• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กระดูกเลื่อน

กระดูกเลื่อน

ตรงข้อต่อที่ข้อศอก หรือหัวเข่าเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถจะมีเสียงดังเหมือนกระดูกเลื่อนทำกายบริหารโดยเต้นแอโรบิก อาการดังกล่าวก็ไม่หาย ไม่ทราบว่าดิฉันเป็นโรคอะไร

ผู้ถาม อรสุดา/นครราชสีมา
ผู้ตอบ นพ.ธวัช ประสาทฤทธา

ดิฉันอายุ 21 ปี ส่วนสูง 155 เซนติเมตร น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นคนอ้วนพอสมควร ดิฉันยังเป็นนักศึกษา เคยเล่นกีฬาตั้งแต่ชั้น ป.2 พอขึ้นชั้น ป.5 ดิฉันก็ต้องเลิกเล่นกีฬาเพราะต้องเตรียมตัวศึกษาต่อ ซึ่งเดิมดิฉันเล่นกีฬาทุกประเภท แต่จะหนักทางกีฬาประเภทลู่มากกว่าประเภทลาน เคยสังเกตตัวเองว่า ตรงข้อต่อที่ข้อศอกหรือหัวเข่าเมื่อเวลาเปลี่ยนอิริยาบถจะมีเสียงดังเหมือนกระดูกเลื่อน เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เรียนชั้น ม.4 ปี 2531 พอถึงปี 2536 เริ่มมีอาการปวดขาขึ้นมา ก็ใช้ยานวดและยาอื่นๆ อีกหลายขนาน อาการดังกล่าวจะหายเฉพาะเวลานวดเท่านั้นแล้วก็เริ่มใช้วิธีทำกายบริหารโดยเต้นแอโรบิก อาการดังกล่าวก็ยังไม่หาย

เมื่อถึงเวลานอนดิฉันก็หาหมอนมาหนุนขาให้สูง อาการก็ทุเลาเป็นบางครั้งเท่านั้น วันไหนเดินมากๆ จะยิ่งปวด ซึ่งดิฉันไม่ทราบว่าปวดกล้ามเนื้อหรือปวดกระดูก จนกระทั่งถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2536 ดิฉันทนไม่ไหวจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอจัดยา 2 ขนาน คือ ยา Norg. กับยา Volt.

ดิฉันก็กินยานี้เรื่อยมา จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2536 จึงเลิกกินยา พอวันที่ 2 สิงหาคม 2536 ตรงที่ท้องแขนมีตุ่มเล็กๆ สีแดงขึ้นแต่ขึ้นไม่มาก ดิฉันก็ไม่ได้กินยาอีกต่อไป เมื่อตอนเช้าของวันที่ 8 สิงหาคม 2536 ตื่นขึ้นมาเห็นตุ่มสีแดงๆ ขึ้นเป็นจุดๆ ตามข้อมือ ตามแขนมีอาการปวดเมื่อยตามตัว และมีอาการไข้ตามมาในตอนบ่าย พอตอนเย็นก็ไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่งหมอบอกว่าดิฉันเป็นไข้ออกหัดและติดเชื้อไวรัสด้วย หมอจัดยาให้ 3 ขนาน หมอไม่ได้เขียนชื่อยาให้ทราบแต่ตัวยามีลักษณะเป็นแคปซูล 2 ขนาน และยาเม็ดอีก 1 ขนาน ซึ่งดิฉันเข้าใจว่าคงเป็นยาเกี่ยวกับหัดมากกว่าไม่มียาแก้ไข้

พอวันที่ 11 สิงหาคม 2536 ยาหมด แต่อาการดังกล่าวไม่ทุเลาเลย กลับขึ้นมากกว่าเก่า ตามขาจะเป็นจุดแดง ๆ ต่อมาเป็นสีเขียวคล้ำขึ้นตามตัว จึงไปหาหมอที่คลินิกแห่งใหม่ หมอบอกว่าดิฉันเป็นโรคภูมิแพ้ห้ามกินลำไย และ เงาะ และจัดยามาให้แต่ดิฉันไม่กินยาเลย เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2536 ดิฉันไปโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง หมอบอกว่าดิฉันแพ้ยาของโรงพยาบาล เดิมที่เคยไปหา ( ยา 2 ขนาน คือ ยา Norg. กับยา Volt. ) เป็นเส้นเลือดฝอยอักเสบ หมอจัดยาให้ 3 ขนาน คือ ยา Teld ,ยา Teldane และยาทาซึ่งหมอเขียนตัวย่อว่า AA 0.1 %

ดิฉันกินยาได้เพียง 2 ครั้ง อาการดังกล่าวจึงหายไป จนกระทั่งวันที่ 24 สิงหาคม 2536 ตามขามีเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ขึ้นเห็นได้ชัดเจน แต่มีไม่มากนัก ซึ่งตรงผิวหนังที่ขาบางแห่งเห็นลางๆ แต่อาการปวดขาและเสียงดังเหมือนกระดูกเลื่อนยังเหมือนเดิม

อยากทราบว่าอาการดังกล่าวนั้นดิฉันเป็นโรคอะไรกันแน่

1.อาการปวดขาในกรณีนี้เกิดจากสาเหตุอะไร เสียงดังตามข้อต่อของข้อศอกและเข่าเกิดจากสาเหตุอะไร

คุณเขียนถามถึงเรื่องกระดูกเลื่อน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่ากระดูกตรงส่วนไหนเลื่อน และเคยตรวจเช็กด้วยภาพเอกซเรย์หรือไม่กรุณาเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมด้วยครับ

สำหรับอาการผื่นและตุ่มแดงที่เกิดขึ้นนั้นอาจเกิดจากการแพ้ยา แต่อย่าลืมว่า ขณะที่เรากินยา เราก็อาจได้รับสารเคมีบางอย่างที่ผสมในอาหารที่กินทุกวัน เช่น น้ำส้มสายชู ชนิดที่ไม่มีคุณภาพ เป็นต้น เพราะเคยมีผู้ป่วยที่มีประวัติและอาการแบบนี้ตอนแรกก็เข้าใจว่าเกิดจากการแพ้ยา

อาการปวดขาส่วนใหญ่เกิดจากการใช้งานเกินกำลังและผิดท่าผิดทาง เช่น ท่านั่งพับเพียบ ท่านั่งยองๆ ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ น้ำหนักที่เกินปกติ ( อ้วน ) ข้อแนะนำ คือ ลดการใช้งานของอวัยวะส่วนต่างๆ ที่ผิดท่าผิดทาง ลดน้ำหนัก และบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าและขาให้สม่ำเสมอ

2.เสียงดังตามข้อต่อของข้อศอกและเข่าเกิดจากสาเหตุอะไร

เสียงดังในข้อศอกต่างๆ เป็นอาการสำคัญที่พบบ่อย ถ้าไม่เจ็บไม่ปวดหรือไม่มีความพิการผิดรูปของข้อต่อต่างๆ ก็ไม่เป็นไร

3.เส้นเลือดที่ปรากฏให้เห็นเกิดจากการกินยาหรือไม่ มีวิธีรักษาอย่างไร

เส้นเลือดฝอยที่บริเวณน่องหรือขาเกิดจากการยืนหรือเดินนานๆ พบบ่อยในคนท้องและคนอ้วน หรือคนที่ทำงานหนักๆ

4.อยากทราบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้นมีอาการอย่างไรสามารถรักษาอาการของดิฉันได้ที่ไหน

ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะมีอาการเพลีย ซีด อ่อนแรง เบื่ออาหาร อาจมีจ้ำตามตัวและติดเชื้อได้ง่าย

ข้อมูลสื่อ

177-015-2
นิตยสารหมอชาวบ้าน 177
มกราคม 2537
นพ.ธวัช ประสาทฤทธา