โรคต้อกระจกและเลนส์แก้วตาเทียม
ต้อกระจกเป็นภาวะเลนส์แก้วตาขุ่น ทำให้แสงผ่านเข้าไปยังจอประสาทตาได้น้อยลง ตาจึงมัว พบมากในผู้สูงอายุประมาณ ๖๐ ปีขึ้นไป
การมองเห็นภาพของเลนส์ตาในตาปกติ การมองเห็นภาพของเลนส์ต้อกระจก
อาการ
สายตาจะเริ่มมัวลงช้าๆ โดยไม่มีอาการปวดตา ถ้าใช้สายตาในที่มีแสงแดดจัดจะมัวมากขึ้น ที่มีแสงสว่างน้อยหรือสลัวจะเห็นชัดเจนกว่า อาจมีการเห็นภาพเหลื่อมซ้อน เห็นแสงกระจายขณะขับรถในตอนกลางคืนทำให้ขับรถลำบาก
การรักษา
โดยการสลายต้อกระจกออกและใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทน ใช้เวลาในการรักษา ๒๐-๓๐ นาที โดยเปิดแผลขนาดเล็กเพียง ๒-๓ มิลลิเมตร
แพทย์ใช้เครื่องมือสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Phacoemulsification)
สลายและดูดต้อกระจกออก
เมื่อสลายต้อกระจกแล้วจะใส่เลนส์แก้วตาเทียมในถุงหุ้มเลนส์
เลนส์แก้วตาเทียมจะช่วยให้กลับมามองเห็นได้
เลนส์แก้วตาเทียม คืออวัยวะเทียมที่ทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้ มีให้เลือกหลายชนิด
- ชนิดโฟกัสระยะเดียว (Monofocal) จะช่วยให้มองเห็นระยะไกลชัดเจน แต่มองใกล้ต้องใช้แว่นอ่านหนังสือ
- ชนิดโฟกัสหลายระยะ (Multifocal) อาศัยเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Apodized diffractive จะช่วยให้มองเห็นได้ทั้งไกล กลาง และใกล้ โดยไม่ต้องใช้แว่น
- ชนิดแก้ไขสายตาเอียง (Toric) ออกแบบให้มีความโค้งด้านหลังเลนส์ไม่เท่ากันในแนวตั้งและแนวนอน เพื่อชดเชยความโค้งของกระจกตาที่ไม่เท่ากันของผู้มีภาวะสายตาเอียงที่กระจกตา จะช่วยให้มองเห็นได้ในระยะไกลโดยไม่ต้องใช้แว่น
สอบถามปัญหาสุขภาพตากับราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ที่ website : www.rcopt.org
- อ่าน 4,486 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้