• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เจ็บส้นเท้า

เจ็บส้นเท้า

ถาม : ศรีเวียง/ลำพูน
อายุ ๕๗ ปี มีอาการเจ็บส้นเท้าเวลาเดิน เจ็บมากตอนตื่นนอน แต่เดินได้สักพักก็หายเจ็บ แต่ถ้ามีการนอนพักนานๆ เวลาลุกขึ้นเดินก็จะเจ็บทุกครั้ง ไปหาหมอที่โรงพยาบาล (ใช้ประกันสังคม) ได้รับยา Feldene & Genesic มากิน ก็พอทุเลาเจ็บ แต่พอหยุดยาก็เจ็บมากขึ้น และขณะนี้รู้สึกจะเสียวบริเวณเอ็นร้อยหวายด้วย หมอที่รักษาได้แนะนำให้ฉีดสตีรอยด์ แต่เกรงอันตรายจากยาฉีด ขอเรียนถามว่าควรจะฉีดยาเข้าที่ส้นเท้าหรือไม่ หรือควรจะกินยาในระยะยาวผลได้เสียอย่างใดจะมากกว่ากัน
 

ตอบ : นพ.สุรวุฒิ ปรีชานนท์
อาการเจ็บส้นเท้าในผู้ป่วยอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป มักเป็นจากการเสื่อมสภาพของเยื่อบุส้นเท้าด้านล่าง หรือจากเส้นเอ็นบริเวณนั้น ตลอดจนอาจเป็นจากเยื่อบุกระดูกส้นเท้าอักเสบก็ได้ การเสื่อมสภาพอาจทำให้มีการฉีกขาดซึ่งทำให้มีการเจ็บปวด ในหลายกรณีก็พบว่ามีหินปูนมาจับบริเวณที่เสื่อมสภาพและผลึกหินปูน ก็แตกออกมา ทำให้เกิดการอักเสบ ดังนั้น การฉีกขาดเล็กๆ จากการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อบุใต้ส้นเท้ามักมีอาการอักเสบจากการที่มีหินปูน บริเวณนั้นแตกร่วมกันไปด้วย ถ้าหากส่งดูเอกซเรย์บริเวณส้นเท้า มักจะพบหินปูนงอกออกมาจากกระดูกใต้ส้นเท้า โดยทั่วไปผู้ป่วยจะให้ประวัติว่าไม่เคยกระแทก กระทั้นหรือกระทบกระเทือนมาก่อน ถ้าอาการเพิ่งจะเริ่มเป็นไม่นาน แพทย์จะแนะนำให้ใส่ที่รองส้นเท้านิ่มๆ ไว้ในรองเท้า และสั่งให้กินยาแก้ปวดแก้อักเสบ แต่ก็มักจะไม่ค่อยได้ผลเป็นที่พอใจต่อผู้ป่วย แพทย์จะเฝ้าดูอาการ หากมีอาการมาก เจ็บปวดมากหรือเดินไม่สะดวก หรืออาการเป็นต่อเนื่องกันมาเป็นเดือนๆ ก็สมควรให้แพทย์ที่ชำนาญฉีดยาสตีรอยด์เฉพาะที่ ซึ่งส่วนมากจะได้ผลดี

มีผู้ป่วยส่วนน้อยที่หลังจากฉีดยาแล้วก็ยังมีอาการเจ็บอยู่ สันนิษฐานว่าอาการของเขาเป็นมาจากการฉีกขาดของเนื้อเยื่อใต้ส้นเท้ามากกว่ามาจากการอักเสบ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ควรบอกกับผู้ป่วยว่าสมควรรักษาโดยทำกายภาพบำบัดร่วมไปกับการกินยาแก้ปวดแก้อักเสบ ตลอดจนใส่ที่เสริมส้นเท้านิ่มๆ ในรองเท้าให้ด้วย และแพทย์จะบอกกับผู้ป่วยว่า อีกหลายๆ เดือนข้างหน้าก็จะดีขึ้นเอง มีผู้ป่วยส่วนน้อยมากๆ ที่ต้องส่งทำการรักษาโดยวิธีผ่าตัด สำหรับอาการบริเวณส้นเท้าใกล้ๆ เอ็นร้อยหวายนั้น พยายามหลีกเลี่ยงการฉีดยา หากจำเป็นจริงๆ ก็ต้องแน่ใจว่าแพทย์ที่จะฉีดจะต้องมีประสบการณ์มากพอ