อีสุกอีใส
แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ เช่นเดียวกับที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ถ้าพบว่ามีภาวะผิดปกติอื่นๆ ก็จะให้การดูแล ดังนี้
- ถ้าพบว่าตุ่มมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน (กลายเป็นตุ่มหนอง ฝี แผลพุพอง) แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพิ่มเติม ถ้าเป็นเพียงไม่กี่จุดก็อาจให้ชนิดทาแต่ถ้าเป็นมากก็จะให้ชนิดกิน
- ถ้ามีอาการแทรกซ้อนรุนแรง ซึ่งพบได้น้อยมาก เช่น ปอดอักเสบ (ไข้สูง หอบ) สมองอักเสบ (ไข้สูง ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึม ชัก ไม่ค่อยรู้ตัว) ตับอักเสบ (ดีซ่าน) หรือมีภาวะเลือดออกง่ายเป็นต้น ก็จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล
- ในรายที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เช่น เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เอดส์ กินยาสตีรอยด์อยู่นานๆ เป็นต้น) หรือเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคผื่นแพ้ประจำ โรคปอดเรื้อรัง สูดพ่นยาสตีรอยด์ (สำหรับคนที่เป็นหืด) หรือกินยาแอสไพรินอยู่ นอกจากให้การรักษาตามอาการแล้ว แพทย์อาจให้ยาต้านไวรัส ที่มีชื่อว่า อะไซโคลเวียร์ (acyclovir) เพื่อฆ่าเชื้ออีสุกอีใส ป้องกันมิให้โรคลุกลามรุนแรง และช่วยให้โรคหายเร็วขึ้น ควรให้ยานี้รักษาภายใน 24 ชั่วโมง หลังแสดงอาการจะได้ผลดีกว่าให้ช่วงหลังๆ ของโรค
การวินิจฉัย
มักจะวินิจฉัยจากอาการแสดง ได้แก่ ไข้ร่วมกับมีตุ่มใสขึ้นพร้อมไข้วันแรก น้อยรายที่อาจจะต้องใช้วิธีการตรวจพิเศษ เช่น ตรวจหาแอนติบอดีในเลือด ตรวจหาเชื้อจากตุ่มน้ำ เป็นต้น
- อ่าน 43,189 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้