ถาม : ธิดารัตน์/ชลบุรี
ลูกชายอายุ ๔ ขวบ ไม่สบายบ่อยมาก มักไอ จาม น้ำมูกไหล เราจะสังเกตได้อย่างไรว่าลูกป่วยเป็นอะไร แค่ไข้หวัดธรรมดา หรือมีโรคประจำตัว
ตอบ : พญ.นวลอนงค์ วิศิษฏสุนทร
อาการของไข้หวัด ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ติดต่อกันทางน้ำมูก น้ำลาย จากการไอ จาม หากอยู่ในที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก เด็กๆ จะมีโอกาสติดหวัดได้ง่ายขึ้น แต่ไข้เลือดออกจะเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะของโรค ซึ่งลักษณะอาการจะแยกได้ดังนี้
เริ่มที่อาการของไข้หวัด อาจมีไข้ต่ำๆ มีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล ส่วนมากในช่วงแรกจะเป็นน้ำมูกใสๆ ถ้าเป็นหลายวันสีจะข้นขึ้น มีอาการคัดจมูก หายใจไม่ออก เบื่ออาหาร ในเด็กเล็กมีอาการกวนมากกว่าปกติได้ ไข้หวัดโดยทั่วๆ ไปอาการจะไม่รุนแรงและหายได้เอง ถ้าเป็นในเด็กที่แข็งแรงดี ไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร ก็สามารถดูแลในเบื้องต้นได้ แต่ถ้าในกรณีเด็กเล็กมากหรือมีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด โรคหัวใจ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรมาพบแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาตามความเหมาะสม
ส่วนไข้หวัดใหญ่ มักจะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตัว ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เด็กจะค่อนข้างซม ดูไม่สบาย ขณะที่เด็กเป็นไข้หวัดธรรมดา อาจกวนบ้างแต่ยังเล่นได้ แต่ถ้ามีไข้สูง เมื่อกินยาลดไข้แล้ว ไข้ก็ไม่ลด มีอาการหน้าแดง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ อาจมีปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน และมีจุดเลือดออกหลังจากมีไข้ ๓-๔ วัน จะเป็นอาการของไข้เลือดออก ซึ่งต้องพามาพบแพทย์เพื่อเจาะเลือด ตรวจวินิจฉัย และให้น้ำเกลือเพื่อรักษาต่อไป
การดูแลเบื้องต้น ถ้ามีไข้ต่ำๆ ให้เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นๆ หรือน้ำธรรมดา และถ้ายังมีไข้สูง ควรให้ยาลดไข้ขนาด ๑๐ มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว ๑ กิโลกรัม ทุก ๔-๖ ชั่วโมง และดื่มน้ำอุ่นมากๆ หากมีเสมหะให้ดื่มน้ำมะนาวผสมเกลือและน้ำผึ้ง เพื่อช่วยขับเสมหะและช่วยลดอาการไอได้
กรณีที่ดูแลเบื้องต้นแล้ว ยังมีน้ำมูกและมีอาการแน่นจมูก ให้กินยาแก้หวัด เมื่ออาการดีขึ้นให้หยุดยาได้ แต่ต้องระวัง และดูว่าจะมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นหรือไม่ โดยทั่วไปอาการไข้จะหายภายใน ๓-๔ วัน
เพื่อป้องกันไม่ให้บุตรหลานป่วยเป็นไข้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด เพราะอาจมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น รวมถึงระวังยุงลายกัด ซึ่งเป็นพาหะของไข้เลือดออก
- อ่าน 5,275 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้