“อีก 2 ปี จะมียารักษามะเร็งใช้กันแล้ว”
นั่นคือข่าวดังเกรียวกราวไปทั่วโลกที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์(ฉบับวันที่ 3 พฤษภาคม 2541) ได้พาดหัวรายงานผลการวิจัยยารักษามะเร็งชนิดใหม่ในหนูทดองว่าได้ผลในการกำจัดเซลล์มะเร็งโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆเลย
ในปัจจุบัน การรักษามะเร็งก็อาศัยวิธีการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อร้ายออกไปร่วมกับการใช้สารเคมีทำลายเซลล์มะเร็ง (เรียกว่า “เคมีบำบัด” หรือ “คีโม”) หรือการฉายรังสี (เรียกว่า “รังสีบำบัด”) ทั้งสารเคมีและรังสี นอกจากจะทำลายเซลล์มะเร็งแล้ว ยังมีผลต่อเซลล์ที่ปกติอื่นๆด้วย จึงมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ และอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายต่างๆนานา
ข่าวดีที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์นำเสนอก็คือ นายแพทย์จูดา ฟอล์กแมน แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ซึ่งสนใจค้นคว้ายาใหม่รักษามะเร็งมาร่วม 30 ปี ได้ค้นพบสาร 2 ชนิด ชื่อ “เอนโดสแตติน (endostatin)” และ “แองจิโอสแตนติน” (angiostatin) ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงอาหารและอากาศไปบำรุงเลี้ยงให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตและแพร่กระจาย
การทดลองในหนูพบว่า สาร 2 ชนิดนี้ สามารถกำจัดเนื้อมะเร็งได้เด็ดขาด แถมยังไม่มีผลข้างคียงใดๆ อีกด้วย
หนังสือพิพม์ฉบับดังกล่าวยังได้กล่าวอ้างอิงถึงความคิดเห็นของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก ดร.เจมส์ วัตสัน ผู้ค้นพบโครงสร้างสารพันธุกรรมดีเอ็นเอ ว่า “เชื่อว่า ทีมวิจัยนี้คงจะสามารถพัฒนายาชนิดนี้ขึ้นใช้รักษาคนไข้มะเร็งได้ภายใน 2 ปี ข้างหน้านี้”
ข่าวนี้ได้จุดประกายความหวังแก่คนไข้มะเร็งทั้งหลาย และราคาหุ้นของบริษัทที่สนับสนุนโครงการวิจัยดังกล่าวก็พุ่งกระฉูดขึ้นอย่างแรง
คนไทยหลายคนได้รับทราบข่าวนี้ (จากหนงสือพิมพ์, วิทยุ, โทรทัศน์) ก็รู้สึกเกิดกลัวมะเร็ง บางคนบอกว่า “ต่อแต่นี้ก็ไม่ต้องระวังตัวในการกิน การเสพ กันแล้ว”อย่างไรก็ตาม เมื่อรับทราบข่าวอะไรก็ตาม ก็อย่าลืมใช้ “หลักกาลมสูตร” ในการพิจารณาไตร่ตรองและสืบสาวให้ถึงที่สุดต่อไป
เรื่องนี้ก็เช่นกัน นิตยสารไทม์ (รายสัปดาห์) ฉบับวันที่ 18 พฤษภาคม 2541 ได้ขึ้นปกเรื่องนี้แลเสนอข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งมีข้อสรุปดังนี้
1. การทดลองวิจัยของนายแพทน์จูดา ฟอล์กแมน เกี่ยวกับการใช้สารยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ ในการกำจัดมะเร็ง นับว่าได้ผลจริง และเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง แต่นายแพทย์จูดา ฟอล์กแมน พระเอกในข่าวนี้ก็ได้ออกมาเตือนว่า “มันเป็นเพียงผลการทดลองในหนูเท่านั้น ถ้าคุณเป็นมะเร็งและเป็นตัวหนูทดลองเราก็จะรักษาคุณได้”
ในอดีตมียามากมายที่ทดลองในหนูได้ผล แต่เมื่อนำมาทดลองใช้กับคน กลับไม่ได้ผล หรือไม่ก็กลับมีผลร้ายเสียมากกว่า
2. ดร.เจมส์ วัตสัน ก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องที่ว่าอีก 2 ปี จะมียานี้ขึ้นใช้รักษาคนไข้มะเร็ง
ตามขั้นตอนการวิจัยยาใหม่ เมื่อได้ผลในหนูทดลองแล้ว การทดลองในคนจะต้องใช้เวลาอีก 10 ปี เป็นอย่างน้อย จึงจะทราบว่าใช้ได้ผลในคนจริงหรือไม่ และจะปลอดภัยจริงหรือไม่
ก็เป็นอันว่า เราคงต้องใจเย็นๆ รอติดตามดูกันไปอีกหลายปี ดีดักทีเดียว
ระหว่างนี้ก็อย่าลืมหันมาระวังการกิน-เสพ-ปฏิบัติตัว เพื่อให้ห่างไกลจากมะเร็งกันต่อไป
“กันไว้ดีกว่าแก้” ยังเป็นคาถาที่ทันสมัยอยู่เสมอ