พรพิมล / กรุงเทพฯ : ผู้ถาม
ดิฉันได้ยินมาว่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงหลายคนที่มีหน้าอกเล็ก อยากให้หน้าอกตนเองใหญ่ ก็ไปเสริมหน้าอกกันมานักต่อนัก บางรายได้ยินว่าเสริมแล้วก็ดี ไม่เห็นมีปัญหาอย่างไร บางรายเสริมแล้วแพ้ถุงชิลิโคนจึงต้องไปผ่าออก
เคยอ่านโฆษณาเจอว่าเดี๋ยวนี้มีการเสริมหน้าอกอีกแบบหนึ่ง คือ แบบใช้ไขมัน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทราบมีจริงหรือไม่ อยากทราบรายละเอียดของเรื่องเสริมหน้าอกมีกี่วิธี มีวิธีทำอย่างไรบ้าง แต่ละวิธีมีข้อดี ข้อจำกัดในการเสริมอย่างไร
นพ. จงดี อาวเจนพงษ์ : ผู้ตอบ
การเสริมหน้าอกแบบที่เราเคยได้ยินกันบ่อยคือ การผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยใช้ถุงชิลิโคน ซึ่งภายในบรรจุด้วยน้ำเกลือและสอดเข้าไปได้กล้ามเนื้อหรือผิวหนังบริเวณเต้านม การเสริมหน้าอกโดยการใช้ชิลิโคลนเป็นวิธีที่ผู้หญิงนิยมใช้กันมากที่สุด ถือเป็นวิธีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับและนิยมใช้ในการเสริมความงามเป็นส่วนใหญ่
แต่ทางการแพทย์ยังมีการเสริมหน้าอกอีกวิธีหนึ่ง เป็นการเสริมหน้าอกด้วยไขมัน โดยจะนำเนื้อเยื่อจากภายในตัวเราเอง เช่น กล้ามเนื้อและไขมันจากหน้าท้อง หรือไขมันบริเวณอื่น ๆ ที่เราต้องการดูดออก โดยไขมันจะถูกดูดออกมาพร้อมเลาะหลอดเลือดเพื่อให้มีหลอดเลือดเพื่อให้มีหลอดเลือดมาเลี้ยงตัวเนื้อเยื่อนั้นได้ด้วย แล้วฉีดลงไปที่เต้านม ซึ่งมักจะใช้กับคนที่เป็นมะเร็งเต้านม และต้องผ่าเต้านมทิ้ง
ผู้ที่เข้ามารับการเสริมหน้าอกนั้นพอจะแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
แบบแรก คนที่ต้องการมีหน้าอกใหญ่ขึ้น หรือเสริมหน้าอกให้สวยขึ้น โดยไม่มีโรคใด ๆ มาเกี่ยวข้อง แบบนี้ก็ใช้การผ่าตัดเสริมด้วยชิลิโคน
แบบที่สอง คือ กรณีที่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมได้รับการผ่าตัดมะเร็งเต้านมออก และต้องการเสริมเพื่อทดแทนเต้านมที่สูญเสียไป สำหรับประเภทหลังจะเหมาะกับการเสริมหน้าออกด้วยไขมัน รวมทั้งคนที่ต้องการเสริมทรวงอกเพียงน้อย ๆ อย่างการเสริมหน้าอก 2 ข้างที่ไม่เท่ากันด้วย
วิธีการเสริมหน้าอกด้วยไขมันนี้ ก็จะคล้าย ๆ กับการเสริมในตำแหน่งอื่น ๆ ด้วยไขมัน เช่น ที่เราเคยได้ยินว่าจะนำไขมันไปฉีดบริเวณระหว่างหัวคิ้ว หรือบริเวณร่องแก้มโดยใช้ปริมาณน้อย ๆ ซึ่งเราจะดูดไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผู้ป่วยเอง เสร็จแล้วจะนำไปล้างให้สะอาด แล้วฉีดกลับไปในตำแหน่งที่ต้องการ การเสริมไขมันที่เต้านมก็ทำในแบบเดียวกัน
การเสริมหน้าอกด้วยไขมัน มีข้อดีที่เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่ต้องใช้ยาสลบ แต่ใช้การฉีดยาชาเฉพาะบริเวณที่จะดูดไขมันออก และบริเวณหน้าอกที่จะฉีดไขมันเข้าไป จึงทำได้ง่าย ค่าใช้จ่ายต่ำ และยังเป็นการดูดไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณที่เราต้องการ ส่วนรอยแผลที่เกิดจากการดูดจะมีขนาดเล็กมาก คือประมาณ 2-3 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งแพทย์จะซ่อนรอยแผลไว้บริเวณขาหนีบ หรือใต้ร่มผ้า ซึ่งส่วนใหญ่จะมองไม่เห็น
สำหรับคนที่สนใจการเสริมหน้าอกด้วยไขมัน ในขั้นแรกแพทย์จะพิจารณาดูก่อนว่าจะสามารถวิธีนี้ได้หรือไม่ โดยต้องเป็นการเสริมในขนาดน้อย ๆ และไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน หรืออย่างน้อยก่อนเสริมควรไปทำแมมโมแกรมมาก่อน เพื่อจะได้วินิจฉัยแยกโรคว่ามีก้อนใด ๆเกิดขึ้นในเต้านมหรือไม่ ถ้าไม่มีปัญหาในส่วนนี้และมีไขมันพอสมควร แพทย์ก็จะให้เราเลือกบริเวณที่จะดูดไขมันเอง และนำไขมันออกมาล้างด้วยน้ำเกลือแล้วใส่ในหลอดฉีดยาเพื่อนำใส่ลงไปในเต้านมต่อไป
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันจะมีข้อจำกัดมากกว่าการใช้ชิลิโคนโดยไม่สามารถเสริมให้มีขนาดใหญ่มากได้ เพราะการฉีดไขมันเข้าไปเยอะ ๆ ถ้าเข้าไปในที่เล็ก ๆ เซลล์ไขมันก็จะตายไปจึงไม่มีประโยชน์อะไร หรือบางครั้งเซลล์ไขมันที่เราฉีดเข้าไปอาจกลายเป็นเซลล์ซีสต์ ซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
นอกจากนี้ไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจมีการแข็งตัว ทำให้เกิดการสับสนว่าก้อนที่เกิดจากมะเร็งเต้านมหรือไม่ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 35 ถึง 40 ปีขึ้นไป อาจทำให้มีการตรวจพบมะเร็งเต้านมยากขึ้น การเสริมหน้าอกด้วยไขมันจึงยังไม่เป็นที่นิยมศัลยกรรมแพทย์ส่วนหนึ่งก็ยังคัดค้าน เพราะกลัวไปรบกวนการตรวจมะเร็งเต้านม
ก็พอสรุปได้ว่า การเลือกใช้วิธีเสริมหน้าอกด้วยไขมันจะเหมาะกับคนที่ต้องการเสริมอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กับคนที่อกแฟบอยากให้มันใหญ่ขึ้นมาทันตาเห็นก็คงต้องพึ่งการผ่าตัดเสริมด้วยชิลิโคน