• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

คาลา อซาร์ : โรคที่เพิ่งค้นพบในเมืองไทย

คาลา อซาร์ : โรคที่เพิ่งค้นพบในเมืองไทย

จากข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันที่ 30 พฤศจิกายน 2528 ซึ่งได้ลงข่าว “พบคนไทยกลับจากซาอุฯ เป็นโรคติดเชื้อชนิดที่ไม่เคยปรากฏในประเทศไทย”

ลักษณะอาการที่เป็น ป่วยเป็นไข้สูงมาเป็นเวลานาน มีอาการซีด ตับ ม้าม และต่อน้ำเหลืองโต น้ำหนักลดลงมาก รักษามาแล้วหลายโรงพยาบาลก็ไม่หาย สุดท้ายได้มารักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และหมอลงความเห็นว่าเป็นโรค “คาลา อซาร์” และเป็นคนไข้คนแรก ที่เป็นโรคนี้ ในประเทศไทย เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างขึ้น “หมอชาวบ้าน” จึงได้ไปคุยกับ รอ.นพ.อนุชิต จูฑะพุทธิ กองอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ผู้พบผู้ป่วยโรคชื่อแปลกๆ นี้

ที่มาของคำว่า “คาลาอซาร์” (ที่มาของโรค)

“คาลาอซาร์” เป็นภาษาฮินดูแปลว่า black fever คือ ไข้ดำ คนไข้ที่เป็นโรคนี้อยู่นานๆ จะมีผิวหนังสีคล้ำขึ้น เลยเรียกว่า black fever หรือ “คาลา อซาร์” และมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า โรคลิสช์เมเนีย (Leishmania) เป็นโรคที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ก็เลยไม่มีชื่อเป็นภาษาไทย

โรคลิสช์เมเนีย (leishmania) เป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากโปรโตซัว ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก พวกเดียวกับที่เป็นมาลาเรีย หรือพวกบิด พวกโปรโตซัวที่อยู่ในตระกูลลิสช์เมเนีย (leishmania) มีทั้งสิ้นในโลกนี้ 4 ชนิด เชื้อลิสช์เมเนีย 3 ชนิด ทำให้เกิดพยาธิสภาพในคนโดยเป็นแผลเรื้อรังตามผิวหนัง แต่ทำให้เกิดพยาธิสภาพในส่วนอื่นของร่างกาย นอกจากมีแผลตามตัวในบริเวณที่ถูกกัด รักษาให้หายยากถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งทั้ง 3 ชนิดนี้ ได้เริ่มมีรายงานในคนไทยที่ไปทำงานในประเทศตะวันออกกลางและป่วยตั้งแต่ พ.ศ.2524

สำหรับเชื้อลิสช์เมเนียอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลิสช์เมเนียโดโนเวไน (Leishmania donovani) เชื้อชนิดนี้เมื่อรับเข้าไปสู่ร่างกายแล้วจะเข้าไปอยู่ในระบบน้ำเหลือง ระบบคุ้มกันของร่างกาย จะเข้าไปอยู่ตามระบบต่างๆ เช่น ตับ ม้าม และต่อมน้ำเหลือง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเสียหรืออ่อนแอลง เชื้อชนิดนี้จะเข้าไปอยู่ในเซลล์ของเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งเม็ดเลือดขาวชนิดนี้มันอยู่ที่ตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลือง เพราะฉะนั้นอวัยวะดังกล่าว จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีไข้

การติดเชื้อ

โรคนี้ก็เหมือนกับโรคติดต่อคล้ายๆ มาลาเรียติดต่อโดยมีสัตว์เป็นพาหะ คือ ตัวแมลงหวี่ขน ชื่อ Phlebotomus หรือ Sandflies เมื่อแมลงหวี่มากัดคน เชื้อที่อยู่ในตัวแมลงก็จะเข้าสู่ร่างกายของคนและเข้าไปสู่เม็ดเลือดขาว ไปตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งมีระยะเวลาในการฟักตัวประมาณ 3-8 เดือน แมลงหวี่ขนมีมากในตะวันออกกลาง อาฟริกา อินเดีย อเมริกาใต้ ตอนใต้ของยุโรป และจีน ในเมืองไทยเท่าที่มีรายงาน พบที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดชายทะเลบางแห่ง แต่แมลงหวี่นี้ไม่มีชื่อเฉพาะในเมืองไทย และการติดเชื้อโดยได้รับการถ่ายเลือดโดยตรง

ลักษณะอาการของโรค

อาการที่เด่นชัด คือ มีไข้สูง บางครั้งมีอาการหนาวสั่นเป็นพักๆ วันหนึ่งอาจสั่นได้หลายครั้ง ในตอนต้นอาจจะเป็นไข้เป็นพักๆ แต่ถ้าทิ้งไว้นานๆ อาจจะมีไข้อยู่ตลอดวัน และเนื่องจากมีเชื้อลิสช์เมเนีย เข้าไปอยู่ในอวัยวะต่างๆ ทำให้การทำงานของอวัยวะนั้นๆ เสื่อมลง เช่น เข้าไปอยู่ตามไขกระดูก ซึ่งมีหน้าที่ในการสร้างเม็ดเลือดแดง ก็ทำให้ผู้ป่วยมีเม็ดเลือดแดงน้อยลง มีอาการซีดเมื่อเม็ดเลือดขาวน้อยลงก็จะทำให้ติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น (เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย)

ถ้าเชื้อนี้ไปอยู่ที่ตับ จะทำให้การทำงานของตับแย่ลง ตับมีขนาดโตขึ้น เข้าไปอยู่ที่ต่อมน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลืองก็โตขึ้น ไปอยู่ที่ม้ามก็ทำให้ม้ามโตขึ้น เมื่อระบบภูมิคุ้มกันหรือการสร้างเม็ดเลือดต่างๆ เสียไป ก็ทำให้มีอาการ คือ มีไข้ ตับ ม้ามโต มีอาการซีด ยิ่งทิ้งไว้นานๆ อาการต่างๆ ก็จะเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

เป็นโรคร้ายแรงหรือไม่

ตัวโรคลิสช์เมเนีย เองไม่ได้ทำให้คนไข้ตาย แต่คนไข้จะตายเพราะมีภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลงเรื่อยๆ (คล้ายๆ โรคเอดส์) ทำให้เกิดโรคติดเชื้อเข้ามาแทรกและเสียชีวิต ถ้าเผื่อทิ้งไว้ไม่รักษา คนไข้จะอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ รอวันที่จะติดเชื้อและเสียชีวิตในที่สุด

การรักษา

แต่ถ้าได้รับการรักษาโดยให้ยาไปฆ่าเชื้อลิสช์เมเนีย โดโนเวไน (Leishma donovani) ภูมิคุ้มกันสามารถจะกลับคืนมาเป็นปกติดังเดิม เพราะมียาเฉพาะซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ รักษาโดยการฉีดยา

ยาที่ใช้ในการรักษาขณะนี้ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย (มีเฉพาะแหล่งระบาดของโรค) สำหรับยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยรายแรกนี้ ได้รับความร่วมมือจากบริษัทที่เป็นเอเย่นต์ยาชนิดนี้ ซึ่งได้สั่งยาทางเครื่องบิน (ในชุดแรกนี้เขาไม่ได้คิดเงินทั้งค่าและค่าขนส่ง)

ค่าใช้จ่ายในการรักษา (ซึ่งจะใช้เวลา 1 เดือน โดยการฉีดยาทุกวัน) ประมาณ 3,000 บาท

การวินิจฉัยโรค

เนื่องจากอาการที่ผู้ป่วยรายแรกนี้เป็น เข้าได้กับโรคมะเร็งของต่อมน้ำเหลืองทุกอย่าง ดังนั้นในขั้นแรกที่รับตัวผู้ป่วยจึงคิดว่าเป็นมะเร็งของต่อมน้ำเหลือง แต่ที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคคาลา อซาร์ หรือลิสช์เมเนีย ก็เพราะคนไข้ได้เดินทางไปในถิ่นที่มีการระบาดของโรค และการตรวจโดยเจาะไขกระดูก และอาการตรงกับที่มีในตำรา ในแหล่งที่มีการระบาดของโรคสามารถวินิจฉัยได้โดยการใช้วิธีตรวจทางน้ำเหลืองวิทยา

ก่อนที่จะมารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ในช่วงเวลา 6 เดือน น้ำหนักของผู้ป่วยลดลง 11 กก. หลังจากรักษาไปได้ประมาณ 1 เดือน อาการของคนไข้ดีขึ้นมากและน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การป้องกัน

ก็คงจะเป็นการป้องกันไม่ให้แมลงหวี่ขนชนิดนี้กัด โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเดินทางไปทำงานในตะวันออกกลางก็ควรจะระมัดระวังตัว

รายละเอียดเท่าที่ได้พูดคุยกับ รอ.นพ.อนุชิต จูฑะพุทธิ คงจะให้ความกระจ่างแจ้งแก่ผู้อ่านเป็นอย่างดี คงจะไม่มีคนเข้าใจผิดคิดว่า “คาลา อซาร์” เป็นโรคที่เกิดจากระบำอคาซาร์ของสาวประเภทสองที่พัทยาต่อไป

ข้อมูลสื่อ

81-005
นิตยสารหมอชาวบ้าน 81
มกราคม 2529