Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » สายตาสั้นเกิดจากอะไร
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

สายตาสั้นเกิดจากอะไร

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 กันยายน 2551 00:00


สายตาสั้นเกิดจากอะไร
Q อยากเรียนถามว่าสายตาสั้นเกิดจากอะไร การใช้สายตามากๆทำให้สายตาสั้นหรือไม่ และการใส่แว่นจะป้องกันไม่ให้สายตาสั้นมากขึ้นได้จริงหรือไม่.

นพวุฒิ ตรีพรชัยศักดิ์

A ปัจจัยที่มีผลกำหนดให้มนุษย์เรามีสายตาปกติ สายตาสั้น ยาว หรือเอียง เกิดจากความสมดุลระหว่างความโค้งของกระจกตาดำ เลนส์ตา และความยาวของลูกตา. ในคนที่สายตาปกติจะมองเห็นภาพได้ชัดเนื่องจากแสงจากภาพหรือวัตถุที่เข้าตาผ่านกระจกตาดำซึ่งจะหักเหแสงเข้าหากันระดับหนึ่ง จากนั้นจะผ่านเลนส์แก้วตาซึ่งก็จะหักเหแสงเข้าหากันมากขึ้นอีก และลำแสงจะไปรวมเป็นจุดเดียวที่กลางจอประสาทตาพอดี จึงทำให้เห็นภาพชัด. แต่ในคนสายตาสั้นลำแสงจะไปรวมเป็นจุดเดียวก่อนถึงจอประสาทตา ทำให้ลำแสงที่ไปถึงจอประสาทตาเป็นลำแสงที่บานออก ไม่เป็นจุดเดียวจึงทำให้เห็นภาพ ไม่ชัด จำเป็นต้องใช้แว่นเลนส์เว้าเพื่อช่วยกระจายแสงออก เพื่อเลื่อนให้แสงไปรวมกันไกลขึ้นให้ไปตกที่กลางจอประสาทตาพอดีทำให้เห็นภาพชัด. สาเหตุของสายตาสั้นอาจจากกระจกตาของคนนั้นมีความโค้งมากกว่าปกติทำให้มีกำลังหักเหแสงมากเกินไป ลำแสงจึงรวมกันก่อนถึงจอประสาทตา แต่ในบางคนอาจจะจากมีลูกตายาวผิดปกติจึงทำให้ลำแสงรวมกันก่อนถึงจอประสาทตา. 

                    

ดังนั้น สายตาสั้น ยาว หรือเอียง จึงเป็นลักษณะตามธรรมชาติของแต่ละคน อาจเกิดเป็นเองหรือจากพันธุกรรมไม่เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สายตา เช่น การเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ การดูโทรทัศน์ใกล้ๆ หรือการนอนอ่านหนังสือ. แต่เด็กที่มีปัญหาชอบดูโทรทัศน์ใกล้ๆ หยีตามอง กระพริบตาบ่อยหรือชอบเอียงหน้ามอง อาจจะเพราะเด็กมองเห็นไม่ชัดจากการมีปัญหาสายตาผิดปกติ แต่อธิบายไม่ถูก จึงควรพา ไปปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อให้การรักษาก่อนที่จะทำให้เกิดสายตาเสียอย่างถาวร.

มีผู้ที่สงสัยว่าการอ่านหนังสือในที่แสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้ตาเสียหรือไม่ ก็ไม่เช่นกัน เพียงแต่จะทำให้มองไม่ชัด ต้องเพ่งตามากขึ้น ทำให้ปวดเมื่อยล้าตาได้ง่าย.

การใส่แว่นเป็นการช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นในขณะนั้น แต่ไม่ได้ทำให้สายตาสั้นมากขึ้นและก็ไม่ได้เป็นการป้องกันไม่ให้สายตาสั้นมากขึ้น สายตาจะสั้นมากขึ้นเองตามธรรมชาติ.

การใส่แว่นไม่ได้ทำให้สายตาสั้นขึ้น สายตาจะสั้นมากขึ้นเองตามธรรมชาติของคนสายตาสั้น แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าใส่แว่นสายตาสั้นที่เกินกว่าค่าสายตาที่แท้จริงเป็นเวลานาน ก็จะทำให้มีสายตาสั้นมากขึ้นชั่วคราวจากแว่นตาที่ไม่ตรงนี้ได้ มักพบในเด็กที่ไม่ได้หยอดยาลดการเพ่งของตาก่อนการวัดแว่นตา. ดังนั้น ในเด็กควรวัดสายตาโดยจักษุแพทย์ซึ่งจะมีการหยอดยาเพื่อลดการเพ่งของสายตาก่อนวัดแว่นตา ไม่ว่าสายตาสั้น เอียง หรือยาว ก็เช่นเดียวกันเป็นธรรมชาติของบุคคลนั้น ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ไม่เกี่ยวกับแว่นตา โดยปกติมักจะต้องเปลี่ยนเลนส์แว่นตาหรือคอนแท็กเลนส์อย่างน้อย 1-2 ปีต่อครั้ง จนเมื่ออายุประมาณ 18 ปีขึ้นไปสายตาจะค่อนข้างคงที่ ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์บ่อยๆอีก จนกว่าอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปก็จะเริ่มมีปัญหาเวลามองใกล้ ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนเลนส์แว่นตาอีก.

ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ.
จักษุแพทย์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


ติ่งเนื้อที่ก้น
Q เป็นติ่งเนื้อที่ก้นมาประมาณ 3-4 เดือน ไม่เจ็บ แต่โตขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งมีเลือดออกแดงเวลาถ่ายอุจจาระด้วย ไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วแพทย์บอกว่าเป็นหูด ต้องผ่าตัด ไม่ทราบว่าจะรักษาด้วยวิธีอื่นได้หรือไม่.

กิตติศักดิ์ วงศ์อมร

A
จากประวัติที่เล่ามา เรื่องติ่งเนื้อที่บริเวณรอบทวารหนักและโตขึ้น และตรวจพบว่าเป็นหูดที่ทวารหนักแล้ว ขั้นตอนของการวินิจฉัยของแพทย์จะแบ่งว่าหูดนั้นมีขนาดใหญ่มากหรือไม่ มีการกระจายเข้าไปในช่องทวารหนัก หรืออยู่เฉพาะด้านนอก และอาจต้องตรวจเช็กสุขภาพหรือภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยด้วย.
ถ้าเป็นเฉพาะด้านนอก (perianal area) และไม่ใหญ่กว่าครึ่งซม. ถึงแม้จะมีหลายจุด อาจพิจารณารักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ใช้การจี้ด้วยสารเคมี หรือจี้ไฟฟ้า เช่น จี้ด้วย podophylline เป็นต้น.

ถ้าเป็นด้านในช่องทวารหนักร่วมด้วย (intra-anal canal extension) หรือหูดด้านนอกที่มีขนาดใหญ่ มักต้องรักษาด้วยการผ่าตัด อาจร่วมกับการจี้ไฟฟ้า ซึ่งจะต้องทำในห้องผ่าตัด โดยศัลยแพทย์จะใช้เครื่องมือถ่างขยายปากทวารหนักเพื่อตรวจและรักษาพยาธิ-สภาพที่เห็นด้านในทุกจุด รวมทั้งด้านนอกด้วย.

สิ่งสำคัญในการรักษาหูดที่ปากทวารหนักคือ ต้องมีการตรวจติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะมีโอกาสจะกลับมาเป็นซ้ำได้ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะใน 3 เดือนแรก. อย่างไรก็ดี การรักษาเมื่อกลับเป็นซ้ำมักจะไม่ยุ่งยาก และมักสามารถทำได้ที่คลินิกผู้ป่วยนอก.

ปัจจุบันมีการใช้ครีมเพื่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกลับมาใหม่ ที่มีใช้คือ imiquimod cream ใช้ทาบริเวณที่เป็นสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ได้ผลค่อนข้างดี แต่ยังมีราคาแพง.

วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ.
ศัลยแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ป้ายคำ:
  • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • โรคตามระบบ
  • โรคหู ตา คอ จมูก
  • คุยสุขภาพ
  • ถาม-ตอบผ่าน website
  • ติ่งเนื้อ
  • สายตาสั้น
  • นพ.วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา
  • นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์
  • อ่าน 43,971 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้
Skip to Top

คำถามสุขภาพ

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • อื่น ๆ

  • สนับสนุนสื่อสุขภาพออนไลน์หมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • คำแนะนำสำหรับประชาชน เรื่อง โรคจากเชื้อแบคทีเรีย อีโคไลชนิดรุนแรง
  • ผ่าตัดฟรีสำหรับเด็ก ที่เป็นโรคหัวใจ
  • สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย (สพท.)

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <