• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ต้อกระจก

ต้อกระจก

  • ต้อกระจกคืออะไร

ต้อกระจก หมายถึง ภาวะที่แก้วตาหรือเลนส์ลูกตาเกิดขุ่นขาวผิดไปจากธรรมดา ปกติแล้วแก้วตาจะใส โปร่งแสง มีคุณสมบัติในการหักเหแสงให้ไปรวมกันที่จอรับภาพ กล่าวง่ายๆ ก็หมายถึงว่า หน้าที่ปรับภาพวัตถุหรือสิ่งต่างๆ ที่จ้องมองให้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง

ส่วนต้อกระจกนั้นเกิดเป็นขึ้นมาเพราะแก้วตาใสสะอาดนี้เกิดขุ่นขาวเหมือนจาวมะพร้าวขึ้นมา เมื่อมองไปยังตาคนไข้ที่เป็นต้อกระจกจะเห็นเป็นจุดขาวๆ อยู่ตรงส่วนกลางตาดำ ด้านในหลังรูม่านตาพอดี

ต้อกระจกรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เริ่มตั้งแต่มีมนุษย์ถือกำเนิดมาบนพื้นพิภพแล้ว มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Cataract” (อ่านว่า คาตาแร็คท์) มีความหมายว่า “Water fall” ซึ่งแปลว่า “น้ำตก”

ฝรั่งเขามองเห็นอาการขาวขุ่นของแก้วตาที่เป็นต้อกระจกนี้คล้ายกับน้ำตกที่เราๆ ท่านๆ เคยไปเล่นกันมาแล้วนั่นแหละครับ เช่น น้ำตกสาลิกา, น้ำตกห้วยแก้ว ฯลฯ เขาก็มีชื่อว่าน้ำตกนั้นๆ แล้วค่อยต่อท้ายคำว่า คาตาแร็คท์ ได้แก่ สาริการคาตาแร็คท์ ห้วยแก้วคาตาแร็คท์ เป็นต้น

ต้อกระจกเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครๆ ก็มีสิทธิ์เป็นได้อย่างนั้นหรือ

ต้อกระจกเกิดขึ้นได้ด้วยกันหลายสาเหตุ เราสามารถจะพบคนที่เป็นโรคนี้ได้ นับตั้งแต่ทารกแรกเกิดไปจนกระทั่งคุณลุง คุณป้า และคุณปู่ คุณย่า หรือคุณทวด โน่นเลย กล่าวอีกทีก็หมายถึงว่า เป็นได้กับคนทุกอายุ ทุกเพศทุกวัย รวมทั้งท่านผู้อ่านเองด้วย เมื่อถึงเวลาย่อมเป็นต้อกระจกได้ทั้งนั้น (โทษ) ถ้าไม่สิ้นชีวิตเมื่อเข้าสู่วัยชราเสียก่อน

บางคนกล้าเถียงว่า มีญาติตนเองอยู่จนแก่ผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะไม่เคยเป็นอะไรเกี่ยวกับตาเลย ยังมองเห็นลูกหลานชัดแจ๋ว อ่านหนังสือพิมพ์ ดูทีวีได้สบาย นั่นก็เป็นได้ แต่มีส่วนน้อย แต่เชื่อเถอะครับว่า ขอให้แก่ลงไปอีกหน่อย ต้อกระจกต้องเคาะประตูบ้านมาหาท่านอย่างแน่นอน

การที่กล่าวว่า ต้อกระจกพบได้ทุกอายุนั้น พอจะแบ่งระยะการเป็นต้อได้ นับตั้งแต่แรกเกิดและการให้ชื่อต่างกันออกไปตามสาเหตุเรียงลำดับได้ดังนี้ (เอาเฉพาะที่พบบ่อยๆ)

  • ต้อกระจกจากกำเนิด (Congenital Cataract)

ต้อแบบนี้พบตั้งแต่เด็กคลอดออกมา พอลืมตามองอะไรบิดามารดาหรือแพทย์ จะเป็นผู้พบเห็นได้ก่อนใคร เนื่องจากว่าเมื่อเด็กลืมตาขึ้นจะเห็นเป็นจุดขาวอยู่หลังรูม่านตาพอดี ขาวมากขาวน้อยแล้วแต่ความเข้มของต้อ

เด็กที่เกิดมาพร้อมกับต้อกระจกจะพบได้ในกรณีมารดาของเด็กออกผื่นตามตัว ที่เรียกว่า หัดเยอรมัน (หรือ เหือด ตามที่คนโบราณเราเรียกกัน) ขณะที่ตั้งท้องภายใน 3 เดือนแรก เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำท่านว่า ท่านควรจะจัดการประการใดต่อไป หากพบว่าเกิดเป็นหัดเยอรมัน เมื่อท้องได้ 2-3 เดือน แพทย์บางคนจะแนะนำให้ทำแท้งตั้งแต่ต้นเลย บางคนอาจให้ฉีดยา บางอย่างเพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน จึงควรสังเกตให้ดีเมื่อท่าน หรือญาติพี่น้องตั้งท้องภายในระยะ 3 เดือนแรก แล้วมีผื่นออกตามตัวผิดปกติจากที่เคยเป็นให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที ต้อแบบนี้มักเป็นพร้อมกันสองข้าง

  • ต้อกระจกวัยรุ่น (Juvenile Cataract)

คือ ต้อกระจกที่มีมาแต่กำเนิด เช่น ต้อกระจกจากกำเนิด แต่เจริญช้า มาพบเห็นลักษณะแก้วตาขาวขุ่นเอาเมื่อโตเกือบจะเข้าวัยหนุ่มสาว หรือ พ้นวันหนุ่มสาวไปแล้ว เป็นเพราะตามัวมองไม่ชัด ไปวัดสายตาตามร้านแว่นตาทั่วปฐพีมาแล้วไม่ดีขึ้นเลย จึงไปหาแพทย์ตรวจดูจึงรู้ว่ามีต้อกระจกอยู่ ต้อแบบนี้มักเป็นสองข้าง

  • ต้อกระจกจากแรงกระแทก (Traumatic Cataract)

คือ ต้อที่เกิดภายหลังลูกตาข้างนั้นได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงของวัตถุมีคม หรือไม่มีคมก็ได้ ถ้าเป็นวัตถุมีคม เช่น โดนมีดปลายแหลม ปลายปากกา ปลายดินสอ ตะปู ลวด ไม้จิ้มลูกชิ้นปิ้ง ฯลฯ ทิ่มทะลุตาดำผ่านเข้าไปโดนแก้วตา แบบนี้จะเกิดการขาวขุ่นของแก้วตาทันทีภายใน 24 ชั่วโมง เกิดเป็นต้อเห็นได้ชัด ถ้าเป็นวัตถุไม่มีคม เช่น โดนกำปั้นต่อย โดนลูกเทนนิส ขนไก่ ตบตี หกล้มกระแทกพื้นอย่างแรง ฯลฯ การเกิดต้อจะเป็นอย่างช้าๆ บางคนนานเป็นเดือนกว่าจะเห็นว่ามีต้อเกิดขึ้น แบบนี้เป็นเฉพาะข้างที่ได้รับความกระทบกระเทือนเท่านั้น

  • ต้อกระจกจากสารมีพิษ (Toxin Cataract)

หมายถึง การได้รับสารมีพิษบางอย่างเข้าไปในร่างกาย อาจทำให้เกิดต้อได้ เป็นต้นว่า สารตะกั่ว สารหนู ยาฆ่าแมลง บางชนิด แม้แต่ยาลดความอ้วน และอีกหลายอย่าง ทำให้เกิดต้อนี้ได้ เป็นพร้อมกัน 2 ข้าง นอกจากสารมีพิษแล้ว การขาดอาหารบางอย่าง เป็นผลทำให้เกิดต้อกระจกได้ โดยเฉพาะวิตามินบีและซี

  • ต้อกระจกจากเบาหวาน (DiabeticCataract)

คือ ต้อกระจกที่เป็นตามหลังคนที่เป็นเบาหวานอยู่นานๆ แก้วตาขุ่นได้ พบบ่อยๆ เบาหวานเป็นโรคที่น่าเบื่อหน่าย ต่อการกินยาและการเกิดโรคอื่นแทรกซ้อนต่างๆ แล้ว ยังจะทำให้ตาเป็นต้อกระจกขึ้นมาอีก นับว่าช้ำชอกซ้ำเติมกันเหลือเกิน แต่ธรรมชาติก็แก้ภาวะไม่สมดุล อันนี้ไปได้โดยที่คนมีอาการแบบนี้ มักจะเป็นกับคนค่อนข้างมีอันจะกิน หรือพูดง่ายๆ ก็ว่า เป็นกับคนรวยเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง ท่านผู้อ่านละครับ จะจัดอยู่ในกลุ่มนี้หรือเปล่า พิจารณาดูตัวเองเอาเถอะ

  • ต้อกระจกวัยชรา (Senile Cataract)

ต้อแบบนี้ละครับที “ป๊อบปิวล่า” (นิยมกัน) ที่สุด คือ พบกันทุกวัน พบบ่อย และมีจำนวนมากๆ กับจำนวนคนเฒ่าคนแก่ที่มีอยู่ ใครบ้างจะเลี่ยงความชราได้เช่นเดียวกับใครเล่าจะเสี่ยงการเป็นต้อกระจกได้ ปัญหานี้ยังหนักอกอยู่

เชื่อว่าการที่ทำให้เกิดต้อแบบวัยชรา (ตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป บางแห่งให้ 50 ปีขึ้นไป ไม่แน่นอน) สืบเนื่องมาจากการเสื่อมถอยของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งแก้วตาด้วย ถ้าคุณหยุดอายุของคุณได้ คุณอาจไม่เป็นต้อกระจกชนิดนี้ ดังนั้น คนที่ออกกำลังวังชาเป็นประจำ ร่างกายแข็งแรง แลดูหนุ่มสาวอยู่เสมอๆ แม้วัยจะขึ้นเลข 6 นำหน้าแล้วก็ตาม โอกาสจะเป็นต้อชนิดนี้ก็ช้าตามไปด้วย

ตรงข้ามบางคนอายุแค่ 40 กว่า เป็นต้อกระจกชนิดนี้เสียแล้ว เป็นการฟ้องอย่างดีเลยว่า “แก่เกินวัย” และมักจะเป็นพวกที่มีความตึงเครียดตรากตรำ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง รวมทั้งภาวะต่างๆ และสิ่งแวดล้อม สภาพจิตใจ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นสาเหตุ มักเป็นพร้อมกัน 2 ข้าง ข้างหนึ่งจะขุ่นมากกว่าอีกข้าง ทั้งหมดนั้นเป็นตัวอย่างต้อกระจกที่พบเห็นเป็นประจำวัน บ่อยกว่าทุกวัน คือ ชนิดแรกกับชนิดสุดท้าย

การรักษาต้อชนิดนี้ทำอย่างไร มีทางไหม ถ้าใช้ยาหยอดให้ต้อละลาย

การรักษาต้อกระจก ตามศัลยกรรมสมัยใหม่ของจักษุแพทย์ (หมอตา) มีวิธีเดียว คือ “ผ่าตัดเอาต้อออก” เท่านั้น เป็นการรักษาที่หายได้เด็ดขาดและแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นต้อกระจกชนิดไหน

มีบริษัทบางบริษัทจากต่างประเทศ พยายามจะคิดยาหยอด ยากิน ขึ้นมาเพื่อจะ “ยับยั้ง” การเกิดต้อชนิดนี้ แต่เป็นการทดลองเท่านั้น ถ้าต้อเป็นมากจนขาวขุ่นปิดบังตามองไม่เห็นอะไร มีวิธีเดียว คือ ผ่าตัดเอาออก

ข้อสำคัญที่ขอเน้นไว้ในที่นี้ คือ ต้อกระจกแบบวัยชรา (Senile Catoract) นั้นหมอเถื่อนชอบมาก หมายถึง หมอตาเถื่อนที่มีกรรมวิธีการรักษาตรงข้ามกับแพทย์เรา เป็นกรรมวิธีที่ถ่ายทอดมาจากหมอพม่าและหมออินเดียแผนโบราณ คือเขาจะเขี่ยแก้วตาที่ยุ่นเป็นต้อให้ตกลงไปด้านหลังม่านตา เปิดทางให้แสงเข้า ผู้ป่วยจะเห็นได้ทันที แต่จะอยู่สภาพนี้ได้ไม่นาน จะเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา คือ ต้อหินอักเสบภายในลูกตา

จึงขอให้ท่านผู้อ่านระมัดระวัง หรือคิดให้ดีก่อนตัดสินใจพาญาติไปรับการรักษาแบบดังกล่าว เพราะเมื่อไปทำมาแล้ว ผู้ป่วยจะดีใจ เนื่องจากมองเห็น แต่ต่อมาจะเริ่มมัว ปวดเข้าระยะนี้จะรู้สึกตัวว่า “ผิดไปแล้ว” รู้เช่นนี้จะไม่ทำแน่นอน อะไรทำนองนี้เป็นต้น

ได้ยินเขาว่า ถ้าผ่าตัดต้อกระจกต้องนอนโรงพยาบาล นอนนิ่งๆ เป็นอาทิตย์ จริงหรือเปล่า

การผ่าตัดแบบสมัยใหม่ดังกล่าว อาจทำที่คลีนิคที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้นอนด้วยก็ได้หรือที่โรงพยาบาลก็ได้ และหลังผ่าตัดเสร็จ วันรุ่งขึ้นลุกนั่งได้แล้ว แพทย์บางคนเย็บแผลไว้แน่นหนาดี อาจให้ลุกจากเตียงตอนบ่ายๆ ถ้าสมมติว่าผ่าตัดตอนเช้า คำร่ำลือที่ว่าต้องนอนนิ่งไม่กระดิกตัวเลยเกือบอาทิตย์นั้น เป็นสมัยก่อนเมื่อสิบกว่าปีล่วงมาแล้ว เนื่องจากเย็บไว้เพียงไม่กี่เข็มจึงไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องนอนนาน

อัตราค่าผ่าตัดรักษาโรคนี้ต้องหมดเป็นพันเป็นหมื่นจริงเท็จประการใด

การผ่าตัดรักษาโรคนี้ จะหมดมาก หมดน้อย อาจจะขึ้นอยู่กับสถานที่ และแพทย์ผู้ผ่าตัดโดยเฉลี่ยแล้วอัตราค่าผ่าตัดกว้างมาก ตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงห้าพันบาท ไม่รวมค่าห้องที่พักทั้งนี้และทั้งนั้น ท่านอาจจะหมดเป็นหมื่นได้...ถ้าจักษุแพทย์ที่ท่านไปให้ผ่าตัด มีความสามารถและ....ดังขนาดไหน

ผมไม่อาจจะเรียนให้ท่านทราบแน่นอน ลงไปได้ โปรดได้ติดตามและสืบถามเอาเองเถิด

หลังผ่าตัดแล้วมองเห็นดีเหมือนเดิมหรือไม่

หลังผ่าตัดแล้ว จะรักษาแผลผ่าตัดให้หายอักเสบกินเวลาประมาณ 2 เดือน ทุกอย่างจะเข้าที่เรียบร้อย (ถ้าไม่มีโรคอื่นแทรกซ้อน) จึงค่อยแนะนำให้ผู้ป่วยใส่แว่นตาที่มีขนาดพิเศษเป็นเลนส์นูนหนา ก่อนใส่แว่นผู้ป่วยจะมองเห็นด้วยตาข้างที่ผ่าตัดแล้ว แต่ยังมัวๆ อยู่ อีกทั้งภาพที่เห็นจะโตกว่าปกติเล็กน้อย (ขนาดภาพที่เห็นจากตาทั้งสองข้าง คือข้างที่ยังไม่ผ่าตัดกับข้างที่ผ่าตัดแล้วต่างกันประมาณ 33%)

เมื่อใส่แว่นที่มีขนาดหนาเป็นพิเศษดังกล่าวแล้ว จะมองเห็นชัดเจนดีเฉพาะข้างนั้น แต่ภาพทั้งสองยังมีขนาดแตกต่างกันอยู่เกือบ 25% จนกว่าผ่าตัดอีกข้าง แล้วสวมแว่นตาทั้ง 2 ข้าง จึงจะรู้สึกว่าเห็นดีกว่าเดิมมาก

อีกนั่นแหละขึ้นอยู่กับผลการผ่าตัดดีมากน้อยแค่ไหน เป็นประการสำคัญอีกด้วย

 

ข้อมูลสื่อ

8-013
นิตยสารหมอชาวบ้าน 8
ธันวาคม 2522
โรคตา
นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์