⇒ ถาม
สาเหตุและอาการเป็นอย่างไร มีทางรักษาให้หายขาดได้หรือเปล่า การรักษาโรคนี้จะทำได้ด้วยวิธีใด
ผมมีปัญหาขอเรียนถามดังนี้
1. อยากทราบสาเหตุและอาการของโรคหัวใจโต
2. จะทราบว่าเป็นโรคนี้ด้วยวิธีใดบ้าง เอกซเรย์, ตรวจคลื่นหัวใจ หรือวิธีอื่น ๆ
3. โรคนี้มีทางรักษาให้หายขาดได้หรือเปล่าครับ ถ้าไม่หายขาดจะมีชีวิตอยู่ได้นานเท่าไร
4. การรักษาโรคนี้ จะทำด้วยวิธีไหนบ้างครับ
5. การป้องกันโรคนี้
6. ผมอายุ 23 ปี มีอาการเจ็บหน้าอกด้านซ้ายตรงหัวใจ เจ็บเป็นบางครั้ง ไม่ได้เจ็บตลอดเวลา ทำ
งานหนักไม่ได้เลย เหนื่อยเร็ว ไม่มีเหงื่อออกตามมือและเท้า ไม่มีอาการหน้ามืดตาลาย อ่อนเพลียง่าย
ไปให้หมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดตรวจ ท่านเพียงแต่ถามอาการ และวินิจฉัยว่าไม่ได้เป็นโรค หัวใจ เป็นเพียงอาการอักเสบของกล้ามเนื้อเท่านั้นและจัดยาให้กิน 3 ชุด
อาการเริ่มมา 2 เดือนกว่าแล้ว ตอนแรกไม่รุนแรงเท่าไร แต่ตอนนี้เอี้ยวหรือยกแขนซ้ายนาน ๆ จะเจ็บจี๊ดตรงหัวใจทันที ก่อนที่จะมีอาการแบบนี้ร่างกายไม่ได้กระทบกระเทือน หรือมีอุบัติเหตุอะไร ก่อนหน้านี้ทำงานหนักมานาน (ช่างก่อสร้าง) แต่ได้หยุดมา 2 ปีแล้วครับ ความดันเลือดตอนที่ไปตรวจที่โรงพยาบาล 110/80
สมเกียรติ/ชัยนาท
⇒ ตอบ
ขอตอบปัญหาที่ถามมาดังนี้เลยนะครับ
1. สาเหตุของโรคหัวใจโตมีหลายประการ เช่น ความดันเลือดสูง ลิ้นหัวใจรั่ว ผนังหัวใจรั่ว เป็นต้น บางชนิดอาจเป็นมาตั้งแต่เกิด บางชนิดอาจจะเป็นเมื่อโตขึ้น คนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง โดยไม่ได้รบการรักษาอย่างต่อเนื่อง ก็อาจทำให้มีหัวใจโตแทรกซ้อนได้
2. หมอจะทราบว่าเป็นโรคหัวใจโตหรือไม่ ก็โดยการตรวจร่างกาย ถ้าจำเป็นก็จะตรวจด้วยเอกซเรย์ หรือคลื่นหัวใจ ซึ่งจะบอกได้แน่นอนกว่าเครื่องตรวจร่างกายทั่ว ๆ ไป
3. โรคนี้จะหายขาดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็น อย่างไรก็ตาม ถ้าคอยติดต่อรักษากับแพทย์เป็นประจำ ก็สามารถมีชีวิตยาวกว่า การไม่ได้รับการรักษา
4. การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็น ถ้าเป็นเบาหวาน ความดันเลือดสูงก็ต้องคอยกินยาควบคุมไปตลอดชีวิต ถ้าเป็นเพราะหัวใจรั่ว อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
5. การป้องกัน ก็ขึ้นกับสาเหตุเช่นเดียวกัน ในกรณีที่เป็นแต่กำเนิด ถ้าเกิดจากหัดเยอรมันก็สามารถป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน ให้แม่ก่อนจะตั้งครรภ์ สำหรับโรคหัวใจโตจากเบาหวาน หรือความดันเลือดสูงก็สามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาโรคที่เป็นอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอตลอดไป
6. อาการเจ็บหน้าอก ดังที่เล่ามานั้น คงเป็นเพราะอาการอักเสบของกล้ามเนื้อมากกว่าหัวใจโต ตามที่หมอเขาบอก ถ้ายังมีอาการอยู่อีก ก็ขอแนะนำให้กลับไปหาหมอตรวจซ้ำ
น.พ. สุรเกียรติ อาชานานุภาพ