• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ซึม-เศร้า-เหงา-หงิก

ซึม-เศร้า-เหงา-หงิก (ตอนที่ ๓)


คนไข้รายที่ ๓

หญิงไทยอายุ ๒๐ ปี ถูกสามีอุ้มมาห้องฉุกเฉินกลางดึก

สามี : “หมอ หมอช่วยดูแฟนผมหน่อย แกปลุกไม่ตื่นครับ”

หมอ : “คุณวางคนไข้บนเตียงก่อน หมอจะตรวจดูให้”

หมอรีบตรวจคนไข้ พบว่า คนไข้ยังพอรู้ตัวอยู่เมื่อเขย่าตัวแรงๆ หรือหยิกแรงๆ การหายใจช้ากว่าปกติเหมือนคนหลับสนิท ชีพจรและความดันเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ รูม่านตาเล็กทั้ง ๒ ข้าง ตรวจร่างกายอื่นๆ ไม่พบสิ่งผิดปกติ

หมอ : “ภรรยาคุณเป็นอย่างนี้มานานแล้วหรือ”

สามี : “ไม่ทราบครับ ผมกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้ว พอเข้าห้องนอนก็เห็นแฟนเขาหลับอยู่ ซึ่งโดยปกติเขาจะคอยจนกว่าผมจะกลับ แต่วันนี้เขากลับหลับก่อน ผมเลยจะแหย่เขาเล่น โดยแกล้งปลุกเขาแต่เขาไม่ตื่น จึงรีบพาเขามาหาหมอครับ”

หมอ : “เขาเคยเป็นอย่างนี้มาก่อนไหม”

สามี : “ไม่ทราบครับ ตั้งแต่เราแต่งงานกันมาเกือบปีไม่เคยเป็นครับ”

หมอ : “ตอนคุณเข้าบ้านและในห้องนอนของคุณมีอะไรผิดปกติไหม เช่น มีการรื้อค้นสิ่งของ มีขวดยาหรือซองยาวางผิดที่ มีจดหมายหรืออะไรแปลกๆ ที่ไม่คุ้นตาบ้างไหม”

สามี : “ผมไม่ได้สังเกตครับ เพราะกลับบ้านก็ดึกแล้วกะว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำเสร็จแล้วก็จะเข้านอน แต่เห็นแฟนปลุกไม่ตื่นจึงรีบพามาโรงพยาบาลไม่ทันได้สังเกตว่าในบ้านมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่าครับ”

หมอ : “แล้วภรรยาคุณปกติใช้ยาอะไรอยู่หรือเปล่า”

สามี : “ใช้ยาคุมกำเนิดอยู่ครับ เพราะเรายังไม่พร้อมที่จะมีลูก ผมและแฟนต่างก็ต้องทำงานกันตัวเป็นเกลียว คิดว่าพอสร้างตัวสัก ๓-๔ ปีแล้วจึงค่อยมีลูก แฟนเขาก็เลยกินยาคุมอยู่ครับ”

หมอ : “แล้วภรรยาคุณกินยาอื่นอยู่อีกหรือเปล่า”

สามี : “ไม่ได้กินครับ”

หมอ : “ปกติภรรยาคุณเป็นคนหลับขี้เซาไหม”

สามี : “ไม่ครับ อันที่จริงเขาเป็นคนหลับยาก หลับไม่ค่อยสนิทและตื่นง่าย มีเสียงกุกกักอะไรหน่อยก็ตื่นแล้วครับ คืนนี้ผมถึงตกใจมาก ที่ปลุกเขาไม่ตื่น เขาเป็นอะไรครับ และจะเป็นอันตรายไหมครับ”

หมอ : “หมอยังบอกไม่ได้แน่ว่า ภรรยาคุณเป็นอะไร เพราะดูไปแล้ว เหมือนกับคนที่กำลังหลับสนิท พอปลุกก็พอรู้ตัวบ้างแต่ไม่ตื่นดี คล้ายกับคนกินยานอนหลับ ไม่ทราบว่า ในบ้านคุณมียาจำพวกนี้หรือเปล่า”

สามี : "ใช่ครับ ใช่ครับ แฟนเขามียานอนหลับอยู่ หมอให้เขาไว้กินเวลาที่เขานอนไม่หลับ แต่เขาไม่ค่อยได้กินนะครับ”

หมอ : “ถ้าอย่างนั้น หมอคิดว่า ภรรยาคุณคงกินยานอนหลับมากไปหน่อย และคงไม่มีอันตรายอะไร ให้รอดูอาการสักพัก ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนและภรรยาคุณสามารถตื่นขึ้นมาบอกเราว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว คงจะกลับบ้านได้”

คนไข้หลับไปทั้งคืน ตื่นเช้าพบว่าอยู่โรงพยาบาลและเล่าให้แพทย์และสามีฟังว่า เมื่อคืนนั่งรอสามีอยู่จนดึก สมองนึกไปต่างๆนานาว่า สามีอาจจะแอบไปเที่ยวหรือไปเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เกิดความว้าวุ่นมาก และก็ไม่รู้จะไปตามสามีที่ไหน เมื่อกลุ้มมากๆ จึงกินยานอนหลับเข้าไป ๑ เม็ดเพื่อจะให้หลับ แต่ก็ไม่หลับ จึงกินเข้าไปอีก ๒ เม็ด แล้วก็หลับไปและจำอะไรไม่ได้ว่าตนมาอยู่โรงพยาบาลได้อย่างไร

คนไข้รายที่ ๓ นี้ เป็นตัวอย่างของคนไข้ที่ซึมมากจนไม่ค่อยรู้สึกตัวที่เกิดจากการใช้ยาหรือสารพิษ เช่น สารเสพติด จำพวกฝิ่น เฮโรอีน หรือแม้แต่ยานอนหลับ (ซึ่งถ้ากินเป็นประจำ ก็จะทำให้เสพติดได้) คนที่ซึมเพราะยาหรือสารพิษ เป็นสิ่งที่พบได้เป็นประจำ และหลายต่อหลายครั้งจะเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในคนไข้ที่ฉีดเฮโรอีนเข้าเส้น กินยานอนหลับเพื่อฆ่าตัวตาย หรือ อื่นๆ

ดังนั้น ภาวะที่ได้รับยาหรือสารพิษจนซึม หลับ หรือไม่ค่อยรู้สึกตัว ควรถือเป็นภาวะฉุกเฉิน และควรจะรับคนไข้ไว้สังเกตอาการในโรงพยาบาลจนกว่าจะฟื้นคืนสติดี ถ้ามีอาการแทรกซ้อน เช่น หยุดหายใจ ความดันเลือดตก สำลักน้ำ หรืออาหารที่อาเจียนออกมา หรืออื่นๆ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ถ้าคนไข้เพิ่งได้รับยาหรือสารพิษทางปาก และยังรู้สึกตัวดีอยู่ และไม่มีรอยไหม้ที่ปากและในคอจะต้องรีบทำให้คนไข้อาเจียนด้วยการล้วงคอ หรือให้กินไข่ขาวดิบๆ เพื่อให้อาเจียน หรือต้องใส่สายยางเข้าไปล้างท้อง(ล้างเอายาและสารพิษในกระเพาะอาหารออก) แต่ถ้าคนไข้ไม่ค่อยรู้สึกตัวหรือหมดสติ ไม่ควรล้างท้องหรือทำให้คนไข้อาเจียน เพราะคนไข้อาจสำลักยา สารพิษ น้ำ หรืออาหารที่อาเจียนออกมาเข้าไปในปอด ทำให้หายใจไม่ออก หรือเกิดโรคปวดบวมหรือปวดอักเสบตามมา เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

อนึ่ง คนที่ชอบใช้ยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับ ควรจะเก็บยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับไว้ในตู้ที่หยิบยาก เพราะนอกจากจะป้องกันไม่ให้เด็กๆหยิบไปกิน โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้ว ยังช่วยป้องกันตนเองจากการกินยาเกินขนาดได้ด้วย เพราะคนที่กินยากล่อมประสาท หรือยานอนหลับไปแล้ว อาจเกิดอาการสะลืมละลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วหยิบยาพวกนี้กินซ้ำเข้าไปอีกโดยไม่รู้ตัว ทำให้ได้ยามากเกินไป เกิดพิษจากยา ทำให้หยุดหายใจ และถึงแก่ชีวิตได้
 

ข้อมูลสื่อ

225-007
นิตยสารหมอชาวบ้าน 225
มกราคม 2541
ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์