• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ไข้สมองอักเสบ จากเชื้อไวรัสเจอี

ไข้สมองอักเสบ จากเชื้อไวรัสเจอี

 


 

ข้อน่ารู้

1. ไข้สมองอักเสบ (encephalitis) หมายถึง การอักเสบของเนื้อสมอง ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน บางครั้งอาจพบเป็นโรคแทรกช้อนของโรคหัด คางทูม ไข้สุกใส เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของไข้สมองอักเสบในบ้านเรา ก็คือ เชื้อไวรัสเจอี (JE ซึ่งย่อมาจาก Japanese encephalitis) ซึ่งพบมีการระบาดในบางปีได้ โรคนี้พบมากทางภาคเหนือ รองลงมาคือภาคอีสาน ส่วนภาคกลางและภาคใต้พบได้น้อยกว่า 2 ภาคแรก

2. ไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเจอี ตามธรรมชาติเป็นโรคที่ถ่ายทอดกันอยู่ในระหว่างสัตว์ ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ไปจนถึงสัตว์เลื้อยคลาน ทั้งที่เป็นสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง โดยมียุงรำคาญที่อยู่ตามบ้านและท้องนาเป็นพาหะนำเชื้อ สัตว์เลี้ยงสำคัญที่มักติดเชื้อไวรัสเจอี ได้แก่ หมู วัว ควาย ม้า แกะ เชื้อไวรัสจะขยายพันธุ์อยู่ในสัตว์เหล่านี้ ในบ้านเราพบว่า ลูกหมูเป็นแหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญที่สุด เมื่อยุงกัดสัตว์เหล่านี้ เชื้อที่อยู่ในเลือดจะเจริญแพร่พันธุ์ในยุง เมื่อยุงบินไปกัดคน (สามารถบินได้ไกลหลายกิโลเมตร) ก็จะแพร่เชื้อเข้าไปในคน คนที่รับเชื้อไวรัสชนิดนี้เข้าไป บางคนอาจไม่มีอาการแสดง (ไม่ป่วยเป็นโรค) แต่บางคนก็อาจป่วยเป็นไข้สมองอักเสบได้ ระยะฟักตัวของโรค (ตั้งแค่รับเชื้อจนปรากฏการป่วย) ประมาณ 5-14 วัน

3. ไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเจอี จึงพบมากในแหล่งที่มีการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีการเลี้ยงหมูจำนวนมาก เช่น ในชนบท และบริเวณชานเมือง และพบมากในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม แต่ก็อาจพบประปรายได้ตลอดทั้งปี

4. เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี มีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่ากลุ่มอายุอื่นๆ พบมากที่สุดในเด็กอายุ 5-9 ปี ส่วนเด็กโตและผู้ใหญ่จะป่วยเป็นโรคนี้น้อย เนื่องจากเคยได้รับเชื้อ (โดยไม่แสดงอาการ) และมีภูมิต้านทานโรคเกิดขึ้นตามธรรมชาติแล้ว

5. โรคนี้จัดว่ามีอัตราร้ายแรง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ 100 คนมีโอกาสตายประมาณ 10-20 คนในรายที่เป็นรุนแรง (เช่น ไข้สูงตลอดเวลาอยู่นานวัน ซักหรือหมดสติอยู่เป็นเวลานาน) หากไม่ตาย ก็อาจมีความพิการของสมอง สมองเสื่อม แขนขาเป็นอัมพาต หรือปัญญาเสื่อมได้ ส่วนในรายที่เป็นไม่รุนแรงก็มักจะหายได้เป็นปกติ

6. เนื่องจากโรคนี้เกิดจากไวรัสไม่มียารักษาโดยตรง คนไข้จะหายหรือตาย หรือพิการ ขึ้นกับความรุนแรงของโรคเป็นสำคัญ ดังนั้นทางที่ดีควรหาทางป้องกันโดยฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอจี วัคซีนนี้ฉีดได้กับคนทุกอายุ แต่เด็กอาจจะได้รับประโยชน์มากกว่าผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่มีถูมิต้านทานโรคนี้อยู่แล้ว ควรฉีดในเด็กอายุตั้งแต่ 1-3 ปี เริ่มแรกฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1-2 สัปดาห์ และอีก 1 ปีต่อมา ควรฉีดกระตุ้นอีก 1 เข็ม

วัคซีนนี้ป้องกันได้เฉพาะไข้สมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสเจอีเท่านั้น ไม่อาจป้องกันเชื้อไวรัสชนิดอื่น
รู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้เป็นอื่น คนที่เป็นไข้สมองอักเสบ จะมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก และคลื่นไส้อาเจียนบ่อย ต่อมาจะมีไข้ตลอดเวลา (กินยาลดไข้ไม่ได้ผล) ซึมลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่รู้สึกตัว อาจมีอาการตัวเกร็งแข็ง หรือชักกระตุก หรือแขนขาเป็นอัมพาตร่วมด้วย

โรคอื่นอาจมีอาการคล้ายกับไข้สมองอื่น เช่น

1. มาลาเรียขึ้นสมอง จะมีอาการแบบเดียวกับไข้สมองอักเสบ แต่อาจมีประวัติอยู่หรือเดินทางไปในเขตป่าเขา และมีอาการจับไข้หนาวสั่นนำมาก่อนที่จะหมดสติ หากสงสัยควรไปหาหมอโดยเร็ว

2. เยื่อหุ้มสมองอักเสบ จะมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก อาเจียนบ่อย และก้มคอไม่ลง (คอแข็ง) หากสงสัยควรไปหาหมอโดยเร็ว

3. บาดทะยัก จะมีไข้ ขากรรไกรแข็ง (อ้าปากลำบาก) และชักกระตุกเป็นครั้งคราว เวลาสัมผัสถูกตัว หรือเห็นแสงสว่าง หรือได้ยินเสียงดัง คนไข้จะรู้สึกตัวดี ไม่ซึมแบบไข้สมองอักเสบ มักมีบาดแผลอักเสบที่ผิวหนัง เช่น ตะปูตำ หนามเกี่ยว หากสงสัยควรไปหาหมอโดยเร็ว

4. อาการชักจากไข้สูง จัดเป็นอาการที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง พบในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี จะมีอาการตัวร้อนจัด (จากไข้หวัด เจ็บคอ เป็นบิด เป็นต้น) แล้วมีอาการชักเกร็งของแขนขาทั้ง 2 ข้าง นานเพียง 2-3 นาที หลังชักเด็กจะรู้สึกสบายดี วิ่งเล่นได้ตามปกติ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดขึ้นครั้งแรก ถึงแม้เด็กจะหายชักแล้วก็ควรจะปรึกษาหมอให้แน่ใจ

เมื่อไรควรไปหาแพทย์

คนที่มีไข้ตัวร้อน ควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

1. ปวดศีรษะรุนแรง กินยาแก้ปวดแล้วไม่ทุเลา

2. อาเจียนมาก

3. มีอาการชักร่วมด้วย

4. ซึม ไม่ค่อยรู้สึกตัว หรือหมดสติ

5. แขนขาเป็นอัมพาต ปากเบี้ยว กลืนลำบาก หรืออ้าปากลำบาก (ขากรรไกรแข็ง) หรือก้มคอไม่ลง (คอแข็ง)

แพทย์จะทำอะไร

แพทย์จะตรวจระบบสมองและประสาท และจะใช้เข็มพิเศษเจาะ หลังเพื่อนำเอาน้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลังไปตรวจพิเคราะห์โรค อาจทำการตรวจคลื่นสมอง หรือเอกชเรย์สมองในรายที่จำเป็น ถ้าเป็นไข้สมองอักเสบจริง จะรับคนไข้ไว้รักษาในโรงพยาบาลโดยให้การรักษาตามอาการ เช่น ลดไข้ ให้น้ำเกลือ ป้อนอาหารทางท่อสายยางที่ต่อเข้ากระเพาะอาหาร เจาะคอ (ถ้าหมดสติหรือมีเสมหะในคอมาก) ให้ยาแก้ชัก เป็นต้น ผลการรักษาขึ้นกับความรุนแรงของโรคดังกล่าวข้างต้น

โดยสรุป ไข้สมองอักเสบจากเชื้อเจอี จัดเป็นโรคอันตรายร้ายแรง มีสัตว์เลี้ยง เช่น หมู วัว ควาย ม้า แกะ เป็นแหล่งแพร่เชื้อ โดยมียุงตามบ้านและท้องนาเป็นพาหะนำโรค เมื่อเป็นแล้วไม่มียารักษาโดยตรง จะหาย หรือพิการ หรือตายขึ้นกับความรุนแรงของโรคเป็นสำคัญ ในปัจจุบันมีวัคซีนฉีดป้องกัน โดยเริ่มฉีดในเด็กอายุ 1-3 ปี

ข้อมูลสื่อ

174-004
นิตยสารหมอชาวบ้าน 174
ตุลาคม 2536
แนะยา-แจงโรค
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ