น้ำกัดเท้า เชื้อรา ฮ่องกงฟูต(ตอนที่ 3 )

น้ำกัดเท้า เชื้อรา ฮ่องกงฟูต(ตอนที่3 )

                       


รูปที่ 1
คนไข้มาในลักษณะน้ำกัดเท้าเหมือนกัน ตามนิ้วเท้าเป็นเม็ดน้ำเล็ก ๆ แดง บวม อักเสบ และมีน้ำเหลือเยิ้ม โดยเฉพาะระหว่างซอกนิ้วเท้า นอกจากนี้ยังมีอาการคันมาก เหนือขึ้นมาที่หลังเท้า จะสังเกตเห็นมีรอยนูนแดง เหมือนรอยตัวหนอนไต่ หรือรอยงูเลื้อยอยู่ด้วย
ความจริงคนไข้ไม่ได้เป็นโรคน้ำกัดเท้า แต่เกิดจากมีตัวพยาธิไชอยู่ใต้ผิวหนัง รอยที่เห็นเป็นแบบงูเลื้อย คือรอยที่ตัวพยาธิไชผ่านไป อาการอื่น ๆ เกิดจากปฏิกิริยาแพ้ของผิวหนัง วิธีรักษาให้กินยาฆ่าพยาธิ รักษาอาการแพ้ และกินยาแก้คัน แต่เดิมเคยใช้เอธิลคลอไรด์พ่น จุดประสงค์ เพื่อฆ่าตัวพยาธิ แต่ไม่ได้ผลดี เดี๋ยวนี้เลิกใช้แล้ว

                      

รูปที่ 2

คนไข้มีโรคที่นิ้วเท้า ลักษณะ 2 ประการคือ มีตุ่มแข็งที่นิ้วเท้าหัวแม่โป้ง และนิ้วชี้ ที่ผิวหนังของตุ่มแข็ง มีลักษณะขรุขระ หนา หนังด้าน ระหว่างซอกนิ้ว เห็นเป็นรองหนังเปื่อย แต่จับดูก็จะเห็นว่าหนังที่บริเวณนี้แข็ง เป็นไต เนื่องจากมีอาการหนังเปื่อย คนไข้มักจะเข้าใจว่าเป็นฮ่องกงฟูต
คนไข้คนนี้เป็นโรคหูด เกิดจากเชื้อไวรัส วิธีรักษา อาจจะใช้ไฟฟ้าจี้ แล้วขูดเอาออกหรือใช้ยาละลายหูดทา เช่น กรดซาลิคชัยลิค หรือซิลเวอร์ในเตรท เนื่องจากมีการเน่าเปื่อยที่ซอกเท้า อาจเกิดหมักหมม มีกลิ่น ต้องรักษาความสะอาดของเท้าร่วมไปด้วย

                   

รูปที่ 3
คนไข้มีผื่นแดง คัน หนังเป็นขุย บางครั้งมีเม็ดน้ำเหลืองเยิ้ม และตกสะเก็ด ที่เหนือข้อเท้าด้านซ้าย จะเห็นหนังนูน เกิดจากรอยนูนของเส้นเลือดขอด
คนไข้ไม่ได้เป็นเชื้อรา ไม่ใช่โรคน้ำกัด แต่เกิดจากเส้นเลือดขอด ทำให้การไหลกลับของโลหิตดำไม่สะดวก และเกิดอาการเป็นผื่นคันขึ้น โรคนี้เกิดกับคนที่มีอาชีพต้องยืนอยู่เป็นเวลานาน เช่นช่างตัดผม คนขายกาแฟ ขายก๋วยเตี๋ยวและคนมีท้อง หากเป็นนาน ๆ อาจจะเกิดเป็นแผลและหายยาก
วิธีการรักษา ให้พยายามหลีกเลี่ยงภาวะที่จะทำให้เส้นเลือดขอดเป็นมากขึ้น พยายามเหยียดเท้าให้สูงเข้าไว้ และทายาแก้คันเพื่อป้องกันการเกา เพราะจะทำให้เป็นแผลกลางคืนนอนให้เอาหมอนรองเท้าไว้ และหากอาการเป็นมากขึ้น ควรจะไปปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำ

                    

รูปที่ 4

นี่คือน้ำกัดเท้าจริง ๆ คนไข้มักเป็นชาวนา ชาวไร่หรือทหาร ซึ่งต้องแช่เท้าอยู่ในน้ำซึ่งมีความร้อนสูงกว่าปกติอยู่บ่อย ๆ และเป็นเวลานาน ผิวหนังจะหนาขึ้น แตกเป็นร่อง บางแห่งมีลักษณะเปื่อยยุ่ย ถูกน้ำ ถูกสบู่เข้าอีกก็แสบเพราะน้ำซึมเข้าตามรอยแตก
วิธีรักษา จะต้องพักผ่อนเท้าแล้วทาด้วยครีม เช่น ครีมผสมยูเรีย จนหนังหาย ไม่มีรอยแตกระหว่างนี้ให้ถูกน้ำและสบู่เฉพาะที่จำเป็น หลังจากนั้น หากฝ่าเท้ายังหนาอยู่ ให้ใช้ยาละลายขุยทาเช่น ขึ้ผึ้งซาลิชัยลิคเอซิค ขององค์การเภสัชกรรม ห้ามขูด ขีด เด็ดขาด หนังจะหนาขึ้นกว่าเดิม