• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

การเลี้ยงดูเด็ก เด็กสามขวบถึงสี่ขวบ

การเลี้ยงดูเด็ก
308 อาหารสำหรับเด็กวัยนี้

เด็กวัยนี้น้ำหนักตัวจะเพิ่มประมาณหนึ่งกิโลครึ่ง ถึงสองกิโลกรัม ในช่วงระยะเวลา 1 ปี ในขณะที่ตัวสูงขึ้นถึง 6 เซนติเมตร พ่อแม่มองดูด้วยตามักนึกว่าลูกไม่อ้วนสักที เพราะเป็นช่วงที่เด็กตัวยืด ปริมาณอาหารซึ่งเด็กกินแต่ละมื้อน้อยกว่าปริมาณที่แม่อยากให้กิน เด็กคนไหนกินข้าวได้ดังใจแม่ทุกมื้อ เท่ากับกินมากเกินไป

ตัวอย่างอาหารสำหรับเด็กวัยนี้
7.30 น. ตื่นตัว
8.00 น.เศษ ขนมปัง 1 แผ่นกับเนยขนาดครึ่งกล่องไม้ขีด นม 200 ซี.ซี.
10.00 น. ขนมและผลไม้
12.00 น. ข้าว 1 ถ้วย ปลา (ปริมาณเท่าของผู้ใหญ่) ผัก
14.30 น. ขนม นม 200 ซี.ซี
18.00 น. ข้าว 1 ถ้วย ไข่หรือเนื้อ ผัก(ปริมาณ 2 ใน 3 ของผู้ใหญ่) ผลไม้

ช่วงอากาศร้อนเด็กคอแห้งกระหายน้ำบ่อย จะดื่มนมเพิ่มขึ้นอีก 200 ซี.ซี. หรือดื่มน้ำผลไม้เพิ่ม
เด็กวัยนี้ชอบกินเนยหรือน้ำตาลซึ่งให้พลังงานสูง เพราะไม่หนักท้องเหมือนข้าว โดยเฉพาะเด็กซน ซึ่งวิ่งออกแรงทั้งวัน ควรให้ขนมเพื่อเพิ่มพลังงานระหว่างมื้ออาหาร

ปริมาณนมซึ่งดื่มแต่ละวันประมาณ 400-500 ซี.ซี. (2 ถุง หรือ 2 กล่อง) ถ้าเด็กกินข้าวเท่ากับตัวอย่างข้างต้นและยังกินนมอีกวันละ 800 ซี.ซี. เด็กจะอ้วนเกินไป ควรปรับปริมาณนมตามความมากน้อยของอาหารที่เด็กกินด้วย

เด็กอายุ 3 ขวบ ถือช้อนส้อมตักอาหารกินเองได้โดยไม่ต้องป้อนให้แม้จะกินช้าไปบ้าง หรือทำหกเลอะเทอะบ้างก็ปล่อยให้กินเองดีกว่า มิฉะนั้นเด็กจะไม่ยอมกินเองเสียที นอกจากหัดให้กินเองแล้ว ควรหัดให้กินอาหารแต่ละมื้อภายใน 30 นาทีด้วย ถ้า 30 นาทียังกินไม่หมดก็ลดปริมาณข้าวลงแต่เพิ่มกับข้าวให้

เด็กที่ไม่ยอมกินผักเลย ต้องให้ผลไม้จึงจะไม่ขาดวิตามิน แต่ควรหัดให้กินผักบ้าง เพราะผักมีข้อดีกว่าผลไม้ตรงที่มีเส้นใยมากกว่าและน้ำตาลน้อยกว่า เวลาหัดเด็กให้ทำสิ่งที่ไม่ชอบนั้น ใช้ลูกยุลูกยอจะได้ผลกว่าเสียงดุเสียงตวาด

ก่อนกินอาหาร หัดให้เด็กล้างมือจนเป็นนิสัย แต่คุณแม่ต้องล้างด้วยจึงจะได้ผล
เมื่ออายุใกล้ 4 ขวบ เด็กเริ่มบ้วนปากเป็น หลังอาหารควรหัดให้บ้วนปากจะเป็นนิสัยที่ดีและคุณแม่ต้องทำด้วยเช่นกัน สิ่งใดที่พ่อแม่ไม่ยอมทำสั่งให้ลูกทำแต่ฝ่ายเดียวย่อมไม่สำเร็จ

309 มื้อกลางวันที่โรงเรียน
เด็กบางคนเริ่มไปโรงเรียนอนุบาลหรือสถานเลี้ยงเด็กแล้ว มื้อกลางวันจึงกินที่โรงเรียน เด็กที่ไม่เคยหัดกินข้าวเองมาก่อน มีพี่เลี้ยงป้อนให้มาตลอด จะเป็นภาระแก่ครูมาก ครูต้องดูแลเด็กเป็นจำนวนมาก เมื่อป้อนให้ไม่ไหวเด็กย่อมกินมื้อกลางวันไม่อิ่มและได้รับอาหารหลักน้อยกว่าปริมาณที่จำเป็น เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหัดให้ลูกช่วยตัวเองได้เสียก่อน อย่างน้อยก็ในเรื่องกิน จึงส่งลูกเข้าโรงเรียน

เด็กอีกประเภทหนึ่งซึ่งมีปัญหามากที่โรงเรียนเวลากินอาหารมื้อกลางวันคือ เด็กซึ่งไม่ยอมกินผัก เด็กบางคนอยู่บ้านไม่ยอมกินผักเลย แต่อยู่โรงเรียนกลับยอมกิน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเด็กหันมาชอบผักซึ่งเคยเกลียด ที่ยอมกินเพราะกลัวครูจึงทนกิน เป็นการฝึกความอดทนมากกว่า แต่ถ้าทางโรงเรียนบังคับมากจนเกินไปจะทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ซึ่งลูกมีปัญหานี้ควรติดตามดูแลพูดคุยและปรึกษาครูที่โรงเรียนด้วย

310 ขนม
บรรดาแม่ชอบดุลูกว่า “ข้าวไม่ค่อยยอมกิน ทีขนมละก็กินเอากินเอา” ที่เด็กอยากกินขนมเพราะร่างกายต้องการน้ำตาล เพื่อสร้างเสริมพลังงานซึ่งไม่เพียงพอเพราะเด็กกินข้าวได้น้อย ฝ่ายผู้ใหญ่มักคิดว่า ถ้าเช่นนั้นควรกินข้าวให้มากขึ้นดีกว่า แต่เด็กวัยนี้ยังกินข้าวทีละมากๆ ไม่ได้ กว่าจะถึงมื้อต่อไปท้องก็หิว อยากกินของหวาน เวลาให้ขนมเด็กควรให้เด็กได้กินอย่างมีความสุข มิใช่เทศนาเสียก่อนว่าน่าจะกินข้าวมากกว่ากินขนม เด็กได้ฟังเทศน์ทุกมื้อ คงจะอารมณ์บูดหมดอร่อยไปเลย

เด็กกินเก่งซึ่งแต่ละมื้อกินข้าวได้ชามครึ่งถึงสองชาม มักจะชอบขนมที่ทำจากแป้ง เช่น ขนมฝรั่ง ขนมเค้ก หรือบะหมี่สำเร็จรูป ฯลฯ ถ้าให้ขนมซึ่งมีแคลอรีสูงแก่เด็กประเภทนี้จะทำให้กลายเป็นเด็กอ้วนเกินไป สำหรับเด็กกินเก่งของว่างควรเป็นผลไม้

เมื่อคุณแม่พาลูกไปจ่ายตลาดด้วย เด็กมักจะคว้าขนมซึ่งเคยเห็นโฆษณาในโทรทัศน์ อย่ายกขนมให้ลูกกินทั้งถุงจนติดเป็นนิสัย ควรแบ่งขนมให้เด็กกินตามปริมาณสมควร

เพื่อป้องกันฟันผุ พยายามหลีกเลี่ยงขนมประเภทลูกกวาด ลูกอม ช็อกโกแลต ฯลฯ เวลาให้กินขนมพวกนี้หัดให้เด็กบ้วนปากแปรงฟันด้วย
 

 

ข้อมูลสื่อ

98-018
นิตยสารหมอชาวบ้าน 98
มิถุนายน 2530