“คุณหมอคะ ดิฉันมีอาการตัวร้อนมากว่าเดือนหนึ่งแล้ว เคยรักษากับหมอสุขศาลา ทีแรกก็บอกว่าเป็นไข้ธรรมดา ฉีดยากินยาก็ไม่หาย ต่อมาเมื่อมีอาการนานกว่า 10 วัน หมอก็บอกว่า เป็นไข้ทัยฟอยด์ ให้ยาฆ่าเชื้อทัยฟอยด์มากินก็ไม่เห็นดีขึ้น…คุณหมอลองตรวจดูซิว่าฉันเป็นอะไรแน่คะ ?”
นี่คือคำบอกเล่าอาการของหญิงสาวอายุ 30 ปีเศษคนหนึ่ง ซึ่งอาการเป็นไข้ตัวร้อนทุกวันติดต่อกันมากว่าเดือนการมีไข้ตัวร้อนเป็นเดือน ย่อมไม่ใช่ไข้ธรรมดาเสียแล้ว
ไข้ทัยฟอยด์ ก็มักจะเป็นอยู่ 2-3 สัปดาห์เท่านั้น ไม่ควรมีไข้นานกว่าเดือน
ไข้ป่ามาลาเรียเป็นได้ไหม ? ก็เป็นได้ แต่ควรจะจับไข้ หนาวสั่นเป็นเวลาที่แน่นอน และควรมีประวัติว่าเคยเข้าไปในป่าดงหรืออาศัยอยู่ในดงมาลาเรีย
วัณโรคก็เป็นได้ โรคนี้พบบ่อยในบ้านเราเสียด้วย แต่ควรจะมีอาการไอเรื้อรัง เบื่ออาหาร ซูบผอม แต่บางคนอาจไม่มีอาการไอก็ได้
มะเร็งของอวัยวะภายในร่างกายก็อาจทำให้มีไข้เป็นเดือนๆ ได้เช่นกัน
แต่ถ้าใครก็ตามมีอาการตัวร้อนเป็นเดือน และใบหน้ามีฝ้าแดงๆ ขึ้นที่ใต้ตา (ข้างจมูก) ทั้ง 2 ข้าง แลดูคล้ายรูปผีเสื้อ (รูปที่ 1) แล้วละก้อ ก็พึงนึกถึงโรคชนิดหนึ่งที่มีชื่อย่อมาจากภาษาฝรั่งว่า เอสแอลอี (SLE) ได้เลย
โรคนี้จะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยหลายอย่างเช่น ผมร่วง คิ้วร่วง ปวดตามข้อมือข้อเท้าทั้ง 2 ข้างพร้อมๆ กัน ซึ่งมักจะค่อยเป็นค่อนไปเรื้อรังอยู่นาน
มักเป็นในผู้หญิงอายุระหว่าง 20 ถึง 40 ปี ผู้ชายก็อาจเป็นได้แต่ไม่บ่อยนัก
เอสแอลอี เป็นโรคที่เกิดจากการแพ้ตัวเอง หมายถึง ร่างกายของคนที่เป็นโรคนี้มีความผิดแผกไปจากคนปกติ แทนที่จะจำเนื้อเยื่อของตัวเองได้ กลับไปนึกว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมจากภายนอก (เหมือนเชื้อแบคทีเรีย ฝุ่นละออง) ร่างกายก็เลยสร้างสารต้านทานต่อเนื้อเยื่อของตัวเองขึ้นมา จึงทำให้เกิดอาการต่างๆ ดังกล่าว
ถ้าสงสัยเป็นโรคนี้ (รวมทั้งใครก็ตามที่มีไข้นานเป็นเดือน) ควรปรึกษาแพทย์เป็นดีที่สุด
เพราะโรคนี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด มีโรคแทรกซ้อนได้มาก และอาจเป็นอันตรายได้ง่ายๆ