร่าเริง แถมครูตีไม่เจ็บ เป็นเหตุให้เด็กนักเรียนมากกว่า 100 คนเชื่อและทดลองใช้ยาครั้งละกว่า 10 เม็ด

ในฐานะเภสัชกร คาดว่าเจ้าของร้านเกมคงมียาชนิดนี้เป็นจำนวนมาก มิฉะนั้นจะขายยาให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถมมากกว่า 100 คนได้อย่างไร จึงเป็นคำถามว่าเจ้าของร้านเกมซื้อยาชนิดนี้มาเป็นจำนวนมากได้อย่างไร

ทางฝ่ายร้านขายยาก็ขายยาให้กับเจ้าของร้านเกม โดยไม่มีการพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้ เรียกว่าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ข้าจะค้าขายเอาเงินอย่างเดียว ผู้ใช้ยาใช้แล้วจะสุข จะทุกข์ หรือเกิดผลเสียอย่างไร ข้าก็ไม่สน

อีกประเด็นหนึ่ง เจ้าของร้านเกมคงเคยใช้ยาแก้ไอชนิดนี้อยู่เป็นประจำ (เพราะมีเป็นจำนวนมาก) ด้วยจุดมุ่งหมายให้เกิดความเคลิบเคลิ้ม และเกิดประสาทหลอน จึงแนะนำสุ่มๆ ผิดๆ ให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถมว่า "ทำให้ใจกล้า ร่าเริง แถมครูตีไม่เจ็บ"
จากเหตุการณ์นี้ คงสะท้อนถึงระบบยาของประเทศไทย ตลอดจนพฤติกรรมและจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
 

ผู้ปกครองสร้างภูมิคุ้มกันให้กับบุตรหลาน

ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองคนหนึ่งที่มีลูกกำลังเป็นวัยรุ่น คงจะต้องเชิญชวนท่านผู้ปกครองให้ช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันให้กับบุตรหลานของพวกเราว่า

อย่าเชื่อคนง่าย โดยเฉพาะคนที่ไม่น่าไว้วางใจ เช่น เจ้าของร้านเกม เป็นต้น เป็นพวกที่แสวงหากำไรรายได้โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น

อย่าใช้ยาด้วยตนเอง โดยเฉพาะครั้งละจำนวนมาก เพราะอาจเกิดอันตรายได้ โดยทั่วไปแล้วยาจะถูกออกแบบมาให้กินได้ง่าย สัก 1 หรือ 2 เม็ด ก็จะได้ผลเต็มที่แล้ว หาได้ยากที่จะมียาที่ต้องใช้ครั้งละ 10 เม็ด ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเกินไปอย่างมหาศาล และอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
 

ถ้าไม่รู้หรือไม่แน่ใจการใช้ยา ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง

นอกจากนี้ก็ไม่ควรใช้ยาเองโดยพลการ เพราะยามีคุณอนันต์ แต่โทษมหันต์ ถ้าจำเป็นต้องใช้ยา ควรปรึกษาผู้ปกครอง แพทย์ หรือเภสัชกร เพราะอาจเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นได้
 

ใช้ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เกินขนาด... อาจตายได้

ถ้าใช้ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เกินขนาด นอกจากเกิดอาการเคลิ้มฝัน และประสาทหลอนแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ง่วงนอน กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ พูดไม่ชัด หัวเราะมาก ม่านตาขยาย ลูกตากระตุก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะไม่ออก มึนงง กระวนกระวาย สั่น ชัก ปวดศีรษะ เซลล์สมองถูกทำลายถาวร สมองเสื่อม เสียสติ เป็นโรคจิต หมดสติ เสพติด (ทางด้านจิตใจ) และอาจถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งที่ต่างประเทศมีรายงานเด็กนักเรียนใช้ยานี้เกินขนาดแล้วทำให้เกิดการติดยาทางด้านจิตใจ และเสียชีวิตได้
 

จะป้องกันการใช้ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เกินขนาดได้อย่างไร?

พอเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ผู้ปกครองเด็กนักเรียนคงตื่นตระหนกตกใจ ห่วงว่าภัยอันตรายในรูปแบบใหม่ "ยาแก้ไอ" จะมาทำร้ายลูกอันเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัว แนวทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยของเรา ก็ด้วยความรักและเข้าใจ คอยเอาใจใส่ พูดคุย ถามสารทุกข์สุกดิบ ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน เพื่อสร้างความไว้วางใจของบุตรหลานต่อผู้ปกครอง เล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังด้วยความเต็มใจ จะทำให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง

นอกจากนี้ ทางพ่อแม่หรือผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมการดำรงชีวิตประจำวันของบุตรหลานของท่านว่า น่าสงสัย หรือมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติหรือไม่ ตัวอย่างเช่น
ผลการเรียนและพฤติกรรมการเรียน โดยติดตามและสังเกตเกรดหรือคะแนนหรือผลการเรียนของเด็กว่าลดต่ำลงกว่าปกติหรือไม่ และ/หรือพฤติกรรมการเรียนเปลี่ยนไป เช่น ไม่ส่งงานตามกำหนด มีงานค้างส่ง ไม่ส่งการบ้าน เป็นต้น

เพื่อนใหม่ (แปลกหน้า) มีการเปลี่ยนแปลงในการคบเพื่อน โดยจะไม่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนเก่าๆ แต่จะมีการพบเพื่อนใหม่และแปลกหน้า

อารมณ์ ให้สังเกตว่า มีอารมณ์แปรปรวนเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เช่น ขี้โมโห โกรธง่าย ขี้กลัว หวาดระแวง ไม่ไว้วางใจ เป็นต้น

การแต่งกาย บางคนจะใส่เสื้อผ้าชุดเดิมหลายๆ วันติดต่อกัน ไม่สนใจและไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า บางคนไม่ยอมอาบน้ำ มีกลิ่นตัวเหม็น

การกินอาหาร บางคนเมื่อใช้ยาเกินขนาดอาจทำให้กินอาหารมากขึ้น แต่บางคนก็อาจทำให้เบื่ออาหารและกินอาหารได้น้อยลง

การนอน มักมีพฤติกรรมการนอนเปลี่ยนแปลงไป อาจจะนอนทั้งวันทั้งคืน หรือตื่นตอนกลางคืน ไม่รู้จักหลับนอน

มีความลับ มักจะมีกิจกรรมที่เป็นความลับโดยเฉพาะก่อนหรือหลังเลิกเรียน
นอกจากนี้ ควรสังเกต ขวด ซอง หรือแผงยาเปล่า ที่ทิ้งในห้องหรือในถังขยะ สามารถนำมาปรึกษากับเภสัชกรถึงชนิดของยาได้


การดูแลปัญหาการใช้ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เกินขนาด

กรณีที่บุตรหลานของท่านมีลักษณะเข้าข่ายต้องสงสัยว่าจะใช้ยาแก้ไอ "เดกซ์โทรเมทอร์แฟน" เกินขนาด มีข้อแนะนำดังนี้

อย่าผลีผลาม เอะอะ โวยวาย ต่อบุตรหลานเป็นอันขาด แต่ควรใช้เวลาอันมีค่านี้ คิดพินิจพิเคราะห์ ตริตรอง เพื่อหาแนวทางการดูแลปัญหา และควรระวังคำพูดที่ไม่เหมาะสม

หาหลักฐาน เพื่อยืนยันความผิดปกติที่สังเกตพบ และอาจใช้เป็นหลักฐานแสดงต่อบุตรหลาน เมื่อได้รับการปฏิเสธ หรือข้อแก้ตัว เช่น ขวดยา ซองยา เป็นต้น

อาจปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในเรื่องยา เช่น เภสัชกร หรือแพทย์ เพื่อยืนยันปัญหาและแนะนำแนวทางการแก้ไข

เตรียมการพูดคุยหารือกันอย่างกัลยาณมิตร เพื่อหาทางออกร่วมกัน

ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ทั้งในด้านกำลังใจ ความรัก และความเข้าใจอย่างหนักแน่น จริงจัง อดทน และอดกลั้น เพื่อสร้างความเข้มแข็งและภูมิคุ้มกันให้กับบุตรหลานของเรา
 

เสี่ยงมาก ถ้าจะซื้อยาจากร้านยาที่ไม่มีคุณภาพ

จากกรณีนี้จัดเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงการเข้าถึงยาอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และไร้ความรับผิดชอบ ทั้งจากเจ้าของร้านเกม และร้านขายยา ประกอบกับเด็กนักเรียนประถมที่เชื่อคนง่าย ทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้าครั้งนี้ขึ้น คงจะต้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันสอดส่อง คอยสังเกต เฝ้าระวังสิ่งผิดปกติที่จะเกิดกับเยาวชนของชาติ จะได้ช่วยกันป้องปรามแก้ไขได้ทันท่วงที

ควรเลือกใช้ยาจากร้านยาที่มีคุณภาพ ให้บริการดี ด้วยการปรึกษาเรื่องยากับเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง จะได้ใช้ยาที่ดี มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และประหยัด เพราะ "ยามีคุณอนันต์ และโทษมหันต์"

ข้อมูลสื่อ

372-012
นิตยสารหมอชาวบ้าน 372
เมษายน 2553
ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด