ในปัจจุบันห่วงอนามัยไม่ค่อยได้รับความนิยมจากประชาชนเท่าที่ควร ทั้งนี้เพราะว่าประชาชนขาดความเข้าใจที่ถูกต้องและเชื่อข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงหรืออาจจะเป็นเพราะได้รับบริการจากผู้ที่ขาดความเชี่ยวชาญ ซึ่งอาจเป็นผลให้เกิดสิ่งเทรกซ้อนได้จากประสบการณ์ที่ได้ให้บริการวางแผนครอบครัวแก่ประชาชนมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี จึงได้รวบรวมความเข้าใจผิดต่างๆ ของประชาชนไว้ดังนี้
1.จริงไหมว่า_____________ตอนใส่ห่วงจะเจ็บมาก ?
ความจริงแล้วการใส่ห่วงอนามัย เกือบจะไม่เจ็บเลย ถ้าใส่ขณะมีประจำเดือน เพราะในขณะนั้นปากมดลูกเปิดเพื่อให้ประจำเดือนออก แต่ในบางคนซึ่งมีประสาทรับความรู้สึกเจ็บไวกว่าปกติ ก็อาจจะเจ็บได้บ้างและมดลูกก็เช่นเดียวกัน บางคนจะบีบตัวแรง ทำให้ปวดท้องได้มากๆ จนบางครั้งหมออาจต้องเอาห่วงออก แต่เมื่อเอาออกก็จะหายปวดท้องทันที
2.จริงไหมว่า____________ใส่ห่วงแล้วมีเลือดออกและปวดท้อง ?
อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อตอนใส่ห่วงไปใหม่ เกิดจากการบีบตัวของมดลูก แต่เมื่อร่างกายปรับตัวเกิดความเคยชิน อาการก็จะหายไป ซึ่งจะกินเวลาไม่เกิน 5 วัน เช่นเดียวกับการใส่นาฬิกาข้อมือนั่นเอง แต่เมื่อใส่ห่วงไปนานๆ แล้วเกิดอาการปวดท้องหรือเลือดออก ถือว่าผิดปกติ ควรพบหมอ เพราะห่วงอาจจะเลื่อนได้ ซึ่งต้องเอาออก
3.จริงไหมว่า____________ใส่ห่วงแล้วมดลูกเน่า ?
มดลูกเน่าหมายถึง มดลูกอักเสบ ตามหลักฐาน ทางการแพทย์ พบได้ 2% ซึ่งเป็นการอักเสบเพียงเล็กน้อยและรักษาหายได้โดยง่ายและตามรายการของ ดร.มิเชลล์ (Dr.Mishell) ปรากฏว่าไม่พบเชื้อแบคทีเรียในโพรงมดลูกเลยในคนที่ใส่ห่วงอนามัยและดร.เดวิส (Dr.Davis) พบเม็ดเลือดขาวเป็นจำนวนมากบริเวณเยื่อบุมดลูกชั้นผิวๆ เม็ดเลือดขาวเหล่านี้จะเป็นตัวทำลายเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นการติดเชื้อจึงควรพบน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ใส่ห่วงเสียด้วยซ้ำไป
4.จริงไหมว่า____________ใส่ห่วงแล้วเป็นมะเร็ง ?
การเกิดมะเร็งของปากมดลูกมักมีสาเหตุจากการอักเสบหรือการระคายเคืองเรื้อรัง ซึ่งได้แก่ การเป็นโรคหนองในเรื้อรัง การคลอดลูกหลายๆ ครั้ง และการที่จะกลายเป็นมะเร็ง ต้องอาศัยเวลา 4-6 ปี ดังนั้นเมื่อใส่ห่วงอนามัยไปและกลับมาตรวจทุกๆ ปี เมื่อพบอาการผิดปกติและทำการรักษาอย่างถูกต้อง จะไม่เกิดเป็นมะเร็งอย่างเด็ดขาด ในทางตรงกันข้ามผู้ที่ไม่ได้ใส่ห่วงและไม่ได้ตรวจภายในเลยจะเป็นมะเร็งได้มากกว่า เพราะมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการเลย
5.จริงไหมว่า____________ใส่ห่วงแล้วยังตั้งท้องได้ ?
การใส่ห่วงอนามัยจะมีการตั้งท้องได้ 25% ทั้งนี้เพราะกลไกการคุมกำเนิดของห่วงอนามัย คือการมีเม็ดเลือดขาวออกมาอยู่ในโพรงมดลูก และเม็ดเลือดขาวนี้จะกินตัวอสุจิ ซึ่งพิสูจน์โดย ดร.ซากิโรกลุ (Dr.Sagiroglu) และ ดร.เซดลิส (Dr.Sedlis) พบว่าเม็ดเลือดขาวสามารถทำลายตัวอสุจิได้ถึง99.99% ดังนั้น ใส่ห่วงอนามัยจึงมีการตั้งท้องได้ แต่น้อยมากและการใส่ห่วงไม่เป็นบาป เพราะไม่ได้เกิดการปฏิสนธิแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ว่าท่านจะนับถือศาสนาอะไรก็สามารถใส่ห่วงได้ทั้งนั้น
6.จริงไหมว่า____________เมื่อต้องการเอาห่วงออก หมอมักไม่เอาห่วงออกให้ ?
เมื่อก่อนนี้อาจเป็นความจริง แต่ในปัจจุบันนี้ หมอส่วนใหญ่จะเอาห่วงออกให้เป็นอันดับแรกเสมอไป เพราะได้มีการพิสูจน์แล้วว่า เมื่อมีสิ่งแทรกซ้อนใดๆ ถ้าเอาห่วงออกอาการดังกล่าวจะหายเร็วขึ้น โดยไม่ต้องใช้ยา รักษาเลย ยกเว้นมดลูกอักเสบ
7.จริงไหมว่า_____________ใส่ห่วงแล้วมีอาการทางประสาท ?
อาการทางประสาท มีอาการได้หลายแบบ เช่น ปวดหัว เบื่ออาหาร ไม่มีแรง ทำงานหนักไม่ได้ และอื่นๆ อาการดังกล่าวหาใช่เกิดจากห่วงไม่ แต่เกิดจากการรับฟังสิ่งผิดๆ มาจากผู้อื่นและเป็นการกล่าวซ้ำๆ จากหลายๆ คน อันจะทำให้เกิดอาการอะไรก็ได้ เช่นได้รับฟังว่าใส่ห่วงแล้วปวดหัวซ้ำแล้วซ้ำอีกสักระยะหนึ่ง หญิงผู้นั้นก็จะเกิดอาการปวดหัวได้ เช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์ลงข่าวความเลวของใครสักคนและคิดว่าเขาเลวจริงๆ ทั้งที่ข่าวนั้นไม่เป็นความจริงเลย
8.จริงไหมว่า____________ใส่ห่วงแล้วเป็นหมัน ?
คำกล่าวนี้ ไม่เป็นความจริงโดยเด็ดขาด เพราะทางการแพทย์ได้มีรายงานว่าเมื่อเลิกคุมกำเนิดโดยการใส่ห่วง จะมีการตั้งท้องได้เหมือนคนปกติ สำหรับบางคนที่เมื่อเลิกใส่ห่วงแล้วไม่มีลูกควรปรึกษาหมอและหาสาเหตุของการเป็นหมัน
9.จริงไหมว่า_____________สามีเจ็บเมื่อร่วมหลับนอนกัน ?
เรื่องนี้ มีผู้ใส่ห่วงมาบ่นเหมือนกัน เพราะการใส่ห่วงหมอจะเหลือไหมโผล่จากปากมดลูกออกมาขดอยู่บริเวณปากมดลูก สายไหมนี้อาจบาดปลายอวัยวะเพศของสามีได้ แต่การแก้ไขนั้นง่ายมาก คือ ตัดไหมให้สั้น แต่การตรวจหาจะยาก วิธีที่ดีที่สุดคือ อธิบายให้ฝ่ายชายเปลี่ยนทิศทางของการสอดอวัยวะเพศ ก็จะไม่โดนสายไหม
10.จริงไหมว่า____________ใส่ห่วงแล้วมีตกขาวมาก ?
ตกขาวอาจมีมากกว่าปกติได้บ้างในระยะแรกๆ ของการใส่ห่วง แต่เมื่อร่างกายปรับตัวและเคยชินแล้ว ตกขาวควรจะเป็นปกติ แต่ถ้ามีตกขาวมากเมื่อใส่ห่วงไปนานแล้ว มักเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น เกิดจากโรคหนองใน เชื้อรา เชื้อพยาธิ เป็นต้น
11.จริงไหมว่า____________ต้องเปลี่ยนห่วงบ่อยๆ ?
ข้อนี้ไม่เป็นความจริงเลย เพราะ ใส่ห่วงครั้งเดียว สามารถคุมกำเนิดได้ตลอดไป และใส่ห่วงหลัง 3 ปีไปแล้วเกือบไม่พบ การตั้งท้องเลย แต่บางคนอาจจะไม่สบายใจ หมอก็อาจเปลี่ยนห่วงให้ได้ ที่วชิรพยาบาลใส่ห่วงไว้ 18 ปีก็ยังปกติดี ข้อสำคัญควรมาตรวจทุกปี
ส่วนปัญหาอื่นๆ เช่น ไม่พบสายไหม ขาดประจำเดือน ควรปรึกษาหมอ
จะเห็นได้ว่าการใส่ห่วงอนามัยมีความง่าย สะดวก ปลอดภัย และไม่สิ้นเปลือง เหมาะที่จะเป็นการคุมกำเนิดสำหรับคนไทยเป็นอันมาก โดยเฉพาะคนที่มีอายุเกิน 40 ปี ใกล้วัยหมดประจำเดือนและไม่ต้องการคุมกำเนิดโดยวิธีใดๆ อีกต่อไป