ดูแลผิวหนังหน้าหนาว
ขณะนี้เริ่มมีอากาศหนาวเย็นแล้วจึงพบปัญหาโรคผิวหนังมากขึ้น ที่พบบ่อยคือหลายคนจะมีผื่นแดงเป็นขุยที่ร่องจมูก แก้ม เหนือคิ้ว และแนวไรผม เรียกว่าโรคเซ็บเดิร์ม ถ้าล้างหน้าฟอกสบู่บ่อยโรคนี้จะกำเริบ บางคนมีรังแคของหนังศีรษะมาก นอกจากนั้นยังพบการกำเริบของโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ ซึ่งมักเป็นในเด็ก
กลีบกุหลาบ เป็นโรคที่พบการระบาดและกำเริบหน้าหนาวเช่นกัน เริ่มแรกจะมีผื่นปฐมภูมิเรียกว่าผื่นแจ้งข่าว ต่อมาอีก ๑-๒ สัปดาห์จะมีผื่นลักษณะเฉพาะกระจายทั่วไปมักเป็นตามแนวลายเส้นของผิวหนัง จึงทำให้รอยโรคที่หลังอาจเรียงตัวดูคล้ายต้นคริสต์มาส อาจมีอาการนำมาก่อนผื่นขึ้น เช่น อาการเหนื่อยเมื่อยล้า คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ไข้ และปวดศีรษะ ร้อยละ ๗๕ ของผู้ป่วยโรคกลีบกุหลาบมีอาการคัน และร้อยละ ๒๕ อาจคันรุนแรง
โรคกลีบกุหลาบพบได้ตลอดปีแต่มักพบบ่อยในช่วงที่อากาศเปลี่ยน โดยเฉพาะฤดูหนาวมักมีอาการคันอย่างรุนแรงเพราะมีผิวแห้งร่วมด้วย
ปัญหาผิวแห้ง
ปัญหาผิวหนังหน้าหนาวที่พบบ่อยที่สุด คือ ปัญหาผิวแห้งทำให้เกิดอาการคัน
หลายคนเข้าใจผิดว่าคันจากความสกปรก จึงยิ่งใช้สบู่ฟอกถูผิวที่แห้งคัน ทำให้อาการเป็นมากขึ้น บางคนใช้สบู่ยาฟอกผิวหนัง เพราะเข้าใจผิดว่าผิวแห้งคันเกิดจากการติดเชื้อโรค
การใช้สบู่ยายิ่งทำให้ผิวแห้งจัดจนแตกลายและเป็นแผลได้
การอาบน้ำร้อนจัดหรือนอนแช่อ่างอาบน้ำอุ่นก็ทำให้ผิวยิ่งแห้ง
หน้าหนาวอาจใช้สบู่อ่อนฟอกบริเวณอับชื้น (เช่น รักแร้ ซอกขา) ก็เพียงพอ ถ้ามีผิวแห้งมากควรใช้ครีมบำรุงผิวที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ผู้ที่มีผิวแห้งต้องงดยาทาแก้คันที่มีลักษณะเป็นแป้งน้ำเพราะทำให้ผิวหนังแห้งมากขึ้น ยาฆ่าเชื้อราไม่แก้ปัญหาผิวแห้งแต่ยิ่งทำให้ผิวแห้งกำเริบมากขึ้น
การใช้ครีมบางตัว เช่น กรดผลไม้ กรดวิตามินเอ ครีมรักษาสิว (เช่น เบนซอยล์ เพอร์ออกไซด์) โลชันทาสิว (เช่น กำมะถัน) ต้องระวัง เพราะทำให้ผิวแห้งระคายเคืองได้ง่าย ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรทายาให้น้อยลงหรืองดเป็นช่วงๆ
ในฤดูหนาวถ้าหน้าแห้งมากหรือผิวกายแห้ง ควรลดการฟอกสบู่ และใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทาใบหน้า ทาตามตัว ควรงดการใช้สบู่ที่มีเม็ดขัดถูใบหน้าด้วย
การสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิดในหน้าหนาว (เช่น กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว ถุงมือ ถุงเท้า หมวก) เหล่านี้ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง ปัญหารังแค ลดความเสี่ยงต่อโรคหวัด และยังช่วยป้องกันผิวหนังจากแสงแดดจ้าในฤดูหนาวอีกด้วย