“โรคเซ็ง” (เบื่องาน)
แปลและเรียบเรียงจากหนังสือ The Acupressure Health Book โดย Frank Bahr.M.D.
ความรู้เรื่องการกดจุดเป็นของเก่าแก่และมีมานานหลายพันปีซึ่งเป็นที่ยอมรับของชาวจีน ศาสตร์แห่งการกดจุดได้แพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งในอเมริกาและยุโรป โดยเฉพาะในยุโรป Dr.Frank Bahr ท่านเป็นแพทย์ชาวเยอรมัน เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการกดจุดโดยเฉพาะ ท่านได้ศึกษาและเขียนตำราการกดจุดไว้ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่ามีประโยชน์ เหมาะสำหรับนำมาเผยแพร่แก่ประชาชนในการดูแลสุขภาพ เพราะกดจุดก็คือ ศาสตร์แขนงเดียวกับการฝังเข็มที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันดี แต่การกดจุดเป็นการฝังเข็มโดยไร้เข็ม ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดเข็มเหมือนฝังเข็ม และไม่มีอันตรายใดๆ ต่อผู้ทำ ถ้าท่านกดถูกวิธีและมีประสิทธิภาพก็จะได้ผลในการรักษาทั้งยังช่วยเสริมการรักษาของแพทย์ให้หายเร็วขึ้น แต่ถ้าท่านทำแล้วไม่ได้ผล ก็ไม่มีข้อเสียหายอะไร
เมื่อเกิดความเครียดอยู่เรื่อยๆ จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่อหน่ายสิ่งต่างๆ ไม่อยากทำงาน ซึ่งเรามักจะได้ยินเพื่อนร่วมงานของเราบ่นเสมอว่า “รู้สึกเซ็งๆ อยากจะลาพักงานสักเดือน” หรือแม้แต่ตัวเราเองเชื่อแน่ว่าทุกคนคงเคยมีความรู้สึกเบื่องาน อยากจะไปเที่ยวไกลๆ พักผ่อนให้สบายใจ แล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่
เราลองมากดจุดเพื่อแก้เซ็งกันดู ถ้าได้ผลจะช่วยให้เราทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
แต่มีข้อน่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าอาการอ่อนเพลียเป็นมาก คุณควรให้แพทย์ตรวจร่างกายดูด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคร้ายแรงซ่อนอยู่ภายใน
อาการ
คุณเองจะรู้สึกว่าตัวคุณผิดปกติไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเคย รู้สึกเบื่องาน และบางครั้งคุณมักจะถูกเพื่อนแนะนำให้หยุดพักงานไปเปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้าง นั่นแสดงว่า ตัวคุณมิได้รู้สึกเพียงผู้เดียว เพื่อนร่วมงานยังเห็นตรงกับคุณ คุณควรไปเที่ยวพักผ่อนหรือกดจุดแก้โรคเซ็งได้แล้ว
สาเหตุ
ความอ่อนเพลียที่เกิดขึ้นก็เนื่องมาจากงานที่หนักมากไป และเกิดความเครียด ความขัดข้องใจ อยากจะพูด อยากจะทำในสิ่งที่ตนคิดก็ไม่อาจทำได้ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นปัญหาด้านจิตใจซึ่งแก้ไม่ตก จึงแสดงออกมาทางร่างกาย เช่น อาการอ่อนเพลีย เฉื่อย ชา รู้สึกเซ็ง หรือปัญหาด้านสุขภาพผู้ที่เจ็บป่วยบ่อยๆ ก็อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่าย เซ็งในชีวิตได้เช่นกัน
ตำแหน่งที่กดจุด
กดจุดบนร่างกาย
1. จุด “เส้าชง” (Shao-chong) จุดกระตุ้นหัวใจและจิตใจ
วิธีหาจุด:
จุดอยู่ที่มือข้างซ้าย อยู่ใกล้กับฐานของเล็บด้านข้างของนิ้วก้อยด้านที่ติดกับนิ้วนาง
วิธีนวด:
นวดอ้อมใต้เล็บมายังด้านตรงข้าม
2. จุด “เหอกู่” (Ho-Ku)
วิธีหาจุด:
จุดอยู่ต่ำกว่าข้อที่โคนนิ้วชี้ประมาณ 2 นิ้วมือ และห่างจากนิ้วหัวแม่มือ ½ นิ้วมือ
วิธีนวด:
นวดเข้าหาข้อมือ
3. จุด “เลี่ยเชีย” (lieh-ch’uch) จุดสำหรับเมื่อร่างกายอ่อนเพลีย
วิธีหาจุด:
จุดอยู่ที่ท้องแขนในแนวเดียวกับหัวแม่มือ และอยู่เหนือฐานของฝ่ามือ 2 นิ้วมือ
วิธีนวด:
นวดเข้าหาหัวแม่มือ
4. จุด “จู๋ซานหลี่” (tsu-san-li) จุดนี้สำหรับผู้ที่เหนื่อยง่ายจากประสาทเครียด
วิธีหาจุด:
วางฝ่ามือของผู้ถูกนวดลงบนหัวเข่า กางนิ้วออกเล็กน้อย จุดจะอยู่ที่ปลายสุดของนิ้วนางพอดี
วิธีนวด:
นวดลงล่าง
กดจุดที่ใบหู
หูขวา:
จุดกระตุ้นฮอร์โมนและระงับอาการทางประสาท
จุดที่ 1 จุดอยู่บริเวณรอบแอ่งหู
วิธีนวด:
นวดจากส่วนที่สูงที่สุดถึงส่วนที่อยู่ล่างสุด
จุดช่วยกระตุ้นประสาท
จุดที่ 2 จุดอยู่ที่เส้นหูส่วนที่โผล่มาจากแอ่งหู (ดูรูปประกอบ)
วิธีนวด:
นวดขึ้นบนและเอียงไปทางด้านหน้า
จุดที่ 3 จุดอยู่บริเวณหน้าหู
วิธีนวด:
นวดขึ้นบน
หูซ้าย:
นวดเช่นเดียวกับหูขวา แต่ทิศทางตรงข้าม
ข้อแนะนำ:
เมื่อคุณรู้สึกเซ็งหรือเหนื่อยอ่อน คุณควรหาทางนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดการดื่มสุรา และพยายามพักผ่อนให้เต็มที่ในวันหยุดสัปดาห์ร่วมไปด้วย
ข้อแนะนำทั่วไปก่อนกดจุด
1. นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย มือที่จะกดจุดไม่ควรจะเย็น ถ้าเย็นควรทำมือให้อุ่นก่อนโดยแช่ในน้ำอุ่น หรือใช้ผ้าห่มมือไว้
2. ถ้าท่านมีผิวหนังที่แพ้ง่าย อาจจะโลชั่นหรือแป้งฝุ่นทาบริเวณที่จะกดจุดก่อนลงมือกดจุด
3. ระหว่างทำการกดจุด บางรายอาจมีเหงื่ออกมาก ควรให้พักระหว่างการกดจุดได้
4. ในวันที่อากาศหนาวเย็น เมื่อกดจุดเสร็จเรียบร้อย ก่อนออกไปนอกบ้านควรสวมเสื้อให้อบอุ่น
ข้อแนะนำก่อนกดจุด
1. การกดจุด หมายถึง การนวดจุดนั้นๆ โดยใช้ปลายนิ้วมือที่เล็บสั้น
2. อ่านและดูรูปทีแสดงตำแหน่งการกดจุดให้เข้าใจ แล้วลองกดจุดที่อยู่บนร่างกาย สำหรับจุดที่อยู่บนใบหูแจจะใช้กระจกส่องช่วยหาจุด หรือวานให้ใครคนใดคนหนึ่งดูจุดนั้นในรูปแล้วชี้ตำแหน่งให้
3. เมื่อท่านกดถูกจุดๆ นั้นจะให้ความรู้สึกได้ดีกว่าบริเวณรอบๆ และควรกดจุดให้แรงพอ
4. นิ้วมือที่นิยมใช้กดจุด มักใช้นิ้วชี้ โดยให้ปลายนิ้วตั้งฉากกับผิวหนัง และนวดไปตามทิศทางที่ลูกศรชี้ในภาพ นวด (ถู) ออกไปเป็นระยะทาง 1 นิ้ว การนวดควรนวดประมาณ 30 ครั้งต่อ10 วินาที หรือ 70-100 ครั้งต่อนาที
5. จุดบนใบหูอาจจะใช้ปลายนิ้วก้อยหรือปลายดินสอ, ปากกามนๆ นวดได้ เพราะบริเวณใบหูเล็กและแคบกว่าร่างกาย
6. การกดจุดตามหลักของจีนได้กำหนดเวลาในการกดจุดแต่ละครั้งไว้ ดังนี้
- เด็กอายุ 0-3 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด ½ -3 นาที
- เด็กอายุ 3-6 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด 1-4 นาที
- เด็กอายุ 6-12 เดือน ใช้เวลากดทั้งหมด 1-5 นาที
- เด็กอายุ 1-3 ปี ใช้เวลากดทั้งหมด 3-7 นาที
- เด็กโตตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ใช้เวลากดทั้งหมด 5-10 นาที
- ผู้ใหญ่ ใช้เวลากดทั้งหมด 5-10-15 นาที
7. จุดที่กดอยู่บนร่างกาย ควรกดหรือนวดทั้ง 2 ข้างของลำตัว (ร่างกายจะแบ่งเป็น 2 ข้าง คือ ข้างขวาและซ้าย)
8. ระยะต่างๆ ที่ใช้ในการวัด จะวัดจากความกว้างของนิ้วของผู้กดจุดเอง
- อ่าน 10,979 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้