เมื่อผู้เขียนไปดูงานการแพทย์ฉุกเฉินในที่แห่งหนึ่ง พบว่า ทุกครั้งที่ผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาพยาบาลด้วยอาการใดก็ตาม แพทย์และพยาบาลเพียงแต่กดดูข้อมูลแนวทางการรักษาผู้ป่วยตาม
อาการนั้นๆ จากคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นก็สามารถให้การรักษาไปตามแนวทางนั้นๆ ได้เลย ทำให้แพทย์และพยาบาลสามารถให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยไปสู่มาตรฐานเดียวกันได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนคิดว่าการปฏิบัติตามแนวทางการรักษานี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย. ข้อดีคือ ทำให้การรักษาพยาบาลเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ข้อเสียคือ แพทย์และพยาบาลขาดจิตวิญญาณและความคิดวิเคราะห์เพื่อการรักษาพยาบาล เนื่องจากเพียงดำเนินการรักษาตามแนวทางที่กำหนดไว้ก็เพียงพอแล้ว และไม่ต้องมองหาวิเคราะห์ว่าผู้ป่วยอาจเป็นโรคอื่นแต่อย่างใด
การรักษาพยาบาลผู้ป่วยถือเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ฝีมือและประสบการณ์ที่สั่งสมกันมาของแพทย์รุ่นพี่ถ่ายทอดสู่แพทย์รุ่นน้อง ในบางครั้งอาการของผู้ป่วยก็ไม่ได้ตรงไปตรงมาและแพทย์จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาเพื่อตัดสินใจให้การรักษาที่ถูกต้อง
ดังเช่น ผู้ป่วยหญิงอายุประมาณ 25 ปีมาด้วยอาการเจ็บหน้าอก แพทย์อเมริกันได้กดดูแนวทางการรักษาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วดำเนินการรักษาเพื่อเฝ้าระวังโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดตามนั้น โดยการเจาะเลือดตรวจหาเอนไซม์ของหัวใจร่วมกับตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจทุก 2 ชั่วโมงจนครบ 3 ครั้ง เมื่อไม่พบ ความผิดปกติใดๆ จึงได้ให้ผู้ป่วยกลับบ้าน รวมเวลาที่ ผู้ป่วยต้องนอนรอดูอาการในห้องฉุกเฉินนาน 6 ชั่วโมง
ประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดต่ำกว่าในประเทศสหรัฐอเมริกามาก ดังนั้นการนำแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยของประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้ จึงควรมีการปรับให้เหมาะกับสภาพท้องถิ่นด้วย เพราะถ้าดำเนินการรักษาอาการเจ็บหน้าอกโดยทำการเจาะเลือดและตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจในผู้ป่วย ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่ำ เช่น เพศหญิง อายุน้อยและไม่มีโรคประจำตัวใดๆ เช่นนี้ ก็จะเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลไปอย่างมาก.
เคยมีคนกล่าวว่า ทุกอาชีพมักมีรากเหง้าหรือวิธีคิดมาจากต้นตอเดียวกัน ถ้าในประเทศสหรัฐอเมริกาจะใช้คำว่า a bird told me แทนคำว่า ใครคนใดคนหนึ่งกล่าวว่า เพราะการกล่าวอ้างเช่นนี้สรุปว่าไม่รู้ต้นตอที่แน่ชัดของคำกล่าวจริงๆ
ในการสร้างแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยนี้ เปรียบเหมือนการสร้างคู่มือปรุงอาหารของพ่อครัวหรือแม่ครัวมืออาชีพ กล่าวคือ การปรุงอาหารเป็นศิลปะที่ถ่ายทอดและสอนคนรุ่นหลังโดยการบอกต่อและเลียนแบบการทำจากพ่อครัวที่มีความชำนาญ ต่อมาก็มีการจัดทำคู่มือการปรุงอาหารเพื่อให้พ่อครัวหรือ แม่ครัวมือใหม่ได้หัดลองฝึกทำตามตำรา
อย่างไรก็ตาม ในหมู่พ่อครัวหรือแม่ครัวที่ชำนาญในการปรุงอาหารนั้นแล้ว ก็มักจะมีการพลิกแพลงจากตำราจนเกิดเป็นสูตรลับหรือเสน่ห์ปลายจวักของพ่อครัวและแม่ครัวแต่ละรายไป ประดุจดังการจัดทำแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินหรือทุกสาขาการพยาบาลก็ตาม
คู่มือการดูแลผู้ป่วยเหล่านี้มักมีประโยชน์อย่างมากต่อแพทย์จบใหม่ เพื่อให้มีแนวทางปฎิบัติพื้นฐานที่ถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่หลังจากแพทย์ มีความชำนาญในการรักษาดูแลผู้ป่วยมากขึ้น จนกระทั่งสั่งสมเกิดเป็นประสบการณ์ก็จะทำให้ลีลาการรักษาพยาบาลและการตัดสินใจให้การรักษาพยาบาลของแพทย์แต่ละท่านมีความแตกต่างกันไป อันสอด คล้องกับคำว่า "การทำงานของแพทย์เป็นการประกอบวิชาชีพตามใบประกอบโรคศิลป์" เป็นต้น ดังนั้น ผู้เขียนจึงหวังว่า "การดูแลรักษาผู้ป่วยตามแนวทางที่กำลังมีความพยายามจัดตั้งขึ้นเพื่อนำไปสู่มาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งประเทศไทยนี้ จะยังสามารถคงสภาพการดูแลผู้ป่วยด้วยจิตวิญญาณ และประสบการณ์ที่แพทย์รุ่นพี่สั่งสมไว้เพื่อถ่ายทอดสู่แพทย์รุ่นน้องได้เป็นอย่างดี"
รพีพร โรจน์แสงเรือง พ.บ., อาจารย์
ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล