• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ก่อนเกิด – หลังตาย (ตอนจบ)

ก่อนเกิด – หลังตาย (ตอนจบ)

ก่อนชีวิตนี้
คราวนี้ลองหันมาดูผลงานของนักวิทยาศาสตร์อีกท่านหนึ่ง ที่ได้พยายามค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับชีวิตก่อนที่เราจะเกิดมาเป็นมนุษย์ในชีวิตนี้ นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้เป็นสุภาพสตรี ชื่อ ดร.วัมบาต (Wambach) เป็นชาวอเมริกัน เป็นศาสตราจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ท่านอยากจะค้นคว้าเรื่องอดีตของมนุษย์ ท่านสันนิษฐานว่า ความจำของมนุษย์เรานั้นอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา ถ้าหากเราสามารถที่จะค้นลงไปใต้จิตสำนึกของเรา ถ้าหากเราสามารถที่จะค้นลงไปใต้จิตสำนึกของเราได้ เราก็จะรู้อดีตของเรา เพราะท่านเชื่อว่า ความจำเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งมีตัวความจำ (memory) ที่จะเก็บข้อมูลทุกอย่าง ไม่มีการลืม

ตอนนี้ ดร.วัมบาตก็พยายามหาวิธีที่จะค้นลงไปในจิตใต้สำนึก และมนุษย์เรามักจำอะไรไม่ค่อยได้ ถ้าถามว่า เมื่อเราอายุ 4 ขวบ ในวันที่ 13 เดือนสิงหาคม เวลา 15.00 น. เรากำลังทำอะไรอยู่ ส่วนใหญ่ในที่นี้ก็คงจะตอบไม่ได้ ส่วนที่เราใช้ในการคิดนั้น เราคิดฟุ้งซ่าน คิดโน่น คิดนี่ เราควบคุมไม่ได้ ถ้าเราสามารถจะควบคุมความคิดของเราให้นิ่ง จะปรากฏว่าจิตใต้สำนึกจะเริ่มโผล่ออกมา เรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วนะครับว่า เมื่อเด็กๆ เริ่มฝึกสมาธิมาก ความจำจะดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ยิ่งจิตสงบเท่าไร ความจำจะยิ่งดีขึ้น แสดงว่า ข้อมูลที่มาจากอดีตของเราเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกนั้น จะสามารถโผล่ออกมาได้ถ้าเราควบคุมความคิด ควบคุมจิตสำนึกของเราให้นิ่ง

ดร.วัมบาตหาวิธีการที่จะบังคับบุคคลต่างๆ ที่เขาต้องการทดลอง ทำให้จิตสำนึกของเขาสงบนิ่ง จึงใช้วิธีการแบบสะกดจิต และได้สะกดจิตไป 1,000 กว่าคนแล้ว เมื่อจิตสำนึกถูกสะกดไว้ คนที่ถูกสะกดจิตจะไม่รู้สึกตัว จิตสำนึกก็จะไม่มีปฏิกิริยาอะไร เมื่อจิตสำนึกถูกกดไว้ จิตใต้สำนึกก็โผล่ขึ้นมา ตอนนี้ ดร.วัมบาตก็เริ่มสัมภาษณ์โดยตรงที่จิตใต้สำนึกความจำต่างๆ ก็โผล่ออกมา

วิธีนี้ทางการแพทย์ได้นำมาใช้ในการรักษาโรคบางอย่าง เช่น อาการหลงลืม (แอมนีเซีย-amnesia) บางทีเราประสบอุบัติเหตุ ศีรษะเราไปกระทบอะไรอย่างรุนแรงแล้วก็ลืมอดีตของตนเอง แพทย์ก็ได้ใช้วิธีการสะกดจิต พยายามรื้อฟื้นความจำ ซึ่งทางแพทย์ได้กระทำกันมามากแล้ว ดร.วัมบาตก็ใช้วิธีเดียวกันนี้สะกดจิตอย่างลึกๆ แล้วก็ถามย้อนหลังไปในอดีต ตอนแรกเกิดจนอายุ 1 ขวบ 4 ขวบ เป็นเรื่องที่แปลกที่เราคิดว่า เด็กที่เกิดใหม่ๆ เป็นผู้ไร้เดียงสา ยังไม่รู้เรื่องอะไร แต่จากการพิสูจน์ของ ดร.วัมบาตนั้น เขาสามารถจะรับข้อมูลอะไรๆทุกอย่างได้หมด พ่อแม่ทำอะไร พี่น้องที่มาเยี่ยมพูดหรือทำอะไร พูดอะไรต่อหน้าเด็ก เขาก็สามารถเก็บไว้ได้หมดอยู่ในจิตใต้สำนึก ไม่มีการลืม แล้วมันก็จะโผล่ออกมา ถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ หรือแม้ว่าดูเหมือนแกจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่แกก็เก็บไว้ได้หมดทุกอย่างอยู่ในจิตใต้สำนึก แล้วก็ค่อยๆโผล่ออกมาในชีวิต แล้วมีผลเสียต่อจิตใจ ต่อชีวิตของเด็กในอนาคต เพราะฉะนั้น เราควรจะต้องระวังนะครับ อย่าคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่องอะไร

ดร.วัมบาตสะกดย้อนหลังเข้าไปอีก จนถึงเมื่อเด็กอยู่ในท้องแม่ ปรากฏว่า เด็กจำทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแม่ อารมณ์ต่างๆ ของแม่ แม่คิดอะไร ทำอะไร แกก็จะเก็บไว้หมด อยู่ในจิตใต้สำนึกของเด็ก ดร.วัมบาตสะกดจิตย้อนหลังเข้าไปอีก 10 ปีก่อนที่จะมาเกิด 100 ปี 400 ปี 1,000 ปี 5,000 ปี ดร.วัมบาตหยุดอยู่เพียงแค่นั้น ที่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ไม่ใช่เพราะว่า ความจำของเราหมดแล้ว ท่านเคยได้ทดลองสะกดจิตย้อนหลังไปไกลกว่านั้น แต่เนื่องจากว่าท่านต้องการที่จะพิสูจน์ทุกอย่างที่คนคนนั้นเล่ามาจากจิตใต้สำนึกของเขา ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้เวลามากในการที่จะย้อนหลังกลับไป 5,000 ปี แต่ละคนนั้นดร.วัมบาตเรียกมาสะกดจิตบางทีเป็น 100 ครั้ง เพื่อจะให้ได้ข้อมูลมากที่สุด บางทีมากกว่านั้น ปรากฏว่าแม้สะกดจิตย้อนหลังไปเป็น 1,000 ปี เขาก็ยังจำทุกสิ่งทุกอย่างได้

เป็นเรื่องที่แปลก พอสะกดจิตคนๆ หนึ่งย้อนหลังไป 2,000 ปี แล้วถามว่า ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน เขาเป็นชาวอเมริกันนะครับ อย่าลืมว่าพวกนี้มีเป็นพันคน เขาบอกว่า เขากำลังอยู่ในประเทศจีน อีกคนหนึ่งบอกว่า อยู่ที่อียิปต์ อีกคนหนึ่งบอกว่า อยู่ที่อเมริกาใต้ ก่อนที่จะนำตัวบุคคลเหล่านี้มา ดร.วัมบาตสืบประวัติมาหมดเลยนะครับว่า บุคคลเหล่านี้เคยมีการศึกษาอะไร เคยเดินทางไปประเทศไหน เคยทำอะไรมาบ้าง คนที่บอกว่าอยู่ในประเทศจีนนั้นในชีวิตยังไม่เคยไปประเทศจีน แต่ก็สามารถซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับจีนได้มากมายทีเดียว เช่น แต่งตัวอย่างไร มีเครื่องประดับอย่างไร บอกให้มองลงไปที่เท้าในขณะนั้นดูว่าสวมรองเท้าแบบไหน

ดร.วัมบาตได้เอารายละเอียดเหล่านี้มาให้ผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องเก่าๆ เรื่องทางโบราณคดีต่างๆ ให้สอบดูว่า เครื่องประดับที่ใช้ตรงกับสมัยก่อนหรือเปล่า แม้กระทั่งภาษา บางทีก็ขอร้องให้คนเหล่านั้นพูดภาษาพื้นเมือง ปรากฏว่าส่วนใหญ่พูดได้แล้วก็อัดเทปไว้ ซึ่งเป็นภาษาแปลกๆ เอาไปให้คนที่ศึกษาภาษาจีนโบราณฟังก็ยืนยันว่า ไม่ใช่ภาษาจีนปัจจุบัน แต่เป็นภาษาจีนที่ใช้เมื่อ 2,000 ปีก่อน เพราะฉะนั้นหลักฐานจึงมีอยู่มากมาย ดร.วัมบาตพยายามพิสูจน์ทุกอย่างให้ละเอียดเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ออกมาจากความคิดที่เราคิดขึ้นมาเองเฉยๆ

ในที่สุด ดร.วัมบาตก็สรุปออกมาว่า พวกเรานั้นเป็นไดโนเสาร์ด้วยกันทุกคน หมายความว่า เก่าแก่โบราณ ไม่ใช่อายุ 20 30 40 50 ปี อย่างที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้ เราเป็นไดโนเสาร์ เคยมีชีวิตกันมามากมาย เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย

ดร.วัมบาตได้พยายามดูด้วยว่า ชีวิตหนึ่งกับชีวิตหนึ่งมีเรื่องเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร เช่น เมื่อเราเอาเปรียบคนอื่น ในชีวิตต่อไปนั้นเราจะถูกเอาเปรียบหรือเปล่า ดร.วัมบาตได้พยายามดูในสิ่งที่จะสะท้อนกลับมาในชีวิตต่อๆ มานะครับ ก็ได้เริ่มพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องของกรรมได้มากทีเดียว ได้เห็นชัดว่า บางครั้งเราทำร้ายคนอื่น เราแกล้งคนอื่น ต่อไปเราก็เดือดร้อนจากการกระทำอันนั้น ในชีวิตที่ต่อเนื่องกันมา

ดร.วัมบาตพยายามศึกษาในรายละเอียดมากมายทีเดียว เรื่องชีวิตก่อนที่จะมาเกิดแล้วท่านก็ได้พบด้วยว่า เราไม่ได้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เราสลับกันไปสลับกันมา บางครั้งก็เป็นผู้หญิง บางครั้งก็เป็นผู้ชาย นอกจากนั้นแล้ว ยังศึกษาเกี่ยวกับพลเมืองของโลกด้วยนะครับ ถ้าเผื่อเราเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วก็แน่นอนว่า วิญญาณก็น่าจะมีจำกัดอยู่แค่นั้น (เท่าเดิม) จำนวนประชากรทำไมจึงเพิ่มขึ้น ดร.วัมบาตก็ได้ศึกษาเรื่องนี้โดยวิธีการดูเป็นระยะๆ เมื่อ 5,000 ปีก่อน จนถึง 4,900 ปีก่อน ในระยะ 100 ปีนี้คน 1,000 กว่าคนนี้ ถูกสะกดจิตย้อนหลังไปนั้น มีกี่คนที่มาเกิดในระยะนี้ ปรากฏว่ามี 2 คน 100 ปีต่อมาอีกมีกี่คน ได้ปรากฏว่ามี 1 คน 100 ปีต่อมามี 3 คน 100 ปีต่อมามี 4 คน ได้จดไว้แล้วเขียนเป็นกราฟออกมาก็ปรากฏว่าในช่วงระยะ 1,000 ปีกว่านี้

พวกเราไม่ใคร่อยากจะมาเกิด มีคนน้อยคนมาเกิด แต่พอ 300 ปีสุดท้ายเท่านั้น ใน 1,000 กว่าคนที่ถูกสะกดจิตนั้น ปรากฏว่า วิ่งมาเกิดกันอย่างรวดเร็วทีเดียว พอตายไปไม่เท่าไรก็กลับมาเกิดอีกแล้ว มันหมุนเวียนกันอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นในเมื่อ 200-300 ปี ก่อนนั้น อาจจะพบว่ามาเกิด 100-200 คน และอีก 200 ปีก่อน มีมาเกิด 300-400 คน และในช่วงหลังๆ ก็รีบมาเกิดกันหมดทั้ง 1,000 กว่าคนเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นในช่วงหลัง จึงปรากฏว่า ประชากรเพิ่มขึ้น มิใช่เป็นเพราะวิญญาณมีมากขึ้นกว่าเดิม

ข้อมูลสื่อ

124-030
นิตยสารหมอชาวบ้าน 124
สิงหาคม 2532
ธรรมโอสถ
พอ.(พิเศษ)ทองคำ ศรีโยธิน