• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โรคธาลัสซีเมีย

โรคธาลัสซีเมีย

เป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดเม็ดเลือดเปราะ มีลักษณะเหมือนคนปกติทุกอย่าง แต่ผิวหนังแห้ง ๆ ซีด ๆและตาเหลือง โรคนี้รักษาให้หายได้หรือไม่

ผู้ถาม วรรณิภา/กรุงเทพฯ

ผู้ตอบ นพ. สุรพล อิสรไกรศีล


ดิฉันอายุ 20 ปี น้ำหนัก 53 กิโลกรัม ส่วนสูง 168 เซนติเมตร มีโรคประจำตัว คือ โรคธาลัสซีเมีย ชนิดเม็ดเลือดเปราะ คือ เริ่มแรกดิฉันไปพบแพทย์ประจำตั้งแต่อายุประมาณ 5-6 ขวบ โดยมีแพทย์ประจำตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเด็ก โดยแพทย์จะนัดตรวจเลือดเป็นประจำ
ทุกครั้งที่ไปตรวจดิฉันสังเกตว่าแพทย์จะดูค่าตัวเลขอะไรบางอย่างซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 23 เปอร์-เซ็นต์ 24 เปอร์เซ็นต์โยแพทย์จะดูแค่นี้เป็นประจำ และให้ยามา ชื่อว่า “กรดโฟลิก” ดิฉันเพิ่งทราบทีหลังว่ายาที่แพทย์ให้มานี้เป็นกรดที่มีอยู่ในผักใบเขียว โดยเฉพาะผักดิบ เท่าที่ดิฉันจำได้ตอนเด็ก ๆ แพทย์จะพูดอยู่เสมอว่าให้กินผักดิบ ซึ่งดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกินผักดิบ เพราะเท่าที่เคยเรียนมาทราบว่า โรคโลหิตจางเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก และเครื่องในสัตว์โดยเฉพาะตับนั้นมีธาตุเหล็กมาก
ส่วนอาหารของดิฉันแทบจะเรียกว่าเหมือนคนปกติทุกอย่าง แต่ผิวหนังจะออกแห้ง ๆ ซีด ๆ และตาเหลือง ปกติดิฉันชอบอ่านหนังสือชอบค้นคว้า จึงรู้ว่าโรคนี้รักษาไม่หาย แต่ทราบว่ายาที่แพทย์ให้ดิฉันกินตั้งแต่เด็ก ๆ นั้นไม่ใช่ยาที่รักษาโรคนี้ แต่เป็นยาบำรุง

ตั้งแต่เด็ก ๆ ดิฉันเพียงแค่ไปตรวจเลือดและรับยา “กรดโฟลิก” เท่านั้น เคยถ่ายเลือด 2 ครั้ง คือ ตอนอายุ 13 ปี และ 15 ปี เพราะไม่สบาย เป็นไข้ และแพทย์บอกว่า เลือดลดเหลือ 21-22 เปอร์เซ็นต์ และระยะหลังตั้งแต่ดิฉันอายุ 15-16 ปี เป็นต้นมา แพทย์จะนัดนาน ๆ ครั้ง คือประมาณปีละ 1 ครั้ง ตั้งแต่ดิฉันอายุ 18 ปี ดิฉันก็ไม่เคยไปพบแพทย์อีกเลย แต่ดิฉันจะไปซื้อยาเม็ด “กรดโฟลิก” ตามร้านขายยา กินเอง

1.เท่าที่ค้นคว้าในหนังสือพบว่า กรดโฟลิกอยู่ในผักใบเขียว ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่ ดิฉันสามารถกินได้ทั้งกรดโฟลิกที่เป็นเม็ดและผักดิบได้ด้วยหรือไม่
 

 คุณเป็นโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ที่ถ่ายทอดจากพ่อและแม่ โรคนี้มีอาการซีด มีโลหิตจาง และตัวเหลือง ตาเหลือง และมีตับม้านไต ผู้ป่วยโรคนี้จะมีภาวะเหล็กเกิน จากอาการที่คุณเล่ามาเข้าใจว่าคงจะมีอาการไม่มาก เพราะมีค่าฮีมาโตคริตไม่ต่ำมาก เพียง 23-24 เปอร์เซ็นต์ ค่าฮีมาโตคริตนี้จะแสดงถึงปริมาณของเม็ดเลือดแดงในเลือด ในหญิงปกติควรจะสูงประมาณ 36-40 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้คุณก็ไม่ได้รับเลือดบ่อยด้วย คุณควรจะหลีกเลี่ยงการใช้ยาบำรุงเลือดที่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ เพราะในร่างกายคุณ มีเหล็กปริมาณมากอยู่แล้ว ถ้าได้รับมากขึ้นไปอีกจะทำให้มีเหล็กคั่ง และเป็นอันตรายต่ออวัยวะต่าง ๆ ที่สำคัญคือ ตับ ต่อมไร้ท่อ และหัวใจ
คุณควรกินกรดโฟลิกวันละเม็ด ทั้งนี้เพราะกรดโฟลิกจะมีความจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง คุณจะกินผักดิบร่วมด้วยก็ได้ เป็นสิ่งที่ดี

2.ทุกวันนี้ดิฉันเรียนหนังสือได้ปกติเหมือนคนทั่วไปแต่จะมีอาการตาเหลืองจะแก้ไขได้อย่างไร

 อาการตาเหลือง หรือดีซ่าน เป็นผลจากการที่มีสารบิลิรูบินสูงในเลือดจากการที่มีเม็ดเลือดแดงแตก ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ตาเหลืองจะไม่เป็นมากเหมือนกับที่พบในโรคตับอักเสบ

3.ควรกินอาหารประเภทใดบ้าง

 กินอาหารได้ทุกชนิด ยกเว้นอาหารประเภทที่มีธาตุเหล็กมาก
 

4.ชอบดื่มกาแฟตั้งแต่อายุ 12-13 ปี เพราะดื่มไมโลและโอวัลติน แล้วท้องเสีย ปกติดื่มกาแฟวันละ 2 แก้ว แต่ช่วงสอบดื่มวันละ ประมาณ 6-7 แก้ว พยายามเลิก ดื่มหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ไม่ทราบว่าเป็นอันตรายหรือไม่

 การดื่มกาแฟจำนวนมาก อาจทำให้ใจสั่นและปวดศีรษะได้ แต่ถ้าดื่มไม่มากก็ไม่เป็นอะไร

5. ผู้ป่วยโรคนี้สามารถออกกำลังกายได้หรือไม่

 ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียสามารถออกกำลังกายได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่ต้องระวังคืออย่าให้เหนื่อยจนเกินไป และควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย ที่ต้องต่อสู้ เพราะอาจมีกระดูกหักได้ง่าย

6. ดิฉันสามารถมีลูกได้หรือไม่ ถ้าได้ ลูกที่เกิดมาจะเป็นโรคนี้หรือไม่

 สามารถมีลูกได้ แต่ควรตรวจคู่สมรสก่อนว่าเป็นโรคหรือเป็นพาหะ ธาลัสซีเมียหรือไม่ ถ้าคู่สมรสของคุณปกติ ลูกของคุณก็จะไม่เป็นโรค แต่จะมีความผิดปกติแฝงอยู่หรือเป็นพาหะด้วย

7.โรคนี้รักษาให้หายได้หรือไม่

 การรักษาโรคธาลัสซีเมียให้หายขาดในปัจจุบันมีวิธีเดียวคือ การปลูกถ่ายไขกระดูก

8. รู้สึกเป็นปมด้อยที่มีคนมาทักว่าทำไมตาเหลือง ดิฉันเป็นดีซ่านหรือไม่ ควรทำอย่างไรดีให้ร่างกายเป็นปกติเหมือนคนอื่น ควรกินอาหารอย่างไร ถ้ากินผักดิบทุกวันจะช่วยได้หรือไม่

 คนที่เป็นโรคธาลัสซีเมียในประเทศไทยมีจำนวนมาก มีหลายคนที่มีการศึกษาและหน้าที่การงานดี อย่าคิดว่าเป็นปมด้อย อีกประการหนึ่งคือคุณก็มีอาการไม่มากด้วย