ทีมงานเลขาธิการแพทยสภาได้ทราบอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2550 ว่าจะมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม (ฉบับที่...) พ.ศ.....เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในวันที่ 3 ตุลาคม 2550 ทันทีที่ได้ทราบก็ได้มีการตรวจสอบที่มาที่ไปของเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด จึงได้ทราบข้อมูลว่ามีสมาชิกสภานิติบัญญัติท่านหนึ่งเป็นผู้เสนอร่างโดยมีผู้รับรองและร่วมเป็นผู้เสนอด้วยทั้งหมดทั้งหมดรวม 27 คน ซึ่งไม่มีแพทย์เลยแม้แต่คนเดียว. เนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงที่มาและองค์ประกอบของคณะกรรมการแพทยสภา สรุปได้ดังตารางที่ 1
นายกแพทยสภา เลขาธิการ รองเลขาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการ กรรมการและสมาชิกแพทยสภาหลายท่านได้ร่วมกันวิเคราะห์อย่างเร่งด่วน และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คัดค้านร่างพระราชบัญญัติอย่างเร่งด่วนที่สุด ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. แพทย์เป็นทั้งผู้ใช้และผู้ถูกบังคับใช้โดยกฎหมายฉบับนี้ย่อมมีความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ ในกฎหมายนี้มาโดยตลอด ดังนั้นการเสนอแก้ไขกฎหมายฉบับนี้แพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทย์ที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานอื่นๆ ทางการแพทย์ทุกหน่วยงานจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการพิจารณาและพัฒนากฎหมายนี้เพื่อให้แพทย์สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
2. วัตถุประสงค์ของแพทยสภานอกจากการควบคุมการประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพแล้ว ยังมีอีก 5 ประการประกอบด้วย
- ส่งเสริมการศึกษาการวิจัยและการประกอบวิชาชีพในทางการแพทย์
- ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก
- ช่วยเหลือแนะนำเผยแพร่และให้การศึกษา แก่ประชาชนและองค์กรอื่น ในเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์ และการสาธารณสุข
- ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล เกี่ยวกับปัญหาทางการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศ
- เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชีพเวชกรรมในประเทศไทย
3. โดยหลักการของสภาวิชาชีพต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องการให้ผู้ประกอบวิชาชีพควบคุมกันเองเพราะต้องใช้ความรู้ทางวิชาการในวิชาชีพนั้นๆ ซึ่งบุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าใจได้
4. ในปัจจุบันการพิจารณาคดีจริยธรรมได้มีอนุกรรมการซึ่งมาจากบุคคลภายนอกวิชาชีพเวชกรรม ประกอบด้วยอดีตผู้พิพากษา อัยการ และจากสภาทนายความ เป็นผู้ร่วมในการพิจารณาทุกคดีอยู่แล้ว
หลังจากที่ได้มีการพิจารณาและวางแผนในการดำเนินการแล้วในวันรุ่งขึ้น (2 ตุลาคม 2550 ) จึงได้ มีกันปฏิบัติดังนี้
1. ส่งทีมงานไปชี้แจงต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่เป็นผู้เสนอร่างนี้ และสมาชิกท่านอื่นๆถึงปัญหาอันใหญ่หลวง ที่จะเกิดขึ้นต่อวงการแพทย์ซึ่งจะมีผลกระทบในทางลบต่อระบบการรักษาพยาบาลของประชาชนทั้งประเทศ
2. ทำหนังสือถึงกรรมการแพทยสภาและผู้-บริหารในหน่วยงานต่างๆทางการแพทย์ทุกหน่วยงานเพื่อขอความเห็นจากแพทย์ทุกๆคนว่าเห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้หรือไม่ โดยให้ FAX มาที่แพทยสภา ซึ่งในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ได้รายชื่อมาเป็นจำนวนมาก และผู้ที่ทราบเรื่องเกือบทุกคนต่างแสดงความเห็นคัดค้านมาทั้งสิ้น
ในวันที่ 3 ตุลาคม 2550 สมาชิกสภานิติบัญญัติ ที่เป็นผู้เสนอได้ขอถอนร่างนี้ออกไปก่อน พร้อมกับความเหนื่อยยากของหลายๆคน และหลายๆฝ่ายที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขวิกฤติครั้งสำคัญนี้
ขอขอบคุณสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติทุกท่าน เพื่อนแพทย์ทุกท่าน และขอเรียนว่าหากคิดจะ มีการเสนอร่างนี้ใหม่ขอให้รับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบต่อแพทย์และประชาชนทั้งประเทศ
อำนาจ กุสลานันท์ พ.บ. น.บ., น.บ.ท., ว.ว. (นิติเวชศาสาตร์)
ศาสตราจารย์คลินิก
เลขาธิการแพทยสภา