ต่อมลูกหมากโต
แพทย์จะให้การรักษาต่อมลูกหมากโตตามความรุนแรงของโรค ดังนี้
- ในรายที่เป็นระยะแรกเริ่ม ซึ่งมีอาการอยู่เพียงเล็กน้อย ก็จะไม่ให้การรักษาใดๆ แต่จะติดตามอาการดูเป็นระยะ
- ในรายที่มีอาการปัสสาวะลำบากมากขึ้น มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต หรือเป็นมากแล้วแต่อยู่ระหว่างรอรับการผ่าตัด หรือมีข้อห้ามในการผ่าตัด แพทย์จะให้การรักษาด้วยยา เช่น พราโซซิน (prazosin) เทราโซซิน (tera-zosin) ดอกซาโซซิน (doxazosin) ไฟนาสเตอไรด์ (fina-steride) เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายปัสสาวะได้คล่องขึ้น
- ในรายที่ใช้ยารักษาไม่ได้ผล หรือมีอาการปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือดบ่อย เป็นโรคติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะบ่อย มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือผนังกระเพาะปัสสาวะหย่อนยานหรือเป็นถุงโป่งพอง แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีอยู่หลายวิธี ในปัจจุบันนิยมผ่าตัดโดยการใช้กล้องส่องผ่านท่อปัสสาวะ (transurethral resection of the prostatic หรือ TURP) แต่ถ้าต่อมลูกหมากมีขนาดโตมาก ก็อาจต้องทำการผ่าตัด โดยการเปิดเข้าทางหน้าท้อง
ผู้ป่วยบางราย แพทย์อาจเลือกรักษาด้วยวิธีอื่นที่ง่ายและมีความเสี่ยงน้อยกว่าการผ่าตัด เช่น
- การขยายท่อปัสสาวะโดยการใส่ท่อคาไว้ (prostatic urethral stent) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ผ่าตัดไม่ได้ หรือปฏิเสธการผ่าตัด
- การจี้ต่อมลูกหมากด้วยแสงเลเซอร์หรือไฟฟ้า
- การใช้คลื่นไมโครเวฟ คลื่นอัลตราซาวนด์ หรือคลื่นวิทยุ ทำให้เกิดความร้อนบริเวณต่อมลูกหมากจนเนื้อเยื่อตาย ต่อมลูกหมากก็จะฝ่อเล็กลง ทำให้ปัสสาวะได้คล่องขึ้น
หากรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ไม่ได้ผล ก็จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการแสดงและการ ใช้นิ้วมือตรวจทางทวารหนัก (โดยการใส่ถุงมือและมีสารหล่อลื่น) คลำได้ก้อนต่อมลูกหมากโตกว่าปกติ
การวินิจฉัยที่แน่ชัด จำเป็นต้องทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การถ่ายภาพรังสีทางเดินปัสสาวะ การตรวจอัลตราซาวนด์ การใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ การนำปัสสาวะไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ (ดูว่ามีการติดเชื้อหรือเลือดออกหรือไม่) การตรวจเลือด (ดูว่ามีภาวะไตวายหรือไม่) การตรวจสารพีเอสเอ (PSA ซึ่งย่อมาจากคำว่า prostate specific antigen) ในเลือด ดูว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่) เป็นต้น
- อ่าน 11,029 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้