• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

หลอดเลือดตีบที่นิ้ว

ดิฉันเคยเป็นโรคเอสแอลอี และได้ตัดนิ้วนาง และตอนนี้ที่นิ้วนางของมือข้างเดียวกันก็มีอาการเหมือนกัน หมอบอกว่าอาจจะต้องตัดนิ้วอีก จึงอยากทราบว่ามีวิธีใดบ้างที่จะรักษาโดยไม่ต้องตัดนิ้วอีก
ผู้ถาม วีรวรรณ/ราชบุรี
ผู้ตอบ พ.ญ.เล็ก ปริวิสุทธิ์

ถาม
ดิฉันอายุ ๔๒ ปี น้ำหนักปัจจุบัน ๕๖ กิโลกรัม จากเมื่อก่อนน้ำหนัก ๔๒-๔๓ กิโลกรัม มีปัญหาจะเรียนปรึกษาคุณหมอดังนี้ค่ะ คือ ดิฉันเคยเป็นโรคเอสแอลอี และได้ตัดนิ้วนางมาเป็นเวลา ๕ ปีแล้ว เพราะที่นิ้วนางเป็นแผลนิดหนึ่ง แต่มีอาการปวดมากจนถึงกระดูก และมีความรู้สึกเย็น ส่วนนิ้วข้างๆจะรู้สึกอุ่น เย็นเฉพาะนิ้วนางนิ้วเดียวเท่านั้น บางครั้งตรงเล็บจะออกสีคล้ำๆ แต่บางครั้งก็ซีดขาว ถ้าอาบน้ำเสร็จ นิ้วจะซีดมากแล้วค่อยๆหาย นานๆครั้งจะรู้สึกปวดที่เล็บนิดๆ แล้วก็หาย และตอนนี้ที่นิ้วกลางของมือข้างเดียวกันก็มีอาการเช่นเดียวกับเมื่อตอนก่อนตัดนิ้วนาง ดิฉันก็ได้ไปหาหมออีก หมอบอกว่าอาจจะต้องตัดนิ้วอีก ไม่มีทางรักษา และบอกให้แช่น้ำอุ่น แล้วให้ยามากิน แต่พอกินเข้าไปที่นิ้วจะรู้สึกเย็นมากกว่าเดิม ดิฉันเลยหยุดกินยาแล้วก็เปลี่ยนหมอคนใหม่ ซึ่งหมอก็ให้ยากินมาเหมือนหมอคนเดิมอีก ดิฉันอยากถามว่ามีวิธีใดบ้างที่จะรักษา โดยไม่ต้องตัดนิ้วอีก

ตอบ
จากอาการที่คุณเล่ามา แสดงว่ามีภาวะตีบหรือหดตัวของหลอดเลือดเล็กๆที่นิ้วมือในบางครั้ง ซึ่งอาจเกิดจากหลอดเลือดมีการอักเสบจากโรคเอสแอลอี หรือหลอดเลือดมีความไวเกินต่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอก เช่น ความเย็น หรือจากภายใน เช่นอาการวิตกกังวล ความเครียดหรือความโกรธ ฯลฯ เป็นต้น คุณอาจเปลี่ยนมากินยา reserpine o.๒๕ มิลลิกรัม โดยกินวันละ ๑ เม็ด และแอสไพริน (aspirin) วันละ ๑ เม็ดควบไปด้วย จะได้ประโยชน์มากกว่า สำหรับยาเพร็ดนิโซโลนและโคโลควินให้กินต่อไปในขนาดเท่าเดิม

โรคเอสแอลอี ที่เป็นมาหลายๆปีแล้ว อาการต่างๆมักจะลดความรุนแรงลงจนเกือบหายเป็นปกติได้ การทำใจให้สบาย คลายความวิตกกังวล และหลีกเลี่ยงอากาศเย็น โดยการสวมถุงมือเวลานอน ควบกับการกินยาดังกล่าว และไปพบแพทย์สม่ำเสมอเพื่อรับยาเพร็ดดนิโซโลนและโคโลควิน จะช่วยให้คุณหายจากโรคได้เร็วขึ้น หรืออย่างน้อยก็ทำให้โรคไม่รุนแรงถึงขนาดต้องตัดนิ้วหรือทำงานไม่ได้