• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ยาอายุวัฒนะ

วิตามิน อาหารเสริม ฮอร์โมน ทำให้แข็งแรง อายุยืน ปลอดโรค ได้จริงหรือ

เรื่องของความเป็นอมตะ ไม่ตาย หรือเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดกาลนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่มวลมนุษย์ มานานแสนนานนับ 10,000 ปี ไม่ใช่แค่สี่ห้าพันปีที่เราเห็นความพยายามในยุคอียิปต์

ถ้าเป็นคนธรรมดา การหายาอายุวัฒนะก็ไม่แปลกประหลาดอะไรมาก แต่ถ้าเป็นคนบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่ การแสวงหาก็ยิ่งพิสดารเพราะมีพร้อมทั้งเงินและอำนาจ ของแปลกของหายากหรืออะไรต่อ มิอะไรถูกนำมาผสมรวมกันเป็นยาวิเศษที่ปรุงโดยหมอที่ได้รับชื่อว่าเป็นหมอเทวดาทั้งหลาย แต่ผลที่ได้รับคือไม่มียาใดในโลกที่ทำให้คนเราอยู่ค้ำฟ้า ไม่มีวันตาย พูดง่าย ๆ คือ ไม่มียาอายุวัฒนะใด ๆ ทั้งสิ้น หรือ ยาอายุวัฒนะไม่มีจริง แต่ใช่ว่าความพยายามตรงนี้จะสะดุดหยุดลง ยังคงมีความพยายามกันอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดมีการค้นพบต้นตออย่างหนึ่งของความแก่ คือ การเกิดฟรีเรดิเคิล ( Freeradical) หรืออนุมูลอิสระที่ทำลายกัดกร่อนนิวเคลียสและเซลล์ให้สึกหรอผุพังลงไปทุกที ๆ ฟรีเรดิเคิลหรืออนุมูลอิสระนี้เป็นผลพวงที่เกิดจากขบวนการทำงานต่างๆ ภายในเซลล์ทุกชนิด อนุมูลอิสระในแง่มุมหนึ่งนั้นก็เปรียบเหมือนขยะพิษ

เมื่อได้ต้นตอ นักวิจัยก็พยายามที่จะต่อต้าน แล้วก็ได้มาซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระ(antioxidants) ซึ่งดูจะเห็นผลบ้างโดยเฉพาะกับการนำมาใช้ทางประทินโฉม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เป็นความหวังเพราะยังมี การค้นพบว่า การจำกัดอาหารก็ช่วยให้หนูทดลองอายุยืนขึ้นถึงอีกครึ่งหนึ่งของอายุปกติ หรือแม้แต่การ ตัดต่อยีนให้กับแมลงหวี่ก็สามารถทำให้มันมีอายุยืนขึ้นอีก 3 เท่า แล้วเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้ จริงหรือไม่ เราคงต้องมาศึกษาความเชื่อต่าง ๆ เหล่านี้


- วิทยาการจะช่วยให้มนุษย์อายุยืนขึ้น
แต่ก่อน ไม่ว่าประเทศไหนในโลก อายุเฉลี่ยของประชากรจะน้อยกว่าที่เป็นปัจจุบัน

ลองยกตัวอย่างประเทศที่เจริญแล้ว สักประเทศก็ได้ อย่างประเทศอังกฤษเมื่อเกือบ 1,000 ปีก่อน อายุเฉลี่ยของประชากรอยู่ที่ 45 ปี ในขณะที่ปัจจุบันอายุเฉลี่ยขึ้นไปถึง 70 กว่าปี เข้าใกล้ 80 ปี เข้าไปทุกที ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะมียาดีที่ทำให้อายุยืนหรือ

เปล่าเลย เป็นเพราะการมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นต่างหาก เด็ก ๆ ได้รับการฉีดวัคซีน ทำให้ปราศจากโรคที่ทำให้เลียชีวิตแต่วัยเยาว์ การติดเชื้อต่าง ๆ ที่เคยรักษาไม่ได้ ก็รักษาได้แล้ว อาหารการกิน การรู้ และเข้าใจ เรื่องของการออกกำลังกายต่างหากที่ช่วยไม่ให้คนเราตายลงไปก่อนเวลาอันควร แต่ไม่ได้หมายความว่าทำให้คนเราอายุยืนขึ้น มันเป็นคนละความหมายกัน อายุสุดท้ายที่สภาพร่างกายจะทนอยู่ไม่ได้สูงขึ้น เพียงแต่ว่าคนเรารักษาสภาพร่างกายไห้ไปได้ถึงอายุสุดท้ายได้ดีขึ้นต่างหาก

- คนเราจะอายุถึง 120 ปีได้หรือไม่
อย่างที่กล่าวไปแล้ว ความก้าวหน้าของทางวิทยาการทำให้คนเราไม่ตายเร็ว แต่ไม่ได้หมายความว่าอายุขัยของสภาพร่างกายจะยืนยาวขึ้น ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มนุษย์เราแค่สามารถจัดการกับโรคร้าย ๆ อันดับต้น ๆ ที่ทำให้คนเราตายลงไวได้หลายโรคมากขึ้น เด็ก ๆ ไม่เสียชีวิตง่าย ๆ คนหนุ่มสาวไม่ตายโดยอุบัติเหตุ จึงทำให้ค่าเฉลี่ยของอายุขัยเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น แต่ถ้าจะทำให้อายุเฉลี่ยไปได้ถึง 120 ปีนั้นเป็นเรื่องยากมาก

เอาง่าย ๆ มีคนกล่าวว่า ถ้าเราทำให้คนอื่นตายก่อนอายุ 50 ปี ทั้งหลายฟื้นคืนชีพมาดำรงชีวิตตามปกติ พอเอาอายุหรือปีที่ได้คืนเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยกับคนอื่น ๆ อายุเฉลี่ยของมนุษย์ยังสูงขึ้นแค่ 3 ปีครึ่งเท่านั้นเอง

การคะเนว่าคนเราน่าจะมีอายุเฉลี่ยได้ถึง 120 ปีนั้น เป็นการคาดคะเนทางสถิติเท่านั้นเอง ถ้าจะทำให้ได้เช่นนี้ การแพทย์จะต้องสามารถจัดการกับโรคทุกชนิด ย้ำว่าทุชนิดที่พบในชีวิตประจำวันให้หมดไปจากโลก อายุเฉลี่ยจึงจะได้สัก 100 ปี 

- นักวิจัยทำให้แมลงหวี่เอย หนอนเอย อายุยาวขึ้นเป็นเท่า ๆ แล้วจะทำให้คนเราอายุยืนขึ้นด้วยได้ไหม
คงจะยังห่างไกลความเป็นจริงครับ
เพราะสิ่งนักวิจัยทำหรือต้นพบนั้น เป็นเพียงต้นแบบหรือแค่โมเดลอย่างหนึ่งเท่านั้น ก็อย่างที่เรารู้กัน ยาอย่างหนึ่งได้ผลในการสัตว์ทดลอง ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลกับมนุษย์ ฉันใดก็ฉันนั้น อีกอย่างหนึ่งสัตว์พวกนี้มรเซลล์ทั้งร่างกายจำนวนแค่เป็นพันเป็นหมื่น ในขณะที่ของมนุษย์เรานับเท่าไหร่ก็ไม่ถ้วน

ยังต้องการมีการวิจัยและทดลองกันอีกหลายซ้ำหลายซ้อนจนกว่ามาถึงขั้นมนุษย์

ดูกันแบบง่าย ๆ พวกแมลงหวี่หรือหนอนรวมทั้งสัตว์ทดลองทั้งหลายที่เราเอามาวิจัย มันไม่มีหัวใจ เบาหวาน หรือความดันเลือดสูงอย่างมนุษย์เป็น โรคที่พบบ่อย ๆ ในคนเราเหล่านี้ไม่ได้ทำการทำให้มันตายลงไป ถ้าลองพวกมันมีโรคเหล่านี้ในหมู่พวกมันอยู่เป็นธรรมดา มันอาจจะไม่อายุยีนขึ้นด้วยวิธีที่ค้นพบในการทดลองก็ได้

และในการทดลองที่ทำให้พวกสัตว์ทดลองเหล่านี้ขาดอาหารหรือได้รับแคลอรีน้อยลง ร่างกายของสัตว์ทดลองเหล่านี้มีกลไกด้วยการจำศีลคอยช่วยอยู่ ผิดกับมนุษย์ เพราะมนุษย์พัฒนาการมานานกินจุดนี้ไปแล้ว มนุษย์เราไม่มีกลไกในการจำศีลได้ (มีแต่ทุศีล!)

ในการวิจัยที่พบว่า ในสัตว์ที่มียีนบางท่อนเพี้ยนไปทำให้การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายช้าลง ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ การเดิน การกิน หรือแม้แต่ขบวนการในการทำงานโดยทั่วไปภายในเซลล์ (metabolism) ส่งผลทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวช้าลง หรือร่างกายแก่ตัวช้าลงด้วยนั้น สร้างจินตนาการให้คิดว่า ถ้าคนเรามียีนตัวนั้นเพี้ยนไปบ้างคงจะทำให้เราเป็นหนุ่มเป็นสาวพันปี

ก็แค่จินตนากานครับ เพราะสิ่งที่นักวิจัยค้นพบคือ สัตว์ที่มีเพี้ยนไปเหล่านี้มีโรคเพิ่มขึ้น และไม่ใช่โรคเล็ก ๆ ด้วย เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น ล้วนเป็นโรคที่ทำให้อายุสั้นทั้งนั้น

-  การกินวิตามินซีทั้งหลาย รวมทั้งอาหารเสริม จะช่วยให้รอดพ้นจากสารอนุมูลอิสระหรือไม่
รอดพ้นอยู่หรอกครับ แต่ไม่ได้หมายความว่า รอดพ้นแล้วไม่ตาย

มนุษย์เรามีกลไกในการกันอนุมูลอิสระอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าไม่มี ดังนั้น เรื่องนี้ร่างกายคนเราจัดการกับมันอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ว่านาน ๆ ไปทนความสึกกร่อนไม่ได้ก็พังสลายไปเท่านั้น เหมือนน้ำหยดลงหินทุกวันหินมันกร่อน ถ้าเอาแผ่นพลาสติกไปรองตรงน้ำหยด หินตรงนั้นไม่กร่อน แต่ตรงรอบ ๆ ก็กร่อนอยู่ดีนั่นแหละ

แล้วจะไม่ให้มีการเกิดอนุมูลอิสระขึ้นเลยจะได้ไหม

จะบอกความจริงให้ครับ อนุมูลอิสระเกิดจากกระบวนการหายใจหรือใช้พลังงานของเซลล์ครับ ดังนั้น ถ้าคนเราไม่หายใจได้ก็ไม่เกิดสารอนุมูลอิสระ แล้วเราไม่หายใจได้ไหมล่ะครับ ไม่ใช้พลังงานได้ไหม เป็นไปไม่ได้เลย ในอีกแง่มุมหนึ่ง สารอนุมูลอิสระก็เป็นส่วนประกอบจำเป็นอันหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกันของเราเสียด้วย เรียกว่า ขาดไม่ได้ มีมากก็ไม่ดี ทั้งขึ้นทั้งล่องนั่นแหละครับหนีไม่พ้น

อย่างในการวิจัยที่พบว่า สาร EUK-8 กับสาร EUK-134 ต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีเยี่ยมในหลอดทดลอง แต่แค่เอามันมาใช้กับแมลงหวี่เท่านั้นเอง มันก็ใช้ไม่ได้เรื่องเสียแล้ว

แน่นอนครับว่า การต้านสารอนุมูลอิสระไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนเราอายุยืน การวิจัยที่ทำให้แมลงวันบางตัวมีเอนไซม์ทำลายสารอนุมูลอิสระมาก ๆ ก็ไม่ช่วย เพราะการทำอย่างนี้ แม้จะทำให้แมลงวันบางตัวอายุยืนขึ้นอีกร้อยละ 20 ก็จริง แต่ก็มีหลายตัวที่อายุสั้นกว่าธรรมดา

- อดอาหารล่ะช่วยไหม เพราะหนูทดลองอดอาหารแล้วอายุยืนขึ้น
แนวคิดคือ ถ้าเรากินน้อยลง ร่างกายก็เผาผลาญอาหารน้อยลง มีเมตาบอลิซึมน้อยลง เกิดสารอนุมูลอิสระน้อยลง ทำให้เซลล์ไม่ผุกร่อน อายุเซลล์ก็ยืนยาวขึ้น เป็นเหตุเป็นผลดีครับ แต่ถ้าลองไปดูนักกีฬาทั้งหลาย ดูพวกเขาเผาผลาญพลังงานอย่างมาก เพราะต้องใช้กำลังกาย กินก็กินมากแต่นักกีฬาไม่ได้อายุสั้นกว่าคนอื่น ๆ เลย

แล้วทำไมทำอย่างนี้ในสัตว์ทดลองแล้วได้ผลล่ะ อาจเป็นเพราะหนูที่ใช้ทดลองเป็นสัตว์พันธุ์พิเศษที่ผสมพันธุ์มาเพื่อให้เป็นมะเร็งตอนอายุมากขึ้น เรียกว่าเป็นหนูที่มียีนพิเศษแตกต่างจากหนูธรรมดาทั่ว ๆ ไป พอมาทำให้การทำงานของเซลล์ลดลงก็เลยเป็นมะเร็งช้าลง อายุยาวขึ้น คนเราไม่ได้ยีนพิเศษอะไรแตกต่างไปคงจะไม่เป็นดังว่า

ยิ่งไปกว่านั้น นักวิทยาศาสตร์พบว่าสัตว์ที่ยิ่งมีร่างกายใหญ่โตมากขึ้นเท่าไร การขาดพลังงานยิ่งเป็นสิ่งที่ร่างกายทนไม่ได้มากยิ่งขึ้น เพราะร่างกายไม่ได้มีกลไกจำศีลอย่างสัตว์เล็ก ๆและที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ ในบรรดาหนูทดลองที่อดอาหารแล้วอายุยืนขึ้น พอให้อาหารตามปกติกลับเป็นมะเร็งตายเร็วขึ้นอีก

ถ้าจะให้วิธีนี้ได้ผลจริง ๆ นักวิจัยเชื่อว่า มนุษย์ต้องอดอาหารลงอย่างมาก ๆ เพื่อที่สารอนุมูลอิสระเกิดน้อยจริง ๆ และขณะเดียวกันมีอีกวิธีที่จะกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ตามปกติ การวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่ทำให้ลิงมาคอว์โดยให้มันกินอาหารน้อยลงนับปีก็ได้ 13 ปีแล้ว ปรากฏว่า ตอนนี้สุขภาพมันแย่มาก เป็นเบาหวานง่าย เป็นมะเร็งบ่อย ไขมันในเลือดก็สูง

ครับ แม้ว่าลิงเหล่านี้ยังไม่เสียชีวิต แต่อายุเฉลี่ยของลิงพันธุ์นี้คือ 40 ปี เราจึงยังไม่รู้มันจะอยู่ไปได้ถึงอายุเฉลี่ยได้หรือไม่ หรือจะลาโลกไปเสียก่อน คงต้องรออีกสักระยะ

สำหรับคนที่อดอาหารโดนตั้งใจ เช่น กินมัสวิรัรัติกับกินวิตามินเสริม มีรายงานแบบไม่เป็นทางการ พบว่าร้อยละ 40 ของคนเหล่านี้บอกว่าไม่มีแรง เหนื่อยง่าย สู้ความเย็นไม่ไหว บางคนถึงกับริดสีดวงทวาร มีเลือดออกทางทวารหนักง่าย ผิวเปราะแตกและเลือดออกง่าย

แล้วถ้ากินยาที่หลอกร่างกายว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในภาวะขาดอาหารล่ะ จะช่วยได้ไหม คำตอบคือ ยังไม่ทราบ เพราะไม่ได้มีการวิจัยทำนองนี้ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ร่างกายคงหากลไกอื่น ๆ มาเสริมแก้ปัญหานี้ในรูปแบบที่เรายังไม่ทราบแน่ ๆ

- ให้ GROWTH HORMONE เสริมจะทำให้ไม่รู้จัดแก่
ฮอร์โมนเดี๋ยวนี้มีขายกันตามอินเตอร์เน็ตให้เกร่อ แต่อยากจะบอกว่าเมื่อร่างกายคนเราอายุมากขึ้น การตอบสนองต่อฮอร์โมนพวกนี้จะยิ่งน้อยลง คือไม่ค่อยได้ผลนั่นเอง ในทางตรงกันข้ามอาจจะทำให้ยิ่งแย่ลง เพราะไปเร่งวงจรชีวิตของคนคนนั้นเอง อาจทำให้ตายเร็วขึ้นด้วยซ้ำ

ฮอร์โมนแห่งการเติบโตนี้สร้างต่อมพิทูอิตารี (pituitary gland) ทุกวันนี้เราสังเคราะห์มันขึ้นด้วยการตัดต่อยีนเข้าไปในแบคทีเรีย ให้มันช่วยสร้างฮอร์โมนขึ้นแทนเรา แล้วเอามาฉีดในคนที่จำเป็น อย่างคนโตช้าอายุเข้าวัยผู้ใหญ่แล้วตัวยังเป็นเด็กอยู่ ด้วยแนวคิดว่ามันเป็นฮอร์โมนแห่งการเติบโต ถ้าเอามาฉีดในคนสูงอายุ น่าจะทำให้แข็งแรงหรือกระชุ่มกระชวยขึ้น

มีการวิจัยเช่นนี้เหมือนกันที่ดูเหมือนจะช่วยได้บ้าง แต่ก็เป็นการวิจัยเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถสรุปได้ผลประยุกต์ใช้กับคนส่วนใหญ่ได้ คงต้องร้องเพลงรอกันต่อไป

ในเวลาเดียวกันเราก็ไม่มั่นใจว่า การฉีดฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโต (growth hormone) จะทำให้เป็นมะเร็งง่ายขึ้นด้วยหรือไม่ เพราะในคนที่ขาดฮอร์โมนชนิดนี้ที่เกิดขึ้นเองจริง ๆ ตามธรรมชาติและได้รับการฉีดฮอร์โมนเสริม ปรากฏว่าจากการเฝ้าติดตามคนไข้กลุ่มนี้มาหลายสิบปีพบว่า อายุสั้นกว่าธรรมดา ที่พบชัดเจนด้วยสายตาคือ ผมหงอกก่อนวัย หนังเหี่ยวเร็ว ต้องควบคุมอาหารการกินและการออกกำลังกายจึงจะทำให้อายุยีนเท่าคนปกติ

ในทางตรงกันข้าม การให้ฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโต (growth hormone)ในสัตว์ทดลอง ปรากฏว่าสัตว์ทดลองอายุสั้นลง แต่ถ้าให้มันขาดฮอร์โมนกลับทำให้มันอายุยืนขึ้นร้อยละ 50 ก็ไม่รู้ว่าสำหรับมนุษย์จะสรุปลงเอยประการใด แต่ที่พบแน่ ๆ คนตัวเตี้ยและคนมีฮอร์โมนแห่งการเติบโตนี้ในปริมาณน้อยอายุยืนกว่าคนตัวสูงด้วยซ้ำไป

- แล้ววิธีใดจะช่วยให้เราอายุยืนขึ้นได้
เล่ากันมานานว่า สารหรือยาต่าง ๆ ที่จะช่วยให้คนเราอายุยืน เป็นหนุ่มเป็นสาวนานขึ้น หรือแก่ช้าลงนั้นไม่มีจริง ฟังแล้วจะคอยห่อเหี่ยวหัวใจ ทำไมคนเราไม่มีหวังในเรื่องนี้เลยหรือ

จริง ๆ ก็มีครับ อย่าเพิ่งสิ้นหวัง ความก้าวหน้าที่เราสร้างสมกันมาไม่สูญเปล่าหรอก ยังมีประโยชน์เสมอ มีบางคนกล่าวว่า นับตั้งแต่มีมวลมนุษยชาติอุบัติขึ้นมาบนโลก ความก้าวหน้าที่เราได้มาในช่วง ๕๐ ปีที่ผ่านมานับรวกกันแล้วมากมายกว่าความก้าวหน้าที่มีมาทั้งหมดก่อนหน้านี้เสียอีก ดังนั้นในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า มนุษย์เราคงจะมีความก้าวหน้ามากกว่านี้อีกหลายเท่า แล้วตอนนั้นก็เป็นไปได้ว่า มันอาจมีส่วนช่วยให้เราอายุยืนขึ้นหรือแก่ช้าลงก็เป็นไปได้ แต่เมื่อไม่ถึงตอนนั้น ตอนนี้มีอะไรน่าชื่นใจได้บ้างไหม

มีครับ แม้ว่าเรายังค้นไม่พบยาอายุวัฒนะ และยาชะลอความแก่ การอดอาหารหรือสารต้านอนุมูลอิสระก็ไม่ช่วยจริง ๆ จัง ๆ แต่เราก็สามารถที่จะอายุยืนยาวขึ้นเดินกว่าร้อยปีก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นจะเอาจริงเอาจังขนาดไหน

เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยอเมริกาคณะหนึ่งพบว่า มีดีเอ็นเอ (DNA) ท่อนหนึ่งบนโครโมโซมคู่ที่ 4 ที่มีลักษณะเฉพาะที่พบได้แต่ในคนที่มีอายุเกินหนึ่งร้อยปี หรือเรียก “ยีนของการมีอายุยืน” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะญาติพี่น้องหรือคนที่มีอายุยีนมียีนท่อนนี้ทั้งนั้น ตรงนี้อาจจะมีส่วนช่วยถ้าเราสามารถต่อยอดความรู้อันนี้ขึ้นไปให้มันเป็นประโยชน์ขึ้นมา

อีกด้านหนึ่งเรารู้และมั่นใจว่าการดำเนินชีวิตเป็นส่วนสำคัญที่มากกว่าพันธุกรรมที่เป็นตัวกำหนดอายุของคนเรา หมายความว่า ความรู้ประดามีความเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องทั้งหลายจะช่วยยึดอายุหรือทำให้เราลาโลกนี้ช้าลงได้

ท่านอาจจะไม่มั่นใจว่า เอ...การดำเนินชีวิตอย่างที่ว่า มันคืออะไรกันแน่
ในบรรดาคนที่อายุยืนที่สุดในโลกนั้นอยู่ในหมู่เกาะแห่งกนึ่งที่อยู่ระหว่างญี่ปุ่นยื่นต่อเนื่องไปจรดไต้หวันหมู่เกาะแห่งนี้ชื่อ โอกินาวา ซึ่งมีประชากรราว 1,300,000 คน คนที่นั่นอายุเฉลี่ยกว่า 90 ปีแม้คนที่นั่นจะยังคงมีผมขาว ผิวเหี่ยวย่นไปตามวัย แต่พวกเขาก็ยังแข็งแรง สามารถต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บที่คุกคามชีวิตได้เป็นอย่างดี อย่างในคุณย่าคุณยายอุบัติการณ์กระดูกหักที่นั่นน้อยมาก โรคหัวใจเอย โรคอัมพฤกษ์อัมพาธเอยน้อยหมด ไม่เท่านั้น บรรดาโรคมะเร็งที่เกี่ยวกับฮอร์โมนทั้งหลายก็น้อยมากด้วย ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเต้านม รังไข่ ต่อมลูกหมาก หรือลำไส้ล้วนน้อยกว่าที่ใด ๆ ในโลก

แล้ววิถีชีวิตของคนเหล่านั้นเป็นอย่างไร
ชาวโอกินาวา ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ และกินเนื้อสัตว์น้อย 3 ใน 4 ของอาหารโปรตีนที่ชาวโอกินาวากินได้จากพืช ผัก และผลไม้ เรียกได้ว่าลำได้ของชาวโอกินาวาพบแต่อาหารประเภทไฟเบอร์แทบทั้งสิ้น ไม่ค่อยได้เจอะเจอกับอาหารประเภทไขมัน เนื้อสัตว์ หรือน้ำตาลดัดแปลงทั้งหลายเลย ยิ่งไปกว่านั้นชาวเกาะเหล่านี้ยังมีธรรมเนียมที่น่าสนใจประการหนึ่งคือ ธรรมเนียม “ฮาราฮาชิบู” ซึ่งจะวางตะเกียบลงทันทีที่เริ่มรู้สึกอิ่ม

นอกเหนือจากวิถีชีวิตที่จะช่วยยืดอายุแล้วยังมีด้านอื่น ๆ จากการศึกษาชีวิตของชาวโอกินาวาเป็นเวลานานกว่า 25 ปี สิ่งที่นักวิจัยพบคือ คนเหล่านี้มีประเพณีการเต้น การเดิน การทำสวน และท่ารำมวยที่เป็นจุดเด่นอีกด้วย คนวัยกลางคนและคนสูงอายุที่นั้นแทบทุกคนจะออกมารำไทชิ (taichi) กันเป็นกิจวัตร การทำสมาธิก็เช่นกัน เป็นกิจวัตรที่ทำกันทั้งหมู่เกาะ

ที่นักวิจัยแนะนำอีกประการหนึ่ง การมองโลกในแง่ดี เรื่องนี้เป็นผลวิจัยพบว่า คนมองโลกในแง่ดีมีอายุยีนยาวกว่าคนมองโลกในแง่ร้ายอย่างไกลไม่เห็นฝุ่น คนปฏิบัติหรือดำเนินตามแนวของศาสนาก็เช่นกัน อายุยืนกว่าคนไม่ปฏิบัติตนตามศาสนา

ถ้าเราทำตามที่ว่านี้ให้ครบ แล้วกินยาชะลอความแก่ด้วยจะเป็นอย่างไร อายุยืนขึ้นอีกไหม

นักวิจัยยังไม่รู้คำตอบ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่เป็นไปได้ เรายังไม่รู้ความลับว่านาฬิกาแห่งชีวิตหรือที่เรียกทางเทคนิคว่า นาฬิกาชีวภาพ (biologicalclock) นั้นอยู่ตรงไหนแน่ อยู่ในเซลล์ทั่ว ๆ ไปหรืออยู่ที่ไหน ถ้าเจอแล้วเราทำวิธีใดก็ได้ที่เสมือนไขให้มันเดินช้าลง อายุเราก็ยืนยาวขึ้น

ที่พบแล้วในขณะนี้เห็นจะเป็น tolemere ซึ่งเป็นโครโมโซมที่จะสั้นลงทุกคราวที่มีการแบ่งเซลล์ ตรงนี้อาจจะใช่หรือไม่ใช่นาฬิกาแห่งชีวิตก็ได้ ยังไม่มีใครรู้คำตอบ แต่ที่รู้แน่ ๆ คือ ถ้ามันสั้นลงจนถึงระดับหนึ่งเซลล์นั้นก็จะตายไป ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่เราจะทำให้อายุของเซลล์ยาวขึ้นด้วยการวิจัยด้านนี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไปไม่ถึงตรงนั้น

หันมาดูเรื่องของยืน เรารู้มาพอสมควรแล้วว่า ยีนของเราไม่ได้ทำงานทั้งหมดทุกท่อน ยีนบางท่อนเปิดสวิตช์ทำงานตั้งแต่เริ่มแรก ทำไปเป็นเวลานานปี เสร็จแล้วก็หยุดทำงานลง ยีนอีกท่อนเปิดสวิตช์ทำงานแทนขึ้นมา ตรงไหนคืออะไร เป็นตัวเปิดสวิตช์ปิดสวิตช์ยีนเหล่านี้ เรายังไม่รู้ ถ้ารู้ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะได้มาซึ่งยาอายุวัฒนะ

แต่ก็มีโอกาสหรือมีหวังครับ เพราะการวิจัยของมหาวิทยาลัยวิสคอนชินพบยีนบางท่องของกล้ามเนื้อ ที่เปิดสวิตช์ทำงานเมื่ออายุมากขึ้น

ตอนนี้นักวิจัยกำลังทดลองดูว่า ถ้าสามารถปิดสวิตช์ยีนท่อนที่เริ่มทำงานตอนแก่ได้จะทำให้อายุของเซลล์ยาวขึ้นตามสมมติฐานหรือไม่ ผลถึงขณะนี้ก็มีความคืบหน้าพอสมควรครับ นั่นคือความหวังที่จะเห็นแสงสว่าง

และเมื่อสิ่งนี้เป็นจริง คำถามที่ว่า “คุณอายุเท่าไหร่”
จ้างให้ก็ไม่มีใครเดาคำตอบถูก
 

ข้อมูลสื่อ

275-006
นิตยสารหมอชาวบ้าน 275
มกราคม 2545
บทความพิเศษ
นพ.ประกอบ ผู้วิบูลย์สุข