• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เยื่อบุจมูกบวม

เยื่อบุจมูกบวม


คุณหมอครับ ผมสงสัยว่าตัวเองจะเป็นเนื้องอกในจมูก หรือไม่ก็คงจะเป็นริดสีดวงจมูก เมื่อเช้านี้ ผมเงยหน้าส่องกระจกดู เห็นมีก้อนอะไรก็ไม่รู้อยู่ในรูจมูก มันจะเป็นเนื้องอกหรือเปล่าครับคุณหมอ?”

“ผมมีอาการคัดจมูก เป็นหวัดทั้งปีทั้งชาติ ตื่นนอนต้องจามฟืด ๆ ทุกเช้า คุณหมอช่วยตรวจดูหน่อยเถอะครับ”

หมอสั่งให้คนไข้เงยหน้าขึ้น แล้วใช้ไฟฉายส่องเข้าในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง สักครู่ก็บอกกับคนไข้ว่า

ไอ้ก้อนเนื้องอกที่มองเห็นอยู่ทางด้านข้างของรูจมูกนั้นใช่ไหม ไม่ใช่เนื้องอกอะไรหรอก มันเป็นเยื่อจมูกที่บวมต่างหากล่ะ ของคุณนี่ทั้งบวมทั้งซีด จากอาการที่คุณเล่าให้ฟัง ก็คงจะเป็นโรคหวัดชนิดที่เกิดจากการแพ้ หรือที่เรียกว่าแพ้อากาศนั่นแหละ”



                                             รูปที่ 1  เยื่อจมูกมองจากด้านข้าง

คุณผู้อ่านครับ เยื่อจมูก (รูปที่ 1 ) ก็มีประโยชน์ในการช่วยบอกโรคดังนี้แหละ ใครที่มีอาการเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดศีรษะบ่อย ก็ลองตรวจเยื่อจมูกดูซิครับ จะส่องกระจกดูเอง หรือให้คนอื่นดูก็ได้ ให้เงยหน้าขึ้น แล้วใช้ไฟฉายสิ่งเข้าไปในรูจมูก ถ้าเห็นไม่ถนัดก็ให้ใช้แผ่นไม้สะอาดขนาดเล็กสอดเข้ารูจมูกลึกสักครึ่งเซนติเมตร แล้วถ่างปีกจมูกออกด้านข้าง (รูปที่ 2) ถ้าเห็นก้อนเนื้องอกจากด้านข้างของรูจมูกออกมาขวางรูจมูกไว้ส่วนหนึ่ง ก็แสดงว่าเยื่อจมูกบวม เจ้าเยื่อจมูกที่บวมนี่แหละที่ทำให้มีอาการคัดจมูก แล้วให้สังเกตต่อไปว่า มันมีสีอะไร



















รูปที่ 2 การตรวจดูเยื่อจมูก ใช้แผ่นไม้เล็กๆถ่าง       รูปที่ 3 เยื่อจมูกบวมและมีสีซีด  พบในคนที่
ปีกจมูกแล้วใช้ไฟฉายส่องเข้าไปในรูจมูก                     เป็นโรคแพ้อากาศ    

ถ้าเยื่อจมูกบวมและมีสีซีด (รูปที่ 3) ร่วมกับมีอาการเป็นหวัดคัดจมูก มีน้ำมูกใส ๆ ไหล จามบ่อยโดยเฉพาะเวลาตื่นนอน หรือเวลาถูกความเย็น หรือละอองฟาง มีอาการเรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี ก็แสดงว่าเป็นโรคหวัดจากการแพ้ (โรคแพ้อากาศ) การรักษาหรือครับ ก็ให้กินยาแก้แพ้ เช่น ยาเม็ดคลอร์เฟนิรามีน(เม็ดละ 10 สตางค์) เช้ามืด ก่อนนอนเม็ด หรือกินเวลามีอาการ

                    

                  (  รูปที่ 4 เยื่อจมูกบวมและมีสีแดง พบในคนที่เป็นไข้หวัด, ไซนัสอักเสบ )

ถ้าเยื่อจมูกบวมและมีสีแดง (รูปที่ 4) อาจเกิดจากไข้หวัด (มีไข้ คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือไอร่วมด้วย) ถ้าพบร่วมกับอาการปวดตรงบริเวณหน้าผาก หรือใต้ตาเป็นประจำทุกวัน หายใจมีกลิ่นเหม็น มีเสลด หรือน้ำมูกสีเหลือง ๆ เขียว ๆ ก็น่าจะเป็นโรคไซนัสอักเสบ

ถ้าเป็นไข้หวัด ก็ให้กินยาลดไข้ (แอสไพริน หรือพาราเซตามอล) ยาแก้แพ้คลอร์เฟนิรามีน ยาแก้ไอน้ำดำ (ดูรายละเอียดใน “หมอชาวบ้าน” ฉบับที่ 1 ปีที่ 1)

ถ้าเป็นไซนัสอักเสบ
นอกจากให้กินยาแก้แพ้คลอร์เฟนิรามีน แล้ว หมอจะให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เตตร้าซัยคลีน หรือยาเม็ดเพนวี หรือ แอมพิซิลลิน ร่วมด้วย ครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 4 ครั้ง นาน 7-10 วัน

ทั้งโรคแพ้อากาศและไซนัสอักเสบ มักจะเป็นเรื้อรัง ไม่ค่อยหายขาด ควรจะค้นหาว่าแพ้อะไร ถ้าหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ได้ หรือหมั่นออกกำลังให้แข็งแรงไว้ ก็อาจทำให้โรคทุเลาได้
 

ข้อมูลสื่อ

15-008
นิตยสารหมอชาวบ้าน 15
กรกฎาคม 2523
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ