• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

คุมกำเนิด

ฉีดยาคุมแล้วเมนส์ไม่มา ไม่รู้ว่าเป็นฤทธิ์ของยาคุมหรือเพราะตั้งครรภ์ จะรู้ได้อย่างไรว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่

ปัจจุบันดิฉันอายุ 25 ปี มีบุตรชาย 1 คน อายุ 3 ขวบครึ่ง แฟนเป็นทหาร ปกติมักแยกกันอยู่ แต่ก็พบกันบ้างเป็นครั้งคราว

ดิฉันเคยฉีดยาคุมกำเนิดหลังจากมีลูกคนแรก ในช่วงปี 28 ถึงต้นปี 29 ก็หยุดไป และปี 29 ดิฉันก็แยกกับแฟนเป็นเวลานานเพราะเขาพบคนใหม่ หลังจากฉีดยาคุมก็ไม่มีประจำเดือน จนปี 29 ก็มีสม่ำเสมอ
เดือน ก.พ. วันที่ 20 มีหมอมาฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน ดิฉันก็เข้ารับการฉีด เพราะมั่นในว่าจะไม่มีการตั้งครรภ์ในช่วงนี้ และหวังผลดีในการตั้งครรภ์ในอนาคต แต่ยังไม่ได้ฉีดยาคุมเพราะไม่มีการพบปะกับสามี

เดือน มี.ค. วันที่ 28 ประจำเดือนก็มา ตั้งใจว่าหมดแล้วจะไปฉีดยาคุม เพราะสามีเริ่มติดต่อมา ปรากฏว่าสามีมาหาวันที่ 30 มี.ค. เรามีการร่วมเพศกัน โดยไม่ได้คุมฯ เนื่องจากดิฉันเห็นว่าเป็นระยะที่ค่อนข้างปลอดภัย และถ้าละโอกาสในการคุมกำเนิดอาจมีปัญหา

วันที่ 8 เม.ย. ดิฉันจึงไปฉีดยาคุมที่โรงพยาบาล โดยบอกหมอว่าหลังเมนส์มาไม่มีการร่วมเพศ (โกหกหมอ) เพราะเกรงว่าแฟนจะมาอีกในช่วงนี้ (ดิฉันแพ้ถุงยาง)

เมื่อดิฉันฉีดยาคุมไปแล้วก็กลับมาวิตก คิดเกรงการตั้งครรภ์ หลังจากนี้สามีก็ไม่ได้มาอีก เมนส์ก็ไม่มา ไม่รู้ว่าเป็นฤทธิ์ของยาคุม หรือเพราะตั้งครรภ์

วันที่ 20 เม.ย. เลยไปปรึกษาหมอที่คลินิก โดยไม่ได้บอกว่าฉีดยาคุม กลัวหมอจะคิดว่าอยากทำแท้ง ก็พูดแต่ว่าไม่อยากตั้งครรภ์ หมอก็ฉีดยาให้บอกว่าภายใน 1 สัปดาห์เมนส์จะมาแล้วให้ไปฉีดยาคุมซะ หมอฉีดยาให้เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ (เพราะดิฉันกลุ้มใจกลัวลูกพิการ อยากได้ลูกมากแต่ไม่อยากให้เขาเป็นโรคต่าง ๆ เพราะยาคุมหรือวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน จึงอยากรู้เร็ว ๆ ว่าตั้งครรภ์หรือไม่)

ขอเรียนถามดังนี้
1. จะรู้ได้อย่างไรว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ในขณะนี้
2. ฉีดยาคุมแล้ว ถ้าตั้งครรภ์การตรวจปัสสาวะภายใน 2 เดือนนี้ จะพบการตั้งครรภ์หรือไม่
3. ถ้าตั้งครรภ์หมอจะทำแท้งให้หรือไม่ เพราะได้รับวัคซีนหัดเยอรมัน
4. ถ้าไม่สามารถทำแท้งดิฉันควรทำอย่างไรที่จะได้ลูกที่มีสุขภาพดี เพราะทั้งวัคซีนหัดเยอรมัน ยาคุมกำเนิด อาจมีผลต่อลูกได้
5.โดยรายละเอียดหัดเยอรมัน (วัคซีน) และยาคุมกำเนิดที่ได้รับโดยมารดาระหว่างตั้งครรภ์มีอันตรายต่อเด็กอย่างไร
6. การคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ หน้า-หลัง 7 มีโอกาสไข่ตกในระหว่างเมนส์มาหรือไม่ ในรายที่เคยมีการฉีดยาคุม แล้วงดฉีดภายหลัง (การตกไข่จะดำเนินตามปกติหรือไม่)
สุชาดา/ราชบุรี
 

มี.ค.เม.ย.
28293082028
เมนส์มาวันแรก อยู่กับสามีโดยไม่มีการคุมกำเนิดฉีดยาคุม (นัดฉีดซ้ำ 4 มิ.ย. 30)ฉีดยาให้เมนส์มาภายใน 1 สัปดาห์เขียนจดหมายถามปัญหา


ตอบ
1. อาจนำปัสสาวะไปตรวจก็ได้ ในปัจจุบันให้ผลเร็วกว่าแต่ก่อนมาก หรือถ้าหากจะให้แน่นอนยิ่งขึ้นก็อาจตรวจเลือดแทน แต่การตรวจเลือดนี้ทำได้เฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่ ๆ เท่านั้น
2. พบได้
3. ในกรณีดังกล่าวหากตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่จะไม่แนะนำให้ทำแท้ง ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานว่า สตรีที่ได้รับวัคซีนหัดเยอรมันและตั้งครรภ์ในเวลาใกล้เคียงกัน จะทำให้ทารกมีความพิการ แต่เพื่อให้เกิดความแน่ใจและสบายใจ จึงมักแนะนำให้เว้นระยะตั้งครรภ์หลังจากฉีดวัคซีนประมาณ 2-3 เดือน
4. ควรไปฝากครรภ์และบำรุงร่างกายให้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ
5. วัคซีนหัดเยอรมันยังไม่พบรายงานว่ามีผลเสียดังที่กล่าวไว้ในข้อ 3 ส่วนยาคุมกำเนิดแม้ว่าจะมีรายงานการเกิดความพิการบ้าง แต่ก็น้อยมาก ๆ โดยทั่วไปจึงไม่แนะนำให้สตรีที่ตั้งครรภ์ขณะใช้ยาคุมกำเนิดทำแท้งด้วยเหตุผลดังกล่าว
6. ระหว่างที่มีระดูมาไม่มีการตกไข่ ในสตรีที่มีรอบระดูปกติ ประมาณ 28 วัน ไข่จะตกในวันที่ 14 นับจากวันแรกที่ระดูมา การคุมกำเนิดโดยใช้การนับวัน หน้า-หลัง 7 วันนั้น มักจะไม่ได้ผล มีผู้ใช้วิธีนี้ตั้งครรภ์มาแล้วมากราย

สมมติว่าสตรีคนหนึ่งมีรอบเดือนปกติมาครั้งละ 5-6 วัน เมื่อนับต่อไปอีก 7 วันก็จะเป็นวันที่ 13 ของรอบ ซึ่งใกล้กับระยะไข่ตกมาก หากมีการ่วมเพศ โอกาสตั้งครรภ์ก็สูง ส่วนก่อนมีระดูมา 7 วันนั้นปลอดภัยแน่ แต่ก็เป็นการยากที่จะทราบล่วงหน้าถึงวันที่ระดูจะมาในรอบต่อไปอย่างแน่นอน ถ้ารอบระดูปกติมาทุก 28 วัน วันที่ปลอดภัยควรจะเป็นวันที่ 1-10 และ 19-28 ของรอบ โดยนับวันแรกที่มีระดูมาเป็นวันที่ 1
ในสตรีที่ฉีดยาคุมกำเนิด เมื่อหยุดยาฉีดแล้วส่วนใหญ่รังไข่จะกลับทำงานตามปกติประมาณ 6-12 เดือนหลังหยุดฉีดยา
นพ.อร่าม โรจนสกุล