• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เมื่อเยาวชนผจญอิทธิพลของสื่อ

ขณะนี้ พฤติกรรมของวัยรุ่นไทยนั้นน่าห่วงมาก เป็นพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบ ขาดจิตสำนึกในสิ่งชั่วดี หมกมุ่นในสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นพนันบอล สื่อลามก เพศสัมพันธ์ เที่ยวเตร่กลางคืน ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

นอกจากนี้ มีสิ่งที่ไม่เหมาะสมรอบตัวเยาวชน อาทิ ลัทธิปัจเจกชนนิยม และสิทธิมนุษยชน อิทธิพลของสื่อ
สิทธิมนุษยชน และปัจเจกชนนิยม คือความเป็นตัวของตัวเอง ทำให้หลายๆ คนต่อต้านการควบคุม และมองว่าการควบคุมคือการลิดรอนสิทธิมนุษยชน แปลว่า เราทำอะไรก็ได้
หลายๆ คนมองว่า กฎหมายคือสิ่งที่สูงสุดแล้ว ก็จะจัดระเบียบสังคม
ที่ผ่านมามีประโยคที่น่ากลัวมากก็คือ "ผิดกฎหมายหรือเปล่า ถ้าผิดกฎหมายแล้วค่อยมาว่ากัน ถ้าไม่ผิดกฎหมายไม่ต้องมาพูด"Ž
ถ้าคิดว่าจัดระเบียบด้วยกฎหมายอย่างเดียว นี่คือ เราเข้าใจผิด
สังคมไทยเราจัดระเบียบด้วยกฎหมาย ขนบ-ธรรมเนียมประเพณี จริยธรรม ศีลธรรม
การมองชีวิตต้องมองหลายอย่าง การแต่งเนื้อแต่งตัวแบบนี้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดธรรมเนียม ผิดจารีต หรือต่ำกว่าบรรทัดฐาน ขาดคุณธรรม ฉะนั้นควรตระหนัก ว่า อย่าอ้างกฎหมายอย่างเดียว ในการที่จะจัดระเบียบชีวิตของเรา
บางครั้งสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่ไม่เหมาะสม ผิดจารีต ประเพณี ขนบธรรมเนียม หรือผิดบรรทัดฐาน ก็ไม่ควรทำ
กระทรวงสาธารณสุข มีความคิดจะติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยอัตโนมัติในสถานศึกษา แน่นอนว่า ไม่ผิด กฎหมาย แต่ไม่สมควร ไม่เหมาะสม
กระทรวงสาธารณสุขต้องการรณรงค์ให้วันวาเลนไทน์ มีการใช้ถุงยางอนามัย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ นี่คือ ความคิดที่ไม่เหมาะสม ทำไมไม่รณรงค์ให้มีความรักอย่างปลอดภัย เพราะดีกว่ารณรงค์มีเซ็กซ์อย่างปลอดภัย

พ่อ แม่ และลูกวัยรุ่น
ครอบครัวมีลูกวัยรุ่นอายุประมาณ ๑๓-๑๕ ปี ไปจนถึง ๒๕-๒๗ ปี มีพ่อแม่หลายคนร้องไห้น้ำตาตก คิดว่าลูกไม่รัก คิดว่าลูกปฏิเสธ ลูกไม่ทำตาม ลูกรักเพื่อนมากกว่า
การที่วัยรุ่นจะมีเพื่อนได้แต่อย่าให้เพื่อนมากดดัน ให้เราต้องทำในสิ่งที่เลวร้าย คนที่ยุยงส่งเสริมสิ่งที่เลวร้ายไม่ใช่เพื่อน เป็นเพียงคนที่มีโอกาสรู้จักกันเท่านั้น เพราะเพื่อนย่อมไม่ชักจูงเพื่อนไปในทางที่ผิด
การเป็นเพื่อนกันนั้นคบกันได้ เพราะรสนิยมและทัศนคติตรงกัน แต่ไม่ได้แปลว่าต้องมีพฤติกรรมเหมือนกัน
วัยรุ่นมักจะกลัวเชยมากกว่ากลัวจน กลัวเชยมากกว่ากลัวชั่ว พูดง่ายๆ คือ ทำชั่วไม่กลัวแต่กลัวเชย ว่าทำไมไม่เหมือนเพื่อน เช่น ใช้ของแพงจนไม่มีเงินเก็บ ไม่กลัวเรื่องจน แต่กลัวว่าจะไม่ได้สิ่งของในสิ่งที่เพื่อนมีเพื่อนใช้
ขอให้นึกถึง ปลาที่ว่ายทวนน้ำ ถึงจะเหนื่อย ถึงจะเพลีย แต่ว่าน้ำข้างบนใสและไม่มีขยะ ส่วนปลาที่ว่ายตามน้ำนั้นจะว่ายสบาย ไหลไปตามกระแสน้ำ แต่ว่าการไหลลงมาข้างล่างนั้น มีแต่ความสกปรกของแม่น้ำลำคลอง มารวมเศษสวะและขยะ

อิทธิพลของสื่อ
ขณะนี้เยาวชนกำลังแวดล้อมด้วยผู้ใหญ่ที่ทำมาหากินกับเด็ก
กรณีที่เด็กมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่บางคนออกมาพูดให้ท้ายเด็ก เช่น เขายังเป็นเด็ก ยังไม่มีวุฒิภาวะ คิดไม่เป็น เป็นเรื่องของวัย เป็นแฟชั่นชั่วครั้งชั่วคราว โตขึ้นก็หายไปเอง นี่คือ ผู้ใหญ่ที่หาเสียงกับเด็ก เพราะกลัวว่าเด็กจะเกลียดชัง
น้องๆ อย่าไปหลงไหลได้ปลื้มที่ผู้ใหญ่บางคนหากินกับเด็ก ปกป้องเด็กสารพัดทุกเรื่อง เพราะมีนิทานอีสปเรื่องหนึ่งชื่อ พ่อแม่รังแกฉัน คือ การที่พ่อแม่ตามใจลูกในทุกเรื่อง จนกระทั่งไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก โตมาลูกก็กลายเป็นคนชั่วร้าย
ฉะนั้น บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ชอบพูดจาให้ท้ายพวกเด็กนี่ ต้องเรียกว่า คนแก่รังแกเด็กจนเสียคน
สิ่งแวดล้อมที่ต้องเผชิญในขณะนี้คือ สื่อประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อสิ่งพิมพ์ ที่ถาโถมใส่เยาวชนอย่างหนัก เป็นสิ่งที่เยาวชนต้องเผชิญ และตระหนักว่า สิ่งที่พบและได้เห็นนี้มีไว้เรียนรู้ และ เลี่ยง ไม่ใช่เพื่อเลียนแบบ
ที่พูดถึงสื่อและสภาพแวดล้อมต่างๆ นั้น ต้องการให้เห็นภาพของสังคมที่มีอิทธิพลรอบตัวเรา

ความรัก ความใคร่ของวัยรุ่น
วัยรุ่นชายควรให้เกียรติผู้หญิงตลอดเวลา ไม่ควรมองผู้หญิงเป็นที่ผ่อนคลายทางเพศให้แก่เรา
วัยรุ่นหญิงก็ควรบอกฝ่ายชาย ก็คือ สิ่งที่รักมากกว่าฝ่ายชายก็คือ พ่อแม่ และศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้หญิง รวมถึงให้เกียรติคุณได้เป็นสุภาพบุรุษ และให้คุณภูมิใจว่าผู้หญิงที่คุณกำลังรักมีศักดิ์ศรีแห่งลูกผู้หญิงอย่างแท้จริง
ผู้หญิงอย่าไปตกหลุมรักของผู้ชายที่ว่า รักต้องให้ ถ้าไม่ให้จะไปเอาคนอื่น ผู้ชายแบบนี้จะต้องรีบปล่อยไปให้พ้นๆ จะได้ปลอดภัย
สมัยนี้ การเป็นคู่นอนใครสักคนไม่ใช่เรื่องยากนัก การเป็นลูกสะใภ้และแม่คนยากกว่า และขอให้น้องผู้หญิงจำไว้ว่า ประวัติศาสตร์ลบไม่ได้
น้องๆ ผู้ชายควรภูมิใจที่ตนเองเป็นลูกผู้ชายตัวจริง
คำว่า "ผู้ชาย" กับ "ลูกผู้ชาย" ไม่เหมือนกัน
"ผู้ชาย " คือ มนุษย์ที่มีอวัยวะเพศเป็นชาย
"ลูกผู้ชาย " คือ ผู้ชายที่มีจิตใจเป็นสุภาพบุรุษ ที่ให้เกียรติตนเองและผู้อื่น
ทุกคนรู้ว่าอารมณ์ทางเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่การระบายอารมณ์ไม่จำเป็นต้องทำร้ายใคร

หมายเหตุ : สรุปและเรียบเรียงจากการบรรยายของ รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ในงานสัมมนา รักนวลสงวนตัว ครั้งที่ ๑ วันที่ ๒๙-๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๗

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
บรรดาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่แพร่หลายอยู่ขณะนี้ มีทั้งที่เป็นแล้วสามารถรักษาให้หายขาดได้ และที่เป็นแล้วหายจากโลกนี้ไปเลย (เสียชีวิต)
วีดี (VD ย่อมาจากคำว่า Venereal disease) คือกามโรค เป็นคำที่นิยมใช้ หมายถึง โรคที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
ทางการแพทย์สมัยใหม่จะใช้คำว่า เอสทีดี (STD) ย่อมาจากคำว่า sexually transmitted disease ซึ่งมีความหมายเจาะจงกว่าคำว่า วีดี
โรคเอสทีดี ติดต่อกันได้โดยผ่านกิจกรรมทางเพศต่างๆ เช่น การร่วมเพศ การมีเพศสัมพันธ์ทางปากทวารหนัก โดยมีการแลกเปลี่ยนน้ำอสุจิ น้ำช่องคลอด น้ำลาย และน้ำเลือด โดยเชื้อจุลชีพจะผ่านเข้าสู่กระแสเลือดโดยผ่านรอยแตกหรือถลอก ที่ผิวหนังและเยื่อเมือก เช่น ช่องคลอด ปากทวารหนัก และเฉพาะบุคคลที่มีเชื้อ จุลชีวะของเอสทีดี เท่านั้นที่สามารถถ่ายทอดเชื้อจุลชีพให้แก่ผู้อื่นได้

โรคเอสทีดี มีปัจจัยเชื้อจุลชีพก่อโรคหลายเชื้อ บางเชื้อสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมีอาการ ดังนั้น ถ้าสงสัยว่าจะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป
โรคเอสทีดี ประกอบไปด้วยหลายโรคแตกต่างกันไป การติดเชื้อก่อให้
เกิดผลเสียต่อร่างกายไม่มากก็น้อย มีดังต่อไปนี้

เอดส์

ปัจจุบันโรคเอสทีดี สำคัญและอันตรายที่สุดคือ โรคเอดส์ หรือภูมิ- คุ้มกันบกพร่อง ใครเป็นแล้วอัตราป่วยตายสูง ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด การพัฒนาวัคซีนป้องกันรักษาคงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร

การติดเชื้อแคลมไมเดีย
การติดเชื้อแคลมไมเดียเป็นการติดเชื้อเอสทีดีชนิดหนึ่ง พบได้บ่อย มีสาเหตุ จากเชื้อจุลชีพ ลักษณะคล้ายเชื้อไวรัส ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
ในผู้ชายอาจพบอาการไม่ค่อยสบายเพียงเล็กน้อย และปัสสาวะผิดปกติ ขัดๆ ส่วน ในผู้หญิงไม่เคยพบอาการแสดงที่บ่งบอกการติดเชื้อ อาจมีความรู้สึกอึดอัดบริเวณท้องน้อยและพบตกขาวได้
ส่วนผู้ชายที่แสดงอาการเด่นชัด จะพบลักษณะหนองที่ออกจากท่าทางเดินปัสสาวะ จะมีลักษณะเฉพาะการวินิจฉัยทำได้โดยพบแพทย์ การรักษามีให้เลือกด้วยยาปฏิชีวนะหลายขนาน
อาการของการติดเชื้อแคลมไมเดียจะแสดงภายหลังติดเชื้อแล้วประมาณ ๒-๓ สัปดาห์
ในผู้หญิง ถ้าไม่รักษาจะกลายเป็นการติดเชื้อในช่องเชิงกรานได้
ในผู้ชาย จะพบภาวะกลับเป็นโรคติดเชื้อท่อทางเดินปัสสาวะซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะรักษาให้หายขาด

โรคหนองใน

โรคหนองในจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ติดต่อ โดยร่วมประเวณี โรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ นิสเซอเรีย โกโนเรีย (N. gonorrhea)
อาการของโรคหนองในในผู้ชาย ค่อนข้างจะทราบได้เร็ว โดยเฉพาะอาการปวดบริเวณอวัยวะเพศอย่างมาก และขณะปัสสาวะจะปวดมาก ผู้ป่วยจะรีบมาพบแพทย์ เพื่อขอรับการรักษา โดยทั่วไปอาการดังกล่าวจะเกิดหลังจากมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อแล้ว ๓-๕ วัน อาการอื่นๆ ที่พบได้คือ ลักษณะหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ปนกับน้ำปัสสาวะ

ผู้ติดเชื้อหนองในในผู้หญิง จะเป็นแบบไม่แสดงอาการถึงร้อยละ ๘๐ แต่อาจพบอาการปวดบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะลำบาก อาจพบตกขาวผิดปกติ และปวดบริเวณที่มีการติดเชื้อ จุดที่พบมีการติดเชื้อบ่อยก็ คือ ช่องคลอด ปากมดลูก และมดลูก นอกจากนี้ อาจพบการติดเชื้อบริเวณคอทวารหนัก และท่อทางเดิน-ปัสสาวะ
อาการค่อยเป็นค่อยไป และจะทราบก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระยะแรกจนถึงระยะกลาง โดยทราบจากเมื่อคู่นอนมาบอกว่าไปพบแพทย์ ถ้าไม่ทราบ ผู้ติดเชื้อจะไม่สนใจและปล่อยให้โรคลุกลามไป และสร้างความเสียหายต่อช่องท้องและท่อนำไข่ เป็นผลให้เป็นหมันได้

ปัจจุบันมียาปฏิชีวนะหลายขนานที่ใช้รักษาโรคหนองใน แต่เชื้อหนองในเองก็ปรับตัวดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ที่ใช้รักษาหลายขนาน ดังนั้น ควรได้มีการเพาะเชื้อ เพื่อหายาปฏิชีวนะที่ทำลายเชื้อได้เหมาะสม

หูดอวัยวะเพศ
หูดที่อวัยวะเพศ มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่จะพบบริเวณอวัยวะเพศ หรือบริเวณส่วนปลายองคชาต ในผู้หญิงจะพบหูดได้บริเวณแคมและทวารหนัก อาจพบอาการคันและระคายเคืองได้ ปัจจุบันมียาใช้รักษาโดยป้ายที่บริเวณหูด ถ้าหูดมีขนาดใหญ่อาจทำการผ่าตัดออกโดยตรง เช่น ใช้วิธีการเลเซอร์ หรือการใช้ไฟฟ้าจี้ตัด

หิด
หิดเป็นโรคที่มีสาเหตุจากแมลงขนาดเล็กสามารถ ติดต่อโดยเมื่อสัมผัสใกล้ชิด เช่น การมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสกางเกงใน ผ้าปูที่นอน เครื่องใช้ของผู้มีตัวหิดอยู่
หิดเกิดจากแมลงขนาดเล็กพวกไร ซึ่งจะฝังตัวที่ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ และแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว และเมื่อฝังตัวชั้นผิวหนังจะมองเห็นเป็นทางแดงๆ คล้ายเป็นท่ออุโมงค์ โรคหิดจะก่อความรำคาญและคันมาก ปัจจุบันมียารักษาหิดหลายขนาน

การติดเชื้อราหรือยีสต์
การติดเชื้อราหรือยีสต์ชื่อ แคนดิคา จัดเป็นเชื้อรา ขนาดเล็ก ติดต่อกันโดยมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อรา ในผู้หญิงจะพบตกขาวมีลักษณะเนย หรือตะกอนนม กลิ่นเหม็น ในผู้ชายอาจพบอาการอักเสบของอวัยวะเพศชาย โดยทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะพบอาการคันและระคายเคืองบริเวณที่เป็น และถ้าหากเกามากๆ จะถลอกเป็นเหตุให้เกิดภาวะเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ การรักษาโดยใช้ครีมรักษาเชื้อราทาบริเวณที่ติดเชื้อ

การติดเชื้อโปรโตซัวทริโคโมนาสในผู้หญิงจะมีตกขาวลักษณะเป็นฟอง และมีอาการคัน ปัสสาวะแสบขัด บางครั้งผู้หญิงที่ติดเชื้ออาจไม่พบอาการผิดปกติก็ได้ โรคนี้มียาใช้รักษาได้หลายขนาน

เหาและโลน
โลนจัดเป็นแมลงขนาดเล็กๆ ชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่บริเวณขนเพชร และบางครั้งจะฝังตัวที่ใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ หนังศีรษะ และหน้า
โลนที่ขนเพชร จะวางไข่ที่บริเวณเส้นขนและฟักตัวเป็นตัวโลนต่อมา โลนจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บางครั้งจะพบโลนได้จากบริเวณทางกางเกงใน ผ้าปูที่นอนที่ผู้ติดโลนใช้

โลนเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอาการคันอย่างมาก และเมื่อเกาและติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจะทำให้ผิวหนังและต่อมน้ำเหลืองอักเสบตามมา
การรักษาให้ยาทาฆ่าเหาและโลน ทาบริเวณที่คัน การดูแลสุขอนามัยตลอดจนเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนตากแดด จะช่วยทำลายเหาและโลนได้

เริมที่อวัยวะเพศ
เริมที่อวัยวะเพศจะมีลักษณะเป็นตุ่มใส และปวดแสบปวดร้อน พบบ่อยบริเวณองคชาตและช่องคลอด ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะการร่วมเพศ
เริมที่อวัยวะเพศมีความเกี่ยวข้องกับเริมที่ริมฝีปากอย่างไร
เริมทั้ง ๒ แห่ง มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกัน แต่ต่างสายพันธุ์ เริมที่บริเวณริมฝีปากจะเป็นตุ่มใส ส่วนที่อวัยวะเพศจะมีลักษณะต่างออกไป อาจเป็นจุดแดงๆ และเป็นแผลหลุม ปวดแสบ ปวดร้อน การรักษาก็แตกต่างกัน ในเรื่องของยาที่ใส่แผล ส่วนยารักษาเชื้อไวรัสจะเป็นตัวเดียวกัน
เริมที่อวัยวะเพศเมื่อเป็นแล้ว ไม่มีการรักษาให้หายโดยตรงได้ การรักษาเป็นเพียงลดความรุนแรงและความเจ็บปวด และอาการต่างๆ จะหมดไปเอง การให้ยา เพื่อให้อาการต่างๆ ดีขึ้นเร็ว แต่ไม่เป็นการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ยาที่นิยมใช้ชื่อ อะไซโคลเวีย (acyclovir) ไวรัส เริมจะแฝงตัวอยู่ในร่างกายตลอดไป และเมื่อร่างกายอ่อนแอ เช่น อดนอน เครียด เป็นหวัด เริมจะกลับเป็นซ้ำ ได้ถึงร้อยละ ๗๕ แต่อาการจะไม่รุนแรงเท่ากับเป็นครั้งแรก
ในผู้ชาย เมื่อเป็นเริมที่อวัยวะเพศ จะมองเห็นได้ ชัดกว่าในผู้หญิง แต่ถ้าผู้หญิงมีอาการปวดแสบ ปวดร้อน บริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรนึกถึงเริมที่อวัยวะเพศด้วย
ผลกระทบของเริมที่อวัยวะเพศในผู้ชายไม่ชัดเจน แต่ขณะเป็นตุ่มใส จะทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ตาม ปกติได้ เพราะเจ็บ ดังนั้น ต้องรักษาให้แผลหายเป็นปกติก่อน
ในผู้หญิง เมื่อเป็นเริมที่อวัยวะเพศเมื่อแผลหายแล้ว จะมีผลร้ายแรงตามมาได้ โดยเฉพาะปัญหาปากมดลูกอักเสบเรื้อรัง และอาจกลายเป็นเนื้อร้ายได้ ต้องมีการตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังโรคเป็นระยะๆ โดยสูตินรีแพทย์
ถ้าแผลหายสนิท ไม่มีโอกาสถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่น แต่การจะแน่ใจว่าแผลหายดีหรือยังคงเป็นการยาก เพราะมีอาการแสดงหลายอย่าง บางครั้งชัดเจน ซึ่งคงต้องขอคำปรึกษาจากแพทย์

โรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียสไปโรขีต (มีลักษณะคล้ายสว่าน)
อาการของโรคซิฟิลิสจะปรากฏหลังสัมผัสเชื้อโดยการร่วมเพศประมาณ ๑๐-๙๐ วัน โดยจะพบแผลเปิดแดง ขอบสะอาด เรียกแผลริมแข็ง โดยจะพบแผลบริเวณลำองคชาตหรือที่ช่องคลอด บริเวณแผลจะมีเชื้อซิฟิลิสจำนวนมาก แผลจะดีขึ้นและดูเป็นปกติ ใช้เวลาประมาณ ๑ เดือน ถึงแม้จะไม่ได้รับการรักษา ถ้าไม่ได้รับการรักษาเชื้อซิฟิลิสจะแฝงตัวและเข้าสู่ซิฟิลิสระยะ ๒ เมื่อผ่านเวลาไปถึง ๑-๖ เดือน โดยระยะที่ ๒ จะมีลักษณะผื่นน้ำตาลแดงทั่วร่างกาย จะพบปื้นสีขาวในเยื่อบุกระพุ้งแก้ม คอ หรือที่ช่องคลอด ผมร่วง และต่อมน้ำเหลืองบวมโต

โดยทั่วไปสามารถวินิจฉัยและรักษาโรคซิฟิลิส ได้ตั้งแต่เริ่มแรกถึงระยะที่ ๒ ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการแสดงของซิฟิลิสระยะที่ ๒ จะหายไป และเชื้อซิฟิลิสจะแฝงตัวในร่างกายจนเข้าสู่ระยะสุดท้าย หรือระยะที่ ๓

ถ้าเป็นผู้ชายที่ติดเชื้อซิฟิลิสอาจจะบอกได้ง่าย เพราะมีแผลที่องคชาตอย่างเด่นชัด แต่ผู้หญิงบางครั้งไม่มี อาการและอาการแสดงที่บอกถึงภาวการณ์ติดเชื้อจนกว่าจะเข้าสู่ระยะที่ ๒ ของซิฟิลิส และมีผื่นทั่วร่างกาย และเมื่อเข้าสู่ระยะที่ ๓ ของซิฟิลิส จะมีอาการทางสมองหรือหัวใจได้ การวินิจฉัยไม่ยุ่งยาก เพียงแต่เจาะเลือดตรวจก็ทราบผลได้

ปัจจุบันพบโรคซิฟิลิสระยะที่ ๓ น้อย เพราะมี ยารักษาที่ดี ทันสมัย ถ้ากรณีไม่ได้รับการรักษาและเป็นซิฟิลิสระยะ ๓ จะพบสมองของผู้ป่วยถูกทำลาย มีปัญหาเรื่องจิตและแสดงออกแบบผิดปกติ อาจพบอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือปัญหาโรคหัวใจแทรกซ้อนตามมาได้
โรคซิฟิลิสสามารถรักษาให้หายขาดได้ ด้วยยา กลุ่มเพนิซิลลิน และถ้าสงสัยควรจะได้รับการวินิจฉัยด้วยการเจาะเลือดตรวจ

อุ้งเชิงกรานอักเสบ
การติดเชื้อในระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิง โดยถ้ามีสาเหตุจากเชื้อหนองในจะมีอาการปวดท้อง แบบรุนแรง ต่อเนื่อง มีไข้ บางครั้งมีอาการคล้ายติด เชื้อแคลมไมเดีย

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การอาบน้ำชำระล้างช่องคลอด หลังจากมีเพศ-สัมพันธ์ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์ไม่พึงประ-สงค์
ผู้หญิงมีโอกาสติดเชื้อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กับตั้งครรภ์พร้อมกันได้ และถือว่าเป็นภาวะอันตราย ร้ายแรงต่อสุขภาพของแม่และลูก
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แต่ละชนิดก็มีการทำลายและเกิดภาวะแทรก-ซ้อนต่อเด็ก แตกต่างกันไป และควรจะต้องมีการรักษาทันทีที่ทราบ หรือทันทีที่เด็กคลอดออกมา เพราะโรคบาง ชนิดสร้างปัญหารุนแรงมาก เช่น ซิฟิลิส หรือเอดส์ เพราะเด็กที่คลอดออกมาจะมีความ ผิดปกติทางสมองได้ และโรคหนองในอาจทำให้เด็กแรกคลอดตาบอดได้เช่นกัน

โรคไวรัสตับอักเสบบี
โรคไวรัสตับอักเสบบี เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ มักไม่มีอาการป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก ผู้ติดเชื้อส่วนน้อยจะกลายเป็นผู้ป่วย มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาจมีไข้ต่ำๆ ในวันแรกๆ จุกแน่นท้อง ปวดท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) ปัสสาวะสีเข้ม ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโรคและมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้น แต่ร้อยละ ๑๐-๒๐ ของผู้ป่วยจะมีเชื้อไวรัสในเลือดและตับ โดยอาจมีอาการของตับอักเสบเรื้อรัง หรืออาจไม่มีอาการ

บุคคลทั้ง ๒ กลุ่มนี้ สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อไปได้ เราเรียกบุคคลทั้ง ๒ กลุ่มนี้ว่า เป็น "พาหะ" หรือตับอักเสบเรื้อรัง ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้เป็นพาหะเฉลี่ยร้อยละ ๖ ของประชากรหรือประมาณ ๓ ล้าน ๖ แสนคน ขณะที่ในอดีตเมื่อ ๒๐ ปีก่อน เคยมีผู้เป็นพาหะสูงถึงร้อยละ ๑๐ ของประชาชนประมาณร้อยละ ๑๐ ของผู้เป็นพาหะ จะกลับเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังได้อีก และบางรายตายด้วยโรคตับแข็ง ตับวาย ท้องมาน อาจเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้ ผู้เป็นพาหะมีโอกาสเกิดเป็นโรคมะเร็งตับสูงกว่าคนปกติถึง ๑๐๐ เท่า เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับถึงร้อยละ ๘๐ ของผู้ป่วยทั้งหมด โอกาสการเกิดมะเร็งจะมีมากหากผู้ป่วยติดเชื้อนี้ตั้งแต่วัยเด็ก เช่น ติดจากมารดาตอนแรกเกิด

โรคไวรัสตับอักเสบบีสามารถติดต่อกันได้โดยการสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่งของผู้ป่วยตับอักเสบระยะปัจจุบัน หรือระยะเรื้อรัง หรือผู้เป็นพาหะ เกิดขึ้นได้ในลักษณะต่างๆ กัน เรียกว่าปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ได้แก่
- การรับถ่ายเลือด หรือผลิตภัณฑ์จากเลือดที่มีเชื้อไวรัสนี้อยู่
- การใช้เข็มฉีดยาที่มีเชื้อปนเปื้อน การเจาะหู การสัก การทำฟันที่ใช้อุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่นที่มีเชื้อไวรัสอยู่ โดยไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
- การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อ เช่น แปรงสีฟัน มีดโกน ที่ตัดเล็บ เพราะอาจปนเปื้อนเลือดของผู้ที่มีเชื้ออยู่
- การร่วมเพศกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่
- การสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อไวรัสอยู่ โดยผ่านเข้าทางบาดแผลโดยไม่รู้ตัว เช่น การกอดรัดฟัดเหวี่ยง หรือกัดกันเล่นๆ ของเด็ก
- การถ่ายทอดเชื้อจากมารดาที่เป็นพาหะหรือเป็นโรคอยู่ไปยังลูก ระหว่างอยู่ในครรภ์ หรือระหว่างคลอด

โรคไวรัสตับอักเสบบีสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น ป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากวัคซีนนี้มากที่สุดคือ เด็กแรกเกิด เพราะจะช่วยป้องกันการติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งควรฉีดครั้งแรกโดยเร็วที่สุด หรือภายใน ๒๔ ชั่วโมง หลังคลอด ครั้งที่ ๒ อายุ ๑-๒ เดือน และครั้งที่ ๓ อายุ ๖-๗ เดือน สำหรับในกลุ่มอายุอื่น ฉีด ๓ ครั้งเช่นกัน โดยฉีดครั้งที่ ๒ ห่างจากครั้งแรก ๑-๒ เดือน และครั้งที่ ๓ ห่างจากครั้งที่ ๒ ๕-๖ เดือน

การป้องกันโรคทุกชนิด ทุกคนสามารถป้องกันได้ด้วยตนเอง


 

ข้อมูลสื่อ

310-007-3
นิตยสารหมอชาวบ้าน 310
กุมภาพันธ์ 2548
รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา