• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

อยากฉลาดจะทำอย่างไร (ตอนที่ 2)

อยากฉลาดจะทำอย่างไร
(ตอนที่ 2)

"สวัสดีลูกๆ เอ้า น้องเดือนจ๋า เล่าให้เพื่อนๆ ฟังหน่อยได้ไหมจ้ะว่า การบ้านที่ป้าให้ไปคิดน่ะ หนูได้คำตอบว่าอย่างไร หนูเรียนรู้วิธีกวาดบ้านได้อย่างไร...เก่งมากจ้ะ...

ที่น้องเดือนเล่าว่า ตอนแรกๆ หนูก็ถือไม้กวาดไม่เป็นเลยใช่ไหม แต่หนูช่างสังเกต คอยมองดูว่าคุณพ่อคุณแม่จับไม้กวาดอย่างไร  แล้วหนูก็ลองหัดทำดู...จ้ะ สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ก็คือ การสังเกต สมองของเราจะเรียนโดยสังเกต จดจำ แล้วก็สั่งให้กล้ามเนื้อร่างกายของเราฝึกหัดทำ ถ้าหนูสังเกตอย่างเดียว จำเอาไว้ แต่ไม่เคยหัดทำ หนูก็อาจจะทำได้ แต่ไม่ดี เพราะขาดการฝึกฝน การเรียนรู้จึงต้องประกอบด้วยการสังเกต การทำความเข้าใจ จดจำ แล้วก็ฝึกฝน...นั่นแหละจ้ะ หนูรู้เคล็ดลับของความฉลาดแล้ว...เอ้าวันนี้ ป้าก็จะเล่าต่อว่า นักวิชาการเรื่องสมอง เขามีข้อเสนอแนะอะไรสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่จะช่วยกระตุ้นลูกให้ฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้องได้..."


สูตรสำหรับคุณพ่อคุณแม่กระตุ้นลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์

1.ใช้เสียงของคุณแม่เอง ทำได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าท้อง ด้วยเสียงของคุณพ่อคุณแม่พูดกับเขา คุย อ่านหนังสือ ร้องเพลงให้เขาฟัง แต่พอดีๆ ไม่มากเกินไป คุณแม่คุยกับลูกได้บ่อยๆ เย็นๆ ค่ำๆ  คุณพ่อกลับมาจากทำงานก็มานั่งคุยกับลูกด้วยกัน อ่านหนังสือ ร้องเพลง หรือเปิดเพลงเบาๆ ให้เขาฟังกับเราด้วย ที่สำคัญไม่ควร ดูทีวีมาก เพราะเรื่องตื่นเต้นในทีวี จะกระตุ้นลูกในท้อง อาจทำให้การนอนหลับและการตื่นผิดปกติไปได้ การคุย การอ่านหนังสือกระตุ้นลูกได้ดีกว่า

2.กินอย่างฉลาดสำคัญมาก เพราะสมองและส่วนต่างๆ ของเด็กจะพัฒนาได้ดีก็ต้องอาศัยอาหารกินให้ครบทุกหมู่ ข้าวแป้ง เนื้อสัตว์ ตับ ไขมัน ไข่ ผักผลไม้ เสริมด้วยวิตามินบี และกรดโฟลิก (เชื่อว่ากรดโฟลิกช่วย ลดความเสี่ยงของความผิดปกติในระบบประสาทของเด็ก) ที่สำคัญแม่ไทยจำนวนมากมีภาวะเลือดจาง (แบบไม่มีอาการ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขาดธาตุเหล็ก) และในหลายภาคจะมีภาวะขาดสารไอโอดีน เวลาตั้งท้องจึง ควรไปตรวจร่างกาย ไปตรวจเลือดว่า ซีดไหม ขาดไอโอดีน หรือเปล่า จะได้กินอาหารและกินยาเสริมธาตุเหล็ก และไอโอดีนได้เหมาะสม ไม่มากไปหรือน้อยไป ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อลูกได้

3.ห้ามสูบบุหรี่ ดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมทั้งยาดองเหล้า ทั้งเหล้าและบุหรี่
คือยาพิษสำหรับสมองและการเจริญเติบโตของเด็กในท้อง ผลการวิจัยทั่วโลกพบว่า แม่ที่สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า ระหว่างตั้งท้อง จะคลอดลูกตัวเล็กกว่าปกติ และมีผลต่อ สุขภาพเด็กจนโต บางคนอาจสติปัญญาต่ำด้วย ต้องระวังให้มาก ถ้าคุณพ่อหรือคนในบ้านสูบบุหรี่ ขอให้งดสูบบุหรี่ เมื่อต้องอยู่ร่วมบ้านกับแม่ที่ตั้งท้อง ทางที่ดีก็เลิกไปเลยดีกว่า

4.ผ่อนคลายความตึงเครียดในชีวิตประจำวัน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น มีภาระเรื่องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก็ต้องฝึกฝนวิธีผ่อนคลายความเครียด ลองหาอ่านจากหนังสือสุขภาพ หรือปรึกษาหมอพยาบาล เวลาไปฝากท้องก็ได้ ไปวัดคุยกับพระบ้าง นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้ผ่องใสร่าเริง ถ้าบางคนที่ตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจจะมีลูกก็ต้องทำใจแล้ว และร่าเริงเตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะคลอดออกมา
ถ้าแม่เครียดมาก เด็กก็อาจจะโตช้า และขัดขวาง พัฒนาการของสมองและด้านอื่นๆ ด้วย เพราะเวลาเครียด ร่างกายของแม่จะหลั่งสารชนิดหนึ่งปล่อยมาตามกระแสเลือดเข้าสู่ตัวเด็ก ที่จะมีผลเสียต่อลูก

5.หลังคลอดให้ดื่มนมแม่ ดังนั้น คุณแม่จะต้องดูแลอาหารของตนให้ครบถ้วนต่อเนื่องไป เพื่อประกันว่าน้ำนมมีคุณภาพพอ หากหย่านมแล้ว ต้องให้อาหารไขมันพอเพียงเพราะสมองเด็กต้องการไขมัน ที่สำคัญต้องให้ลูกกินนมแม่ไปอย่างน้อย 6 เดือน น้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก ดีกว่านมผง
(อย่าลืมว่า ลูกเราเป็นลูกคน ไม่ใช่ลูกวัว นมแม่จึงดีกว่านมวัวแน่นอน) แล้วใกล้ 6 เดือนจึงค่อยๆ
ให้อาหารเสริมอื่น เช่น ธัญพืช (ข้าวบด) น้ำต้มผักบด ไข่ต้มสุกบด น้ำส้ม เป็นต้น ศึกษาจากเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยแนะนำได้

6.อะไรที่เราชอบ เด็กก็ชอบด้วย หมายถึง การสัมผัส พูดคำอ่อนหวาน กอดรัด ลูบไล้ พูดคุยอย่าง
อ่อนหวาน อบอุ่น (ไม่ใช่สิ่งของภายนอก) เล่นกับเขาอย่าง นุ่มนวล อ่อนโยน ระยะช่วงขวบปีแรกไปจนถึงอายุ 3 ขวบ พ่อแม่ต้องให้ความรัก ความอบอุ่น อย่าทอดทิ้ง ที่สำคัญ "เด็กเรียนรู้และเติบโตจากการเล่น" ในระหว่าง การเล่น เด็กจะสังเกต ฝึกฝนทักษะต่างๆ ด้านกล้ามเนื้อ การใช้มือ/นิ้ว ขา/เท้า การทรงตัว ฝึกฟังเสียง ฝึกพูด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการทางภาษา และเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้และความฉลาดในอนาคต


"เอ้าวันนี้ คุยกันแค่นี้ก่อนนะจ้ะ...พูดยาวตามเคย หนูๆ ที่กำลังโตเป็นวัยรุ่น ต้องทำความเข้าใจเรียนรู้เรื่องพวกนี้ไว้ก่อนได้เลย เราเรียกว่า วิชาครอบครัวศึกษาจ้ะ ดีกว่าเพศศึกษาเยอะเลย เพราะพวกเราจะโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะต้องไปเป็นต้นแบบ เป็นพ่อเป็นแม่ที่ดี เพื่อให้ลูกๆ ของพวกเราเป็นเด็กที่มีคุณภาพ ฉลาด และเป็นคนดีของสังคม...เอ้ากลับกันได้แล้ว อย่าลืมทำการบ้าน ช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงาน และนอนแต่หัวค่ำนะจ้ะ  ตื่นแต่เช้าไปออกกำลังกายก่อนไปโรงเรียน ถ้าไม่มีเวลา ก็ไปออกกำลังกายที่โรงเรียนก็ได้จ้ะ สุขภาพจะดีต้องสร้างด้วย ตัวเองนะจ้ะ ไม่มียาวิเศษอะไรช่วย เราได้ ถ้าเราไม่ช่วยตัวเอง...สวัสดีจ้ะลูก"

ข้อมูลสื่อ

304-002
นิตยสารหมอชาวบ้าน 304
สิงหาคม 2547
พญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ