ทำไม? วันพระของเรา ที่เคยสว่างไสวดุจพระจันทร์วันเพ็ญ จึงกลับมาอับแสงดุจจันทร์แรม ในบัดนี้เล่า?
สาเหตุใหญ่ก็เนื่องมาจากฝรั่งนักล่าเมืองขึ้น เข้ามาแผลฤทธิ์ในเอเชีย จนเพื่อนบ้านเราต้องสิ้นชาติ สูญเอกราชไปหมด แม้แต่อินเดีย-ผู้นำทางวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของบุรพทิศ ก็ยังต้องฟุบสยบอยู่ใต้อุ้งหัตถ์ของเขา
เพื่อความอยู่รอดของชาติ เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยความจำใจ ไทยเราจึงจำต้องยอมปรับวิเทโศบายมาเป็น “หลิวลู่ลม” เปลี่ยนแปลงทุกด้าน ทั้งการเมือง การทหาร การศึกษา การแต่งกาย ประเพณีการเข้าเฝ้า จนถึงต้องหยุดงานวันอาทิตย์แทนวันพระ
ที่ว่าเราจำใจ-จำยอม ก็จะเห็นได้ว่า พอวันดีคืนดีผ่านวิกฤติการณ์มาแล้ว เราก็พร้อมใจกันกลับมาเทิดทูนประเพณีเข้าเฝ้าอย่างเดิม การแต่งกายชุดพระราชทานก็มาช่วยเบียดชุดสากลให้ชิดซ้ายไปได้ เกือบจะไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำไป
กลับมาพูดถึงการหยุดงานในวันอาทิตย์ต่อ ขอเรียนว่ามีผลในด้านลบทีละน้อย คงจะแบบ “น้ำเซาะตลิ่ง” อาศัยนานวัน-นานปีเข้า วัดวาอาราม บ้านช่อง ก็ถูกน้ำเซาะทรุดลงไปจมอยู่ใต้แม่น้ำได้
ผลลบที่ชัดที่สุดคือ คนไทยเจ้าของประเทศถูกแบ่งออกเป็น 2 พวกใหญ่ๆ
พวกแรก คือ ชาวพุทธแท้หรือชาวบ้าน ถึงวันพระต่างบ่ายหน้าเข้าวัด ฟังธรรม ทำบุญ ให้ทาน มอบกายถวายชีวิตแด่พระรัตนตรัย ตามแบบฉบับบรรพบุรุษไทยของเรา ถึงเดี๋ยวนี้ เราก็ยังสามารถไปสัมผัสได้ในชนบท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันพระในเทศกาลเข้าพรรษายังมีชีวิตชีวาครับ
พวกชาวบ้านนี้ ขอเรียกสั้นๆว่า คนไทย-ประเภทสอง
พวกหลัง ได้แก่ ข้าราชการ ซึ่งไปวัดในวันพระตามธรรมนูญของชาวพุทธไม่ได้ เพราะไม่ใช่วันหยุดงาน ต่อมาก็เป็นความชินชาห่างเหินจากวันพระ พอถึงขั้นหลังๆ ก็กลายเป็นรู้สึกโก้เก๋ที่แหวกวงล้อมออกมาจากวัฒนธรรมประเพณีของบรรพบุรุษได้
พวกข้าราชการนี้ ขอเรียกว่า คนไทย-ประเภทหนึ่ง
ขอแถมกลุ่มพิเศษไว้เสียด้วย กลุ่มนี้เป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาด้วยปัญญา ศึกษาค้นคว้าพุทธธรรมด้วยใจรัก สามารถก้าวเข้าสู่การปฏิบัติธรรม อันเป็นเนื้อแท้ของพระศาสนาได้ ใช่แต่เท่านั้นยังเป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ให้ใกล้ชิดพระศาสนาในแบบใหม่ ด้วยการตั้งองค์การทางพระพุทธศาสนาฝ่ายฆราวาสขึ้น
กลุ่มพิเศษนี้ต้องขอเอ่ยชื่อไว้ด้วยความเคารพ ก็มีท่านศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นผู้นำชุดแรกครับ
เรื่องของเรื่องที่เกิดติดลบง่ายๆ ก็คือ คนไทยเราไม่ใช่คริสต์ หยุดงานวันอาทิตย์แล้วไม่ต้องไปโบสถ์ ขอใช้สิทธิ์หยุดพักผ่อนหาความสำราญจริงๆ ส่วนเจ้าของเดิมเขาหยุดงานเพื่อหันหน้าเข้าหาพระเจ้า มุ่งพัฒนาอัธยาศัยให้เพริศพริ้งขึ้น
เห็นไหมครับ หยุดงานวันอาทิตย์ คุณภาพคนของเรา (ยกเว้นกลุ่มพิเศษ) ต้องทรุดต่ำลงอย่างน่าเสียดาย
คงจะพอตอบปัญหาที่สงสัยกันได้แล้ว –ทำไม? พอถึงวันพระที่ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ รวมทั้งวันสำคัญทางศาสนา ที่ทางราชการหยิบยื่นให้ (หยุด) เป็นของขวัญแทนที่คนไทยประเภทที่หนึ่งจะชื่นชมแต่กลับเฉยเมย
เพราะถูกสนิม – ความเคยชินมาบดบังจิตใจครับ
นอกจากนี้ ยังมีคลื่นลูกที่สอง – เยาวชน ซัดกระหน่ำซ้ำเติมสังคมพุทธเข้ามาอีก ลูกหลานของเราเขามองดู บทบาทคนไทยสองประเภทที่แสดงให้ดูแล้ว เขาชื่นชมกับประเภทหนึ่ง-ข้าราชการครับ เพราะมีศักดิ์ศรี เป็นพระเอกในสังคมมากกว่า
คงจะเพราะพรที่ให้กันเกร่อว่า – ขอให้ได้เป็นเจ้าคนนายคน นะหลานนะ –ก็น่าจะได้
แต่น่าจะตกอยู่ในกฎที่ว่า “กระแสน้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำฉันใด จิตใจมนุษย์เราก็ฉันนั้น” มากกว่า
เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าสงสัยว่ายิ่งนานวันเท่าไร สังคมไทยที่เหินห่างจากวัฒนธรรมและประเพณีจองตนจะไม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ตามที่คุณนิยม ปุราคำ รายงานสถิติให้เราทราบนั่นแหละ
ความหวังที่ว่า “วันพระ-ยังไม่ตาย” วันพระจะยังอยู่คู่กับสังคมไทยตลอดไปนั้น ผมมีความหวังอยู่ 2-3 เรื่อง จะขอนำมาเล่าสู่กันฟัง
เรื่องแรก ต้องขอขอบพระเดชพระคุณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ที่กรุณาทำหน้าที่อนุรักษ์วันพระไว้อย่างเหนียวแน่น ดูเหมือนจะพร้อมๆกับที่เกิดกรมโฆษณาการ หรือกรมประชาสัมพันธ์ทีเดียว ท่านจัดรายการวันพระ-มีเทศน์ให้เราฟังตลอดมา ระยะหลังๆนี้ ท่านยังก้าวหน้าจัดให้มีปาฐกถาธรรมในวันอาทิตย์แถมให้อีกด้วย
ถ้าจะกรุณาอีกสักนิด –ช่วยจัดให้มีการถ่ายทอดการแสดงธรรมให้ทั้งวันพระและวันอาทิตย์ กับเพื่อมิให้ผู้ฟังเกิดเบื่อหน่าย กรุณาตั้งกรรมการที่ปรึกษาขึ้นช่วยปรับปรุงรายการ และเฟ้นหาพระคุณเจ้าที่เป็นแม่เหล็กมาเทศน์ให้ถึงใจด้วย ก็หวังว่า วันพระจะมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
มีเหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ คงจะเกิดขึ้นสัก 2-3 ปีมานี้ หน่วยทหารของกองทัพบกหลายหน่วยมีกิจกรรมพิเศษในวันพระ ธงธรรมจักรได้รับการประดับให้ปลิวไสวคู่กับธงชาติทั่วบริเวณค่าย พร้อมกันนั้นก็มีการปลุกเร้ากระตุ้นเตือนจากหอกระจายข่าว ให้สมาชิกในค่ายได้เห็นความสำคัญของวันพระ
ปรากฏพฤติกรรมที่น่าชื่นชมออกมาน่าดูครับ ฝ่ายแม่บ้านก็เตรียมอาหารตักบาตรในวันพระ ข้างพ่อบ้านก็เกิดนาทีสำนึก –วันพระชาวพุทธควรหยุดเหล้า –มีผลทำให้สังคมไทย – สังคมน้อยๆ เกิดสันติสุขได้เป็นพิเศษ
ถ้าสามเหล่าทัพท่านเกิดสามัคคี ร้องเพลงวันพระประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน จะไพเราะเสนาะโสตสักเพียงใดลองคิดดู
ถ้าขอเอ่ยถึงหลวงพ่อที่น่าเคารพอีกสักองค์หนึ่ง – ท่านเจ้าคุณพระธรรมเสนานี (เจียม กุลละวณิชย์) – หลวงพ่อแห่งฉะเชิงเทรา สมัยเยาว์วัย ท่านเคยเป็นเสือป่าของสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ครับ
หลวงพ่อมีปณิธานแน่วแน่ว่า โรงเรียนในความอุปถัมป์ของวัด ซึ่งอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์นั้น พระจะต้องโน้มน้าวครูและนักเรียน ให้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นพิเศษ
ท่านบอกว่า อาตมามีโรงเรียนมัธยมและประถมอยู่ในความอุปการะ 5 โรงเรียน ทุกโรงเรียนของอาตมาหยุดวันพระ-เจริญพร
ท่านที่เคารพ วัดในประเทศไทย มีอยู่ประมาณสามหมื่นวัด อย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นวัดครับที่มีโรงเรียนตั้งอยู่ในวัด
และถ้าจะมีโรงเรียนภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์สัก 60 โรงเรียน = เนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 60 พรรษา ของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช = ทั้ง 60 โรงเรียนพูดเสียงเดียวกับหลวงพ่อแห่งวัดโสธรว่า – โรงเรียนของอาตมา หยุดวันพระเจริญพร –
เท่านี้ ก็พอจะพูดได้ว่า “วันพระยังไม่ตาย” ครับ
- อ่าน 2,271 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้