เจตนารมณ์แห่งการตาย : สิทธิและจริยธรรม
ขณะที่เขียน ‘คุยกับผู้อ่าน’ ครั้งนี้เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม 2536 กำลังจะมีการเสวนาโต๊ะกลมเรื่องเจตนารมณ์แห่งการตาย : สิทธิและจริยธรรม ที่ธรรมศาสตร์ จัดโดยมูลนิธิโกมลคีมทอง ร่วมกับสภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแพทย์สภา เรื่องที่จัดอภิปรายนี้ขึ้นเป็นมูลกรณีมาจากการอาพาธและการรักษาท่านอาจารย์พุทธทาส
ผู้ร่วมสนทนาประกอบด้วย พระสันติกโร ดร.อุทัย ดุลยเกษม นายแพทย์ประเวศ วะสี นายแพทย์วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ ดร.มาร์ค ตามไท ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ดร.สุวรรณา สถาอานันท์ และคุณพรชัย วีระณรงค์ เข้าใจว่า มูลนิธิโกมลคีมทองจะพิมพ์เนื้อหาที่สนทนากันออกจำหน่ายต่อไป ที่จริงเรื่องการตายมีความสำคัญยิ่งนัก และไม่ใช่เป็นเรื่องที่รอไว้เป็นเรื่องสุดท้ายที่ไปถึงเมื่อหมดสภาพของการอยู่แล้ว ถ้าปล่อยไว้ให้เป็นเรื่องสุดท้าย การอยู่จะไม่ได้ประโยชน์จากการตาย
การอยู่กับการตายเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์กันไปมาหรือเป็นเรื่องเดียวกัน ต้องทำให้การตายเป็นประโยชน์ต่อการอยู่ ไม่ใช่เรื่องแยกกัน และไปถึงเมื่อหมดสภาพการอยู่แล้ว ถ้าเข้าใจเรื่องการตายเสียเนิ่นๆ การอยู่จะมีคุณภาพหรืออยู่อย่างมีความสุขมากขึ้น และจะเบียดเบียนผู้อื่นน้อยลง ถ้ามนุษย์รู้จักคิดถึงความตาย โลกจะสงบเย็นลง ถ้าไม่เข้าใจเรื่องความตาย มนุษย์ก็จะก่อให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องต่างๆ รวมทั้งในเรื่องการแพทย์ แต่จะพากันเข้าไปสู่วิกฤติการณ์
พุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย มาก เพราะเป็นธรรมดาหรือธรรมชาติของชีวิต หรือธรรมะ ถ้าเข้าใจเรื่องเหล่านี้ก็เข้าใจธรรมะ เมื่อเข้าจะธรรมะก็ทำให้เกิดความถูกต้อง ความถูกต้องทำให้เกิดความสุข พุทธศาสนาธิเบตนิการให้ความสนใจเรื่องเกี่ยวกับความตายมาก พระธิเบตได้แปลคัมภีร์มรณศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ ปรากฎว่า ที่ร้านขายหนังสือบางร้าน หนังสือเกี่ยวกับความตาย Sex ของ มาดอนนา ถ้าคนอเมริกันสนใจต่อความตายมากขึ้น จะมีผลเปลี่ยนแปลงสังคมอเมริกัน มากกว่านโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดี เพราะ เรื่องความตายเป็นเรื่องทิฐิ เรื่องนโยบายเศรษฐกิจเป็นเรื่องเทคนิค ทิฐิ เปลี่ยนแปลงสังคมมากกว่าเทคนิค