• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ตาแดง

ตาแดง

สาเหตุที่ทำให้เกิดเยื่อตาอักเสบเฉียบพลัน นอกจาก 1. แบคทีเรีย 2. ไวรัส 3. เชื้อกึ่งแบคทีเรียกึ่งไวรัสแล้ว สำหรับฉบับนี้ยังมีที่สำคัญๆ อีกดังนี้ คือ

4. สารเคมี หรือส่วนประกอบทางวิทยาศาสตร์ (Chemical Conjunctivtis) ได้แก่พวกแก็สพิษ หรือไอระเหยน้ำยาเคมีบางชนิด เช่น ยาพ่นฆ่าแมลง น้ำยาดิงศพ หรือพวกกรด ด่าง เกลือแร่ทั้งหลาย รวมไปกระทั่งสารที่ใช้ตบแต่งขอบตา หรือเครื่องสำอางที่ใช้ทาบริเวณเปลือกตาและใบหน้า

ข้อสังเกตของโรคนี้ ต้องมีประวัติการใช้หรือโดนสารเคมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ค่อนข้างชัดเจนรู้ได้จากการที่เมื่อก่อนไม่เป็น แต่เป็นหลังสัมผัสกับสิ่งนั้นๆ

ข้อควรปฏิบัติ กินยาแก้แพ้ เช่น ยาเม็ดคลอร์เฟนีรามีน (ขนาด 4 มิลลิกรัม ราคามเดละ 10 สตางค์) ได้ ถ้าแน่ใจว่าแพ้สิ่งหนึ่งสิ่งใดชัดเจน คัน หรือปวดแสบปวดร้อน ประคบด้วยน้ำเย็นไว้บ่อยๆ จากนั้นรีบไปปรึกษาหมอ เพื่อจัดยาหยอดตาที่ถูกต้องให้

5. แพ้สารบางอย่าง (Allergic Conjunctivitis) อาจรวมตั้งแต่การแพ้ยาหยอดตาที่ใช้เรื่อยไปจนกระทั่งแพ้ฝุ่นละออง แพ้อากาศ แพ้ลม แพ้แดด ฯลฯ

ข้อสังเกต คล้ายข้อ 4 คือ มีลักษณะและอาการทันทีหลังสัมผัสสิ่งนั้น เช่น ยาหยอดตาหรือป้ายตา ใช้เพียงครั้งเดียวที่มีอาการตาแดง คันตา ขอบตาบวมเห่อทันที หรือพวกแพ้อากาศ เช่น อากาศร้อน พบเสมอในพวกเด็กวัยรุ่น มีอาการคันตามากเมื่อเข้าฤดูร้อนหรือพวกแพ้ละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น

การปฏิบัติตัว กินยาแก้แพ้ดังในข้อ 4 และหยุดใช้ยาที่สงสัยว่าแพ้ทันที ประคบน้ำเย็น แก้ระคายเคือง ปวดแสบปวดร้อน แล้วไปปรึกษาหมอ

เรื่องของการอักเสบจากการแพ้ เป็นสิ่งง่ายสำหรับบางอย่างที่ทราบแน่ๆ คือ พยายามเลี่ยงไม่ให้โดนสิ่งนั้น แต่ในทางปฏิบัติบางครั้งยากมาก เช่น บางคนแพ้ฝุ่น แพ้ลม หรืออากาศ จะแนะนำให้ผู้ป่วยเลี่ยงจากสิ่งเหล่านั้น ไม่ทราบจะเลี่ยงแบบไหน โดยเฉพาะบางคนมีอาชีพต้องคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านั้นเป็นประจำ เช่น ทำไร่ ทำสวน ทำนา หรือรับเหมาก่อสร้าง หรือคนงานสร้างทาง แพ้ฝุ่น แพ้แดด ก็ต้องอธิบายกันไปเท่าที่จะอธิบายได้

6. เกิดจากแรงกระแทก (Traumatic Conjunctivitis) ได้แก่ โดนตบ โดนตี หรือถูกของมีคมทิ่มแทง เช่น ปลายดินสอ มีดหรือตะปู โดนบริเวณเยื่อตาขาวฉีกขาด หรือแดงช้ำ ส่วนพวกโดนตบ ต่อย ตี หรือตกจากรถมอเตอร์ไซค์ ลื่นหกล้มหน้าฟาดพื้นเอาบริเวณตากระแทกพื้นทำให้เยื่อตาอักเสบแดง ถ้าแรงกระแทกรุนแรงมาก จะมีเลือดออกใต้เยื่อตาเห็นเป็นสีแดงจัดชัดเจน

 

ข้อสังเกต มีประวัติของเหตุการณ์ชัดเจนว่าถูกอะไรมา ข้อสำคัญชนิดนี้ คือ ต้องแน่ใจว่าไม่กระทบกระเทือนกระจกตาดำ และช่องภายในมดลูกตาด้านหน้า (Anterior Chamber) มิฉะนั้นอาจเกิดแผลที่กระจกตาดำ หรือแผลทะลุ หรือเลือดตกขังในตาด้านหน้าได้ (Hyphema) ถือว่าอันตรายมาก

การปฏิบัติตัว เมื่อโดนกระแทกสิ่งหนึ่งสิ่งใดเข้าตา ควรทำหรือช่วยเหลืออันดับแรกก่อน คือ ถ้ามีสิ่งสกปรกติดอยู่บริเวณขอบตาหรือในตา ควรล้างออกด้วยน้ำยาบอริค 3 เปอร์เซ็นต์ หฟรือน้ำเกลือล้างแผลธรรมดา หรือต้มน้ำสุกปล่อยไว้ให้อุ่น แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาดังกล่าว บีบหมาดๆ เช็ดบริเวณขอบตาให้สะอาดที่สุดเท่าที่จะทำได้

ง. แผลถลอกหรือแผลลึก หรือสิ่งแปลกปลอมเกิดที่ตาดำ (Corneal abrasion or ulcer or Foreign bodies)

ตาแดงชนิดนี้ มักมีประวัติการโดนกระแทกหรือทิ่มแทง หรือเศษผง ตัวแมลงเข้าตาชัดเจน ทำให้เกิดเป็นแผลถลอก หรือแผลลึกบนพื้นผิวส่วนหน้าของกระจกแก้วตาดำ

อาการสำคัญ ปวดตา เคืองตา น้ำตาไหลพราก

ข้อพึงปฏิบัติ ถ้าแน่ใจว่าโดนทิ่มหรือแทงด้วยของมีคม หรือกระแทกอะไรบางอย่าง ให้ป้ายยาแก้อักเสบเกี่ยวกับตา ดังได้กล่าวข้างต้นไว้ก่อน ปิดตาด้วยผ้าปิดตา ให้กินยาแก้ปวดประทังไว้ แล้วค่อยพาไปหาหมอให้ดูว่า แผลเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน จะได้รักษาให้ถูกต้องต่อไป

ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับแผลที่กระจกตาดำอีกอัน คือ แผลที่เกิดจากเชื้อไวรัสบางตัวที่มีชื่อว่า เฮอร์ปีซิมเพล็กซ์ (Herpes simplex) หรือเชื้อเริม ทำให้แผลที่ตาดำมีลักษณะแตกกิ่งคล้าย “สายฟ้าแลบ” โรคนี้มีอาการระคายเคือง คล้ายมีผงทิ่มตาอยู่ในตา น้ำตาไหลมาก ไม่มีขี้ตา ปวดๆ แสบๆ

การวินิจฉัยโรคแผลที่กระจกตาดำได้ต้องย้อมสีตาดำด้วยสีฟูลออร์เรสซีน ส่วนที่เป็นแผลจะติดสีเขียวเห็นเด่นชัด ถ้าสงสัยคิดว่าเป็นโรคนี้ ควรรีบไปหาหมอ (หมอตาได้ยิ่งดี) เพราะยาที่จะรักษาแผลจากเชื้อไวรัสตัวนี้มีเฉพาะ ใช้เปะปะอย่างอื่นไม่หาย มิฉะนั้นบอดได้เช่นกัน

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโรคตาแดงที่ พบได้เสมอ พบได้ทุกวัน ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ผมจึงคิดว่าถ้าท่านผู้อ่าน อ่านจบบทความนี้แล้ว คงพอเป็นแนวทางว่า ตัวท่านหรือบุคคลใกล้ชิดท่าน น่าจะเป็นโรคตาแดงแบบไหนคร่าวๆ ถ้าเผอิญเป็นโรคนี้ขึ้นมาไม่วันใดก็วันหนึ่งข้างหน้า อนาคตใครจะรู้ คนที่อวดว่าไม่เคยเป็นโรคตาแดงมาเลยในชีวิตนั้นก็อย่าได้เชื่อให้มากนัก ใครคนนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า เขาอาจจะเป็นตาแดงตั้งแต่แรกเกิดมาแล้วครั้งหนึ่งก็ได้ เพียงบิดามารดามิได้เล่าให้ทราบเท่านั้น ก็มาอวดมาอ้างว่า เกิดมาไม่เคยเป็นตาแดง เพราะตาแดงเป็นได้กับทุกคน ทุกอายุ ทุกเพศ ทุกวัย และทุกเชื้อชาติ ทุกเผ่าพันธุ์

สักวันหนึ่งท่านจะไม่เป็นบ้างก็ให้รู้ไปซี

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมขอชมเชยท่านว่าเป็นบุคคลผู้มีลาภอันประเสริฐคนหนึ่งเลยทีเดียวเพราะ...ผมเองยังเคยเป็นตาแดงมาแล้วเลยครับ

โรคที่ทำให้มีอาการตาแดงมีอยู่ด้วยกัน 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

ก. เยื่อตาอักเสบแบบเฉียบพลัน

ข. ม่านตาอักเสบแบบเฉียบพลันค. ต้อหินชนิดมุมช่องลูกตาด้านหน้าตีบแคบแบบเฉียบพลัน และ

ง. แผลถลอกหรือแผลลึกหรือสิ่งแปลกปลอมเกิดที่ตาดำ

เฉพาะในเรื่อง “เยื่อตาอักเสบแบบเฉียบพลัน” ยังมีแบ่งย่อยออกไปอีกหลายสาเหตุที่พบบ่อยๆ มี 9 สาเหตุด้วยกัน คือ

1.แบคทีเรีย

2.ไวรัส

3.เชื้อกึ่งแบคทีเรียกกึ่งไวรัส

4. สารเคมีหรือส่วนประกอบทางวิทยาศษสตร์

5. แพ้สารบางอย่าง

6.เกิดจากแรงกระแทก

7. เกิดจากพยาธิบางชนิด

8. จากเชื้อรา

9. ไม่ทราบสาเหตุ

ในครั้งที่แล้ว เราได้กล่าวถึงสาเหตุของเยื่อตาอักเสบถึง 3 อย่างแรก ในครั้งนี้จะได้กล่าวถึงสาเหตุที่เหลือต่อไปครับ

ข้อมูลสื่อ

6-012
นิตยสารหมอชาวบ้าน 6
ตุลาคม 2522
โรคตา
นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์