• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เอดส์ : ชายไทยแท้ไม่เที่ยวโสเภณี

เอดส์ : ชายไทยแท้ไม่เที่ยวโสเภณี

เอดส์หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องเป็นโรคที่เราได้ยินข่าวมากที่สุดในระยะ 3-4 ปีนี้ (ในเมืองไทย) แต่ผมไม่แน่ใจว่าเรามีความตระหนักถึงภัยร้ายจากโรคนี้มากน้อยเพียงใด และถ้าตระหนักเราจะกันไว้ดีกว่าแก้ได้อย่างไร เอดส์ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะเรื่องส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของสังคมโดยส่วนรวม

เชื้อไวรัสเอดส์เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันอย่างถาวร หลังจากติดเชื้อเอดส์ เชื้อโรคชนิดอื่นๆ ก็จะฉกฉวยโอกาสเข้ามาและทำอันตรายร่างกายได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับบ้านที่ไม่มีประตู ขโมยเข้ามาได้ตลอดเวลา ในที่สุดก็จะตายจากการติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ

ในปัจจุบันนี้เรายังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ หรือมียาใดๆที่จะรักษาให้หายขาด ขณะนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสเอดส์แล้ว 7,978 ราย (สิ้นเดือนมิถุนายน 2532) แต่คาดว่าจำนวนที่แท้จริงอาจสูงถึง 30,000 ราย หรือมากกว่า ภายใน 10-15 ปี คนเหล่านี้ก็จะปรากฏอาการของโรคเอดส์และตายทุกคน คิดอย่างง่ายๆ อาจเปรียบเทียบได้ว่า คนที่ตายจากโรคเอดส์ในอนาคตข้างหน้าจะเท่ากับรถเมล์ที่บรรทุกผู้โดยสารคันละ 40 คน ตกเหวสัปดาห์ละหนึ่งคันติดต่อกันเรื่อยๆทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกปี และทุกคนตายหมด

อันนี้เป็นการเปรียบเทียบอย่างหยาบๆ แต่จริงๆ แล้วจำนวนจะสูงกว่านี้ เพราะมีปริมาณสะสมจากผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ผมไม่มีเจตนาจะทำให้ตกใจกลัว แต่ต้องการให้ท่านผู้อ่านให้ความสนใจในโรคนี้อย่างจริงจัง เชื้อเอดส์แพร่จากคนไปสู่คน และวิธีการที่คนปกติคนหนึ่งจะติดเชื้อเอดส์ได้นั้นประกอบด้วย

ก. การใช้กระบอกฉีดยาหรือเข็มฉีดยาเสพติดร่วมกับผู้ติดเชื้อ

ข. การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ ทั้งกับเพศเดียวกัน และต่างเพศ

ค. ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อ

ง. การรับถ่ายเลือดหรืออวัยวะจากผู้ติดเชื้อ

ในขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยมีมาตรการที่จะป้องกันการติดเชื้อเอดส์ในข้อสุดท้ายได้แล้ว เพราะเรามีวิธีการตรวจเลือดทุกขวดที่จะใช้ หรือตรวจอวัยวะที่จะใช้ปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วย เลือดที่มีเชื้อเอดส์จะถูกทำลายทิ้ง แต่ยังไม่มีมาตรการที่ได้ผลเด็ดขาดในการป้องกันการติดเชื้อใน 3 วิธีแรก

ปัญหาทารกที่ติดเชื้อจากมารดาจะหมดไป ถ้าเรามีมาตรการที่ได้ผลเด็ดขาดในการแก้ปัญหายาเสพติดและปัญหาการสำส่อนทางเพศ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ปัญหาทั้ง 2 อย่างนั้นยังไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะต้องเป็นการแก้ที่ต้นเหตุ

ครั้งนี้ผมขอพูดถึงการติดเชื้อเอดส์จากหญิงโสเภณี ซึ่งวงการสาธารณสุขทุกประเทศมองเห็นตรงกันว่า โสเภณีเป็นกลุ่มสำคัญที่แพร่เชื้อเอดส์ที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังเป็นวิธีการที่แพร่เชื้อเอดส์ไปยังผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย อันได้แก่ลูกเมียของผู้ชายที่มาเที่ยวด้วย

ในประเทศไทยมีจำนวนหญิงโสเภณีมากน้อยเพียงใดไม่ปรากฏตัวเลขแน่ชัด แต่สถิติที่พอจะเชื่อถือได้คาดประมาณว่าจะมีหญิงโสเภณีอยู่อย่างต่ำๆ 100,000 คน ถ้าคิดอย่างคร่าวๆ และง่ายๆ ว่าหญิงโสเภณีหนึ่งคน จะขายบริการทางเพศให้แก่ชายเฉลี่ย 2 คนต่อคืน ในหนึ่งคืนจะมีผู้ชายเที่ยวโสเภณีประมาณ 2 แสนคน ผมไม่มีตัวเลขตายตัวที่จะแสดงให้เห็นว่าต้องเที่ยวโสเภณีกี่ครั้งจึงจะติดเชื้อเอดส์ได้ ทั้งนี้เพราะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง แต่ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ในกลุ่มหญิงโสเภณีมีอัตราการติดเชื้อมากน้อยเพียงไร ถ้าหญิงโสเภณีทุกคนในเมืองไทยไม่มีการติดเชื้อเอดส์เลย การเที่ยวโสเภณีก็ปลอดภัย ถ้าอัตราการติดเชื้อเอดส์ในหญิงโสเภณีเป็นร้อยละ 1 หมายถึงว่า ต้องเที่ยวผู้หญิงโสเภณี 100 คน จึงจะมีโอกาสไปเจอหญิงโสเภณีที่มีเชื้อ 1 คน หรือหนึ่งในร้อย

ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ได้ทราบมาว่าอัตราการติดเชื้อเอดส์ในหญิงโสเภณีนั้นสูงจนน่าตกใจมาก ราวๆ ร้อยละ 2-5 บางแห่งสูงถึงร้อยละ 30 หรือ 40 หมายถึงว่า ท่านที่ยังชอบเที่ยวทั้งหลายมีโอกาสพบหญิงโสเภณีที่ติดเชื้อเอดส์ 1 คน ในทุกๆ 2 หรือ 3 คนที่ท่านไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย และมีรายงานแล้วว่าสามารถติดเชื้อเอดส์ได้แน่นอน แม้ร่วมเพศเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งกับหญิงที่ติดเชื้อเอดส์ เราคงเห็นแผ่นป้ายโฆษณาหรือภาพยนตร์สุขศึกษาที่ชักชวนให้ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันเอดส์ แต่ด้วยตัวเลขการติดเชื้อเอดส์ในหญิงโสเภณีขณะนี้

การหยุดเที่ยวโสเภณีตลอดไปเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่ตัวท่านและภรรยาที่ท่านรัก ตลอดจนลูกน้อยที่จะเกิดมาในวันข้างหน้าจะไม่ติดเชื้อเอดส์ ในการประชุมเรื่องเอดส์ครั้งหนึ่ง ได้มีการเสนอแนะว่า ควรแนะนำให้หยุดเที่ยวโสเภณี แต่วิทยากรผู้เสนอกลับติดตลกด้วยการพูดว่าคงเป็นไปไม่ได้ พร้อมกับท้าทายว่าผู้ชายคนไหนไม่เคยเที่ยวโสเภณีให้ยกมือขึ้น แล้วทุกคนก็หัวเราะกันใหญ่ จนดูเหมือนว่าการเที่ยวโสเภณีเป็นคุณสมบัติประจำของผู้ชายไทยทุกคน

ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะมาเริ่มรณรงค์ให้หยุดการเที่ยวโสเภณี เรากำลังต้องการผู้นำรุ่นพี่ที่จะออกมานำคนหนุ่มรุ่นหลังให้เลิกเที่ยวโสเภณี เพราะไม่ใช่ค่านิยมของชายไทย เรากำลังต้องการคนรุ่นผู้ใหญ่ที่จะออกมานำผู้ใหญ่ด้วยกัน (คุณพ่อบ้านทั้งหลาย) ให้เลิกเที่ยวโสเภณีเพื่อเห็นแก่ภรรยาและลูกรัก เรากำลังต้องการผู้นำในวงการราชการและการเมืองที่จะออกมาชักชวนให้ข้าราชการชายทุกคนเลิกเที่ยวโสเภณี สักวันหนึ่งในอนาคตจะมีค่านิยมใหม่ “ชายไทยแท้ไม่เที่ยวโสเภณี” และปัญหาเอดส์จะลดน้อยลงไปแน่

ข้อมูลสื่อ

124-014
นิตยสารหมอชาวบ้าน 124
สิงหาคม 2532
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์