“หมอกับชาวบ้านแม้จะเป็นคนไทยเหมือนกัน แต่หมอก็มีวัฒนธรรมแบบหมอ ๆ และชาวบ้านก็มีวัฒนธรรมแบบชาวบ้าน ๆ วัฒนธรรมในที่นี้ หมายถึง ความรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อ ค่านิยม ความถนัด ความเคยชิน ธรรมเนียมปฏิบัติ รวมทั้งภาษาในการสื่อสาร “พูดจาภาษาหมอ” มิเพียงแต่เป็นเรื่องของการอธิบายศัพท์เกี่ยวกับสุขภาพเท่านั้น แต่ยังมุ่งหมายให้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างวัฒนธรรมย่อยสองระบบเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่ดีขึ้นระหว่างหมอกับชาวบ้าน หากผู้อ่านมีข้อเสนอแนะประการใด ก็โปรดเขียนถึงคอลัมน์นี้ได้เลยครับ” |
“คุณป้ามีอาการไม่สบาย เป็นอย่างไรหรือครับ ?” คุณหมอซักถามอาการตามสไตล์ หลังจากคนไข้นั่งลงตรงหน้าแล้ว
“รู้สึกปวดมึนหัว เบื่ออาหาร ท้องอืดเฟ้อ หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยง่าย...แล้วก้อใจเต้น...” คนไข้ตอบ
คุณหมอคิดในใจว่า อาการไม่สบายหลายอย่างแบนี้ไม่แคล้วเป็นเรื่องโรควิตกกังวลยิ่งกว่าสาเหตุอื่น ๆ จึงพูดหยอกล้อคนไข้ว่า “อ้อที่คุณป้าว่าใจมันเต้นนั้น หมอก็ว่าทุกคนต้องมีใจเต้นกันทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่เต้น คุณป้าก็คงจะมาไม่ถึงโรงพยาบาลแล้วล่ะ...”
คนไข้ซึ่งมีความหงุดหงิดวิตกกังวล ไม่มีอารมณ์ตอบสนองอารมณ์ขันของคุณหมอ ฟังแล้วนึกฉุนอยู่ในใจว่า “ป้าไม่สบายจะแย่อยู่แล้ว ยังหาว่าป้าไม่เป็นไรอีก ช่างพูดจาไม่เอาไหนจริง ๆ คุณหมอคนนี้”
คำว่าใจเต้น ในภาษาชาวบ้าน มิได้หมายเพียงอาการใจเต้นตามธรรมดา แต่หมายถึงเต้นแรงเต้นเร็ว หรือเต้นไม่เป็นจังหวะผิดไปจากปกติ ภาษาหมอนิยมเรียกว่าใจสั่น (ภาษาอังกฤษว่า palpitation อ่านว่า พัลพิเตชั่น) อาการใจเต้นหรือใจสั่นนี้ เป็นอาการที่คนไข้บอกเล่าตามความรู้สึกของคนไข้เอง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ได้ ปกติหมอจะตรวจดูให้แน่ใจด้วยการคลำชีพจร ถ้าชีพจรเต้นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่เกินนาทีละ 80-90 ครั้ง ก็ถือว่าใจสั่นไม่จริง (ใจสั่นหลอก ๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกของคนไข้) โดยมากมักจะเกิดจากคนไข้มีความวิตกกังวลหรือเป็นโรคประสาท คนไข้มักบ่นว่ามีอาการไม่สบายไปต่าง ๆ นานาเกือบแทบทุกระบบของร่างกาย พร้อมกับมีอาการนอนไม่หลับ จิตใจฟุ้งซ่าน คิดมาก มีเรื่องทุกข์ใจ ไม่สบายใจไปต่าง ๆ แต่ถ้าชีพจรเต้นเร็ว (มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที) หรือเต้นจังหวะไม่สม่ำเสมอ (เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า หรือมีจังหวะวูบหายไปเป็นครั้งคราว) หรือเต้นเดี๋ยวแรงเดี๋ยวค่อย แบบนี้ก็ถือว่าใจสั่นจริง เรียกว่า หัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia อ่านว่า อาร์ริทเมีย) อาจมีสาเหตุจากโรคหัวใจ โรคคอพอกเป็นพิษ หรือสาเหตุที่ร้ายแรงอื่น ๆ ได้ คนไข้มักจะมีอาการเหนื่อยง่าย น้ำตาลลด เจ็บแน่นหน้าอก หรืออื่น ๆ ร่วมด้วย
นอกจากนี้ อาการใจเต้นในสั่น ยังพบได้เป็นปกติวิสัยในคนที่ออกกำลังใหม่ ๆ หรือหลังดื่มชากาแฟ หรือยาที่มีสารคาเฟอีนซึ่งเป็นยากระตุ้นประสาท หรือในขณะที่มีเรื่องตกใจ เมื่อจับชีพจรดูจะรู้สึกว่ามันเต้นแรงและเร็ว (บางครั้งมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที) แต่จังหวะจะสม่ำเสมอ เป็นอยู่สักครู่ก็จะค่อย ๆ กลับเป็นปกติได้
อาการใจเต้นใจสั่นแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปหาหมอหรอกครับ