มะเร็งปอด
ร้อยละ 80-90 มีความสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ ซึ่งมีสารก่อมะเร็งอยู่หลายชนิด ยิ่งสูบปริมาณมากและนาน ก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น แม้แต่ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ แต่รับควันบุหรี่จากคนข้างเคียง (เช่น คนในบ้านเดียวกัน หรือในที่ทำงานที่สูบบุหรี่) ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดเช่นเดียวกัน สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่ ถ้าเลิกสูบ ก็จะลดความเสี่ยงลงได้
นอกจากนี้ ยังอาจมีปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากการสัมผัส สารใยหิน (แอสเบสทอส) ในที่ทำงาน เช่น การก่อสร้างอาคาร การทำงานเกี่ยวกับผ้าเบรก คลัตช์ ฉนวนกันความร้อน อุตสาหกรรมสิ่งทอ เหมืองแร่ เป็นต้น ซึ่งใช้เวลาสัมผัสนาน 15-35 ปี กว่าจะเป็นมะเร็งปอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสูบบุหรี่ด้วยก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสัมผัสก๊าซเรดอน (radon ซึ่งเป็นก๊าซกัมมันตรังสีที่เกิดจากการสลายตัวของแร่ ยูเรเนียมในหินและดิน) ในเหมืองแร่ใต้ดินหรือในอาคารที่ใช้วัสดุที่มีการปนเปื้อนก๊าซชนิดนี้ การสัมผัสมลพิษทางอากาศ (เช่น ควันพิษจากรถยนต์) การทำงานในโรงงานถลุงเหล็ก นิกเกิล โครเมียม แคดเมียม โรงงานน้ำมัน ดินน้ำมัน การสัมผัสเขม่าจากโรงงาน การดื่มน้ำที่มีสารหนูเจือปน นอกจากนี้ยังพบว่าการกินผักและผลไม้น้อยเป็นปัจจัยเสริมให้ผู้ที่สูบบุหรี่ เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากขึ้น เป็นต้น
บางครั้งอาจพบมะเร็งปอดในผู้ป่วยที่มีแผลเป็นในปอดจากโรคปอด เช่น วัณโรคปอด ถุงลมปอดโป่งพอง ภาวะเยื่อพังผืด (fibrosis) ในปอด เป็นต้น ซึ่งอาจพบผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ได้
บางรายอาจเป็นมะเร็งปอดโดยไม่ทราบสาเหตุ กล่าวคือ ไม่มีประวัติการสูบบุหรี่ และปัจจัยเสี่ยงที่ชัดเจนก็ได้
- อ่าน 22,759 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้