• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

วิธีป้องกันหวัด

วิธีป้องกันหวัด

ถ้ารักษาด้วยยาจะหายใน 7 วัน ถ้าไม่ใช้ยา โรคหวัดก็จะหายเองได้ แต่มักเสียเวลานานเกิน 7 วัน

*********************************************************************************************

โรคหวัด เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก ในอเมริกามีการซื้อขายยาแก้หวัดโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาของหมอ (คือไม่ต้องให้หมอตรวจก็ได้) ในปีที่แล้ว (2528) ถึงเกือบหนึ่งหมื่นสี่พันล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นโรคที่ทำให้เสียค่าใช้จ่ายและมีผลเสียต่อเศรษฐกิจมาก

ตัวเลขนี้ยังไม่นับถึงพวกที่ไปหาหมอ ซึ่งต้องเสียเงินค่าตรวจรักษามากกว่าซื้อยาเอง และยังไม่นับความสูญเสียทางอื่น เช่น ไม่สบายต้องหยุดงานไปหลายวัน
เคยมีคนศึกษาเรื่องวิธีรักษาโรคหวัดนี้ เขาสรุปว่า ถ้ารักษาด้วยยามักจะหายใน 7 วัน แต่ถ้าไม่ใช้ยา (เช่น ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนมากๆ) โรคหวัดก็จะหายเองได้ แต่มักจะเสียเวลานานเกิน 7 วัน
เพื่อจะลดระยะเวลาการเจ็บป่วย และลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการหยุดงาน หมอส่วนใหญ่จึงมักแนะนำให้ใช้ยารักษา

วิธีที่อาจช่วยได้ดีอีกอย่างก็คือเนื่องจากโรคหวัดเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส และมีการระบาดได้มากตามฤดูกาล เพราะฉะนั้น ถ้าป้องกันการระบาดได้ก็จะมีประโยชน์มาก และการลงทุนป้องกันอาจจะคุ้มทุนเมื่อคิดถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งหมดดังกล่าวข้างต้น

มีการทดลองใช้วัคซีนป้องกันโรคหวัด แต่ก็มีปัญหามาก คือมีไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดมากมายหลายชนิด ทำให้สร้างวัคซีนเพื่อป้องกันจำเพาะกับไวรัสโรคหวัดเหล่านี้ทุกชนิดได้ไม่หมด และภูมิต้านทานหลังฉีดวัคซีนก็อยู่ไม่ตลอดชีวิต ทำให้ต้องฉีดกันบ่อยๆ

ล่าสุดมีการวิจัยเรื่องการใช้ยาป้องกันโรคหวัด โดยใช้สารอินเตอเฟียรอนทำเป็นยาพ่นจมูก ใช้ในครอบครัวของคนที่เป็นโรคหวัด โดยให้สมาชิกในครอบครัวที่ยังไม่เป็น พ่นยานี้ในจมูกเพื่อป้องกันหวัด
ผลปรากฏว่ายานี้ได้ผลดี ป้องกันได้ประมาณร้อยละ 80 สำหรับหวัดที่เกิดจากเชื้อไรโนไวรัส (โรคหวัดประมาณร้อยละ 30-50 ในอเมริกาเกิดจากเชื้อไวรัสตัวนี้ ส่วนที่เหลือเกิดจากไวรัสตัวอื่นๆ ซึ่งมีอีกประมาณกว่า 200 ชนิด)

แต่ถ้าเป็นเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆที่ไม่ใช่ไวรัสชนิดไรโนนี้ ยาพ่นจมูกที่ใช้จะป้องกันโรคหวัดไม่ให้เกิดขึ้นได้เพียงร้อยละ 40 มีข้อเสียของยานี้อย่างหนึ่งคือพ่นจมูกแล้วเกิดเลือดออกในจมูกได้ประมาณร้อยละ 10
อย่างไรก็ดี การป้องกันโรคหวัดยังมีวิธีง่ายๆ และได้ผลดีมากอยู่อีกวิธีหนึ่ง คือ ต้องเข้าใจว่า ไวรัสพวกนี้ติดต่อได้ทางไหนเสียก่อน

คนส่วนใหญ่เข้าใจกันว่าไวรัสโรคหวัดติดต่อโดยการหายใจ แต่ที่จริงแล้ว เขาพบว่าโรคหวัดนี้ติดต่อกันทางสัมผัสมากกว่า คือเชื้อไวรัสที่ติดอยู่ตามมือของผู้ที่เป็นโรค จะติดไปยังมือของผู้ที่อยู่ใกล้กัน (ติดจากมือสู่มือ) แล้วเข้าสู่ร่างกายของคนที่ยังไม่เป็นโรค โดยเชื้อไวรัสผ่านจากนิ้วมือเข้าไปยังเยื่อบุตา หรือเยื่อบุจมูกของคนคนนั้น และทำให้เกิดโรคหวัดต่อไป แล้วก็ติดต่อไปยังคนอื่นอีก ทำให้แพร่เชื้อไปได้กว้างขวาง

เพราะฉะนั้น วิธีป้องกันที่ง่ายและได้ผลดีโดยไม่ต้องเสียเงินค่ายาพ่นจมูก หรือค่าวัคซีนป้องกันโรคหวัดก็ทำได้ คือ ถ้ามีคนใกล้ชิดกันเป็นหวัด หรือสงสัยว่าตัวเองไปสัมผัสกับคนที่ป่วยเป็นโรคหวัดมาละก็ ควรล้างมือเสียให้สะอาด (อาจต้องล้างบ่อย ถ้ามีญาติพี่น้องในบ้านเป็น เพราะอาจต้องอยู่ใกล้ชิดกันหลายวัน) และอย่าเอามือขยี้ตา หรือใช้นิ้วมือล้วงแคะไชเข้าไปในจมูกของตัวเอง ก็จะปลอดภัยจากโรคหวัดมากขึ้น


หรือถ้าสามารถอยู่ห่างๆ หรือแยกคนที่กำลังเป็นโรคออกห่างคนอื่นได้ชั่วคราว จนกว่าจะหายก็จะดีมาก แต่ในทางปฏิบัติแล้วอาจทำได้ยาก


(จาก New England Journal of Medicine 9 มกราคม 2529)
นพ.สาธิต วรรณแสง

 

ข้อมูลสื่อ

85-002
นิตยสารหมอชาวบ้าน 85
พฤษภาคม 2529
ผศ.นพ.สาธิต วรรณแสง