• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เชื้อโรค

เชื้อโรค

 

 

 

คุณหมอครับ ไอ้แดงมันเป็นไข้จากอะไรกันครับ?” ลุงเขียวถามหมอที่ตรวจอาการหลานชายวัย 8 ขวบ ซึ่งมีอาการไข้สูงจัดมา 2-3 วัน

“หมอตรวจดูแล้ว สงสัยอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก หรือไข้ไวรัสอะไรสักอย่าง” หมอตอบ

คุณผู้อ่านฟังแล้วจะรู้สึกงงเหมือนลุงเขียวหรือเปล่าก็ไม่ทราบ (ลุงงงว่าไอ้แดงมันเป็นโรคอะไรมากมายตั้งหลายอย่างเชียวหรือนี่? แล้วไอ้ไข้ไวรัสนี่เป็นโรคที่ค้นพบใหม่แบบโรคเอดส์หรือไงวะ?)
ฉบับนี้เรามาทำความรู้จักกับเชื้อโรคชนิดต่างๆกันดีไหมครับ
ฉบับก่อนๆได้พูดถึง โรคติดเชื้อ ซึ่งหมายถึงโรคที่เกิดจากร่างกายรับเชื้อโรคเข้าไป ทำให้เกิดการเจ็บป่วยต่างๆขึ้นมา

เชื้อโรค มีอยู่เป็นพันๆ หมื่นๆ ชนิด แต่สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 6 ตระกูล ได้แก่
1. แบคทีเรีย (Bacteria) หรือบัคเตรี เป็นเชื้อโรคขนาดเล็ก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
เชื้อโรคในตระกูลนี้มักจะทำให้เกิดหนองฝีตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ฝี พุพอง แผลเป็นหนอง หูน้ำหนวก กุ้งยิง ต่อมทอนซิลอักเสบเป็นหนอง ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ (ปอดบวม) วัณโรค ไข้รากสาดน้อย (ไทฟอยด์) ฝีในสมอง ไอกรน คอตีบ บาดทะยัก กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ บิดชิเกลลา (บิดไม่มีตัว) อหิวาต์ หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น
โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

2. ไวรัส (Virus) เป็นเชื้อโรคอีกตระกูลหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่าเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดโรคที่พบบ่อย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คางทูม อีสุกอีใส หัด หัดเยอรมัน ไข้เลือดออก ตับอักเสบ (ไวรัสลงตับหรือดีซ่าน) โปลิโอ สมองอักเสบ โรคพิษสุนัขบ้า (โรคกลัวน้ำ) เริม งูสวัด หูด หงอนไก่ รวมทั้งโรคเอดส์ ซึ่งเป็นโรคทันสมัยล่าสุด
โรคที่เกิดจากไวรัส ยังไม่มียาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ รวมทั้งยาปฏิชีวนะก็ใช้ไม่ได้ผล (มิหนำซ้ำกลับมีโทษถ้าใช้ผิดๆ)
การรักษา เพียงแต่ให้ยาแก้ตามอาการ รอให้ร่างกายฟื้นตัวได้เอง แต่ถ้าร่างกายอ่อนแอก็อาจมีโรคแทรกซ้อน พิการหรือตายได้

3. เชื้อรา (Fungus) มักทำให้เกิดโรคเชื้อราที่ผิวหนัง (เช่น กลาก เกลื้อน ฮ่องกงฟุต ลิ้นเป็นฝ้าขาว) หรือตกขาว แต่บางชนิดอาจเข้าไปทำให้มีการอักเสบในปอดหรือสมอง เป็นอันตรายถึงตายได้
ในปัจจุบันมียาที่ใช้ฆ่าเชื้อราโดยเฉพาะ

4. ริกเกตเซีย (Rickettsia) เป็นเชื้อโรคอีกตระกูลหนึ่ง ทำให้เป็นไข้รากสาดใหญ่ (ไทฟัส)
โรคนี้สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

5. โปรโตซัว (Protozoa) หรือที่เรียกว่า “สัตว์เซลล์เดียว” เช่น มาลาเรีย (ไข้ป่า) บิดอะมีบา (Ameba) เชื้อทริโคโมแนส (ซึ่งทำให้ช่องคลอดอักเสบ มีอาการตกขาวและคันยิบๆในช่องคลอด)
ในปัจจุบันมียาที่ใช้ฆ่าเชื้อโปรโตซัวโดยเฉพาะ

6. พยาธิ (Parasites) เช่น พยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย พยาธิปากขอ พยาธิตัวตืด (ตัวแบน) ตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ในตับ เป็นต้น ในปัจจุบันมียาที่สามารถใช้รักษาโรคพยาธิโดยเฉพาะ (ยกเว้นพยาธิเพียงบางชนิด เช่น ตัวจี๊ดที่ยังไม่มียารักษาอย่างได้ผล)
เชื้อโรคในแต่ละตระกูลยังแบ่งย่อยๆออกเป็นร้อยๆพันๆชนิด เชื้อชนิดหนึ่งๆก็จะทำให้เกิดโรคชนิดหนึ่งๆโดยเฉพาะ เช่น เชื้อหัด ทำให้เกิดโรคหัด เชื้อวัณโรค ทำให้เกิดวัณโรค เชื้อมาลาเรีย ทำให้เกิดไข้มาลาเรีย เป็นต้น

นอกจากนี้เชื้อบางชนิด ยังแบ่งย่อยเป็นชนิดย่อยๆ ได้อีกหลายตัว เช่น ไข้หวัด จะมีเชื้อย่อยๆอยู่ร่วม 200 ชนิด (ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนเราเป็นไข้หวัดได้บ่อยๆ) เชื้อไข้มาลาเรียมีอยู่ 4-5 ชนิด เป็นต้น
คุณผู้อ่านครับ เมื่อเข้าใจถึงเรื่องของเชื้อโรคที่แบ่งเป็น 6 ตระกูลใหญ่ ในแต่ละตระกูลแบ่งเป็นชนิด และในแต่ละชนิดยังสามารถแบ่งเป็นชนิดย่อยๆ ก็ลองกลับไปอ่านตอนต้นของข้อเขียนนี้ซ้ำอีกทีซิครับ
การที่หมอบอกว่า ‘ไอ้แดง’ อาจเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก หรือไข้ไวรัสอะไรสักอย่างนั้น หมายความว่าไอ้แดงคงเป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสชนิดหนึ่งชนิดใด ซึ่งอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก หรืออื่นๆ ก็ได้ มิได้หมายความว่าไอ้แดงเป็นทีเดียวตั้ง 3-4 โรค
การที่หมอต้องบอกเผื่อไว้หลายๆชนิด ก็เพราะอาการไข้สูงนั้น บางครั้งอาศัยการตรวจแบบธรรมดาๆ อาจบอกให้แน่ชัดลงไปไม่ได้ว่าเป็นเชื้อชนิดใด แต่อย่างไรก็ตาม หมอสามารถบอกว่าเป็นกลุ่มของตระกูลไวรัส แม้จะบอกว่าเป็นชนิดใดไม่ได้ก็ไม่มีผลแตกต่างกัน ในแง่ของการดูแลรักษา

เพราะไม่ว่าจะเป็นโรคไวรัสชนิดใด ถ้าอยู่ในตระกูลไวรัสแล้วก็ให้การรักษาตามอาการ แล้วคอยติดตามดูอาการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ไม่ต้องให้ยาเฉพาะเจาะจงแต่อย่างไร

 

ข้อมูลสื่อ

86-009
นิตยสารหมอชาวบ้าน 86
มิถุนายน 2529
พูดจาภาษาหมอ
ภาษิต ประชาเวช