ภูมิแพ้เกี่ยวกับตา
ผู้ถาม กานดา/กรุงเทพฯ
ดิฉันมีอาการภูมิแพเกี่ยวกับตา คือโดนลมหรือฝุ่นเยื่อบุตาจะแดง น้ำตาไหล มีขี้ตา ไม่ทราบว่าโรคภูมิแพ้เกี่ยวกับตามีโอกาสหายหรือไม่ และจะดูแลป้องกันตัวเองอย่างไรดี
ดิฉันอายุ ๓๑ ปี มีบุตรแล้ว ๑ คน ดิฉันมีอาการภูมิแพ้เกี่ยวกับตา คือ โดนลมหรือฝุ่นเยื่อบุตาจะแดง น้ำตาไหล มีขี้ตา ไปหาจักษุแพทย์ที่คลินิก หมอบอกว่าเป็นภูมิแพ้และจ่ายยาเพิ่มภูมิต้านทานมากินเช้า-เย็น ครั้งละ ๑ เม็ด และยาหยอดตาวันละ ๑-๒ ครั้ง ดิฉันต้องพึ่งยาตลอด ไปหาหมอแต่ละครั้งค่ายาก็แพง ดิฉันขอเรียนถาม ดังนี้ค่ะ
๑. โรคภูมิแพ้เกี่ยวกับตามีโอกาสหายหรือไม่ จะดูและป้องกันตัวเองอย่างไรดี
๒. จะซื้อยามากินเองหรือซื้อยาหยอดตามาหยอดเองได้ไหมค่ะ
ผู้ตอบ น.พ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์
๑. โรคภูมิแพ้ที่ตาก็เช่นเดียวกับโรคภูมิแพ้ที่เกิดกับส่วนอื่นๆ เช่น ภูมิแพ้บริเวณผิวหนัง ภูมิแพ้บริเวณเยื่อบุโพรงจมูก ทำให้คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล หรือระบบทางเดินหายใจทำให้ร่างกายหายใจอึดอัด แน่น เป็นหอบหืด เป็นต้น โอกาสหายมีได้แต่โอกาสที่เป็นซ้ำได้อีกมีเปอร์เซ็นต์สูงถ้ายังสัมผัสกับสิ่งหรือต้นตอที่ทำให้เกิดภาวะแพ้สิ่งนั้น ๆซ้ำซาก เช่น ฝุ่นละอองเกสรดอกหญ้าหรือดอกไม้ (ริมทาง ข้างถนน สวนในบริเวณบ้า ฯลฯ) ลม ไอแดด หรือไอความร้อน เรื่อยไปจนกระทั่งขนสัตว์ภายในบ้าน คือ สุนัข แมว นก ไก่ ฯลฯ อาจถึงมนุษย์ คือ บุคคลข้างเคียงใต้ชายคาเดียวกันก็ยังมีให้เห็น
วิธีที่จะไม่ให้เป็นซ้ำต้องพยายามหาสาเหตุ หรือสังเกตด้วยตัวเองว่าอาการที่ปรากฏขึ้นมาขณะนั้นสัมผัสกับอะไร? ฝุ่นหรือเปล่า? ลมใช่ไหม? ควันบุหรี่ ควันไฟ ไอร้อน ควันท่อไอเสียจากรถยนต์ กระมัง? เครื่องสำอางทาบริเวณใบหน้า ขอบตา เป็นไปได้เหมือนกัน ถ้าแพ้อะไรอาการจะเกิดขึ้นทันที คือคันตา น้ำตาไหล อาจแดง เคือง เยื่อตาขาวบวม ยิ่งขยี้ยิ่งมัน ต้องพยายามเลี่ยง หรือให้ห่างไกลจากสิ่งนั้น ไม่พยายามสัมผัสกับสิ่งนั้นๆ
การรักษาต้องให้ยาหยอดแก้แพ้ แก้คัน แก้อาการระคายเคือง ยาหยอดตาประเภทนี้มีหลายขนาดหลายยี่ห้อ และผลิตจากหลายบริษัท เนื่องจากเป็นยาสามัญประจำบ้าน ทุกคน (แม้แต่หมอตา) มีสิทธิ์เป็นโรคนี้ได้ ร่วมด้วยยากินเพื่อลดภาวะภูมิแพ้ควบคู่กันไป จะทำให้อาการต่างๆทุเลาลงรวดเร็ว ไม่ทรมานและรำคาญ ประการสำคัญต้องพยายามเลี่ยงต่อสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าแพ้เป็นแน่แท้
๒. สำหรับคำถามที่ว่าซื้อยามาหยอดและกินเองจะได้ไหม ตอบว่าอาจจะได้ ถ้าแน่ใจว่ายาที่ซื้อมาเป็นยาหยอดแก้แพ้ แก้คัน โดยไม่มีฤทธิ์อย่างอื่นเจือปน ซึ่งอาจจะเสี่ยงสูงเหมือนกันเพราะซื้อยาผิดอาจเป็นพิษซ้ำสอง ทางที่เหมาะที่ควร เมื่อยาหมดควรไปหาหมอคนที่รักษาติดตามดูอาการอีกเป็นระยะๆ เพื่อเขาจะได้พิจารณาลดขนาดยาลงหรือเปลี่ยนยาให้อ่อนลง เป็นการถอนยาทีละน้อยๆ ตามหลักวิธรการบริหารยา จะดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะเข้าสุภาษิต...เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายนั่นปะไร