เว็บไซต์วารสารคลินิกเปิดให้บริการแก่ทุกท่านที่สนใจในการส่งคำถามที่ท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเวชปฏิบัติการใช้ยา และเรื่องราวที่น่าสนใจทางการแพทย์และเวชปฏิบัติทุกสาขาทางอินเตอร์เน็ต
โรคต้อกระจก
Q ผู้ป่วยที่มาด้วยปัญหาตามัว จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นจากโรคต้อกระจก และเมื่อผ่าตัดรักษาใส่เลนส์แก้วตาเทียมแล้ว จะใช้งานได้กี่ปี
รัชดาภรณ์ ตันติมาลา
A ตามัวอาจเกิดจากสาเหตุได้หลายโรค ซึ่งจากการถามประวัติตามัว อาจแยกสาเหตุของตามัวได้ดังนี้ คือ
1. ตามัวเหมือนถ่ายรูปไม่ชัด มักเกิดจากภาวะสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาวหรือสายตาเอียง.
2. ตามัวเหมือนมีหมอก หรือฝ้าบัง มักเกิดจากโรคต้อกระจก.
3. ตามัวเป็นภาพซ้อน มักเกิดจากภาวะเห็นภาพซ้อนจากโรคระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อตาทำงานผิดปกติ.
4. ตามัวเหมือนมีม่านดำบัง อาจเกิดจากโรคจอประสาทตาลอกหรือเสื่อม หรือโรคต้อหินชนิดเรื้อรังได้.
เลนส์แก้วตาเทียม (ภาพที่ 1) มีหลายชนิด ทั้งชนิดแข็งและชนิดพับได้ ซึ่งจะมีราคาสูงกว่า สำหรับใช้ ในกรณีการผ่าตัดที่แผลผ่าตัดขนาดเล็ก. แต่การพิจารณาเลือกการใช้เลนส์ชนิดใด จักษุแพทย์จะเลือกให้ตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย. ปัจจุบันเทคโนโลยีในการผลิตเลนส์แก้วตาเทียมมีความก้าวหน้า มีภาวะแทรกซ้อนน้อย ใส่แล้วคล้ายธรรมชาติ ไม่ต้องการการดูแลรักษาใดๆจากผู้ป่วย และสามารถใช้เลนส์แก้วตาเทียมนั้นได้ตลอดอายุของผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมอีก.
ภาพที่ 1. เลนแก้วตาเทียม
ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ.
จักษุแพทย์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การแปลผล Pap smear
Q สับสนเกี่ยวกับผล Pap smear ยุคใหม่ที่เป็น ASCUS หรือ ASC-H ดูแลแตกต่างกันอย่างไร ต้องส่งต่อไปทำ colposcope ทุกคนไหม. ปัจจุบันมีวัคซีน HPV จะสามารถใช้รักษาในผู้ป่วยกลุ่มนี้หรือไม่ หลอดเลือดที่ขาตีบ มีแผลที่เท้าด้วย ไปตรวจแล้วหมอบอกว่าต้องผ่าตัดบายพาสหลอดเลือด ไม่ทราบว่าจะทำยังไงต่อดี.
ปิยะดา พูลสวัสดิ์
A ระบบการรายงานผล Pap smear ปัจจุบันใช้ระบบ Bethesda system ซึ่งความผิดปกติแบ่งออกได้ดังนี้
1. ASC (atypical squamous cells) แบ่งออกเป็น ASC-US (atypical squamous cells of undetermined significance), ASC-H (atypical squamous cells, cannot exclude hSIL).
2. LSIL (low grade squamous intraepithelial lesion) คือ กลุ่ม HPV และ CIN1.
3. HSIL (high grade squamous intraepithelial lesion) คือ กลุ่ม CIN 2 และ 3.
4. SCC (squamous cell carcinoma).
5. Glandular cell abnormalities แบ่งออกเป็น AGC (atypical glandular cells), AIS (adenocarcinoma insitu), Adenocarcinoma.
ตาม guideline ของ American Society for Colposcopy & Cervical Pathology ผู้ป่วยที่มีผลตรวจในกลุ่มข้อ 2 ถึง 5 สมควรส่งไปทำ colposcopy ทุกราย.
สำหรับ ASC-H มีโอกาสพบพยาธิสภาพสูง จึงควรส่งไปทำ colposcopy เช่นกัน.
ส่วนกลุ่ม ASC-US พบสามารถเลือกได้ 3 วิธี คือ
1. นัดตรวจ Pap smear ซ้ำอีก 6 เดือน หากยังผิดปกติให้ส่งทำ colposcopy หากผลปกติทุก 6 เดือน ติดกัน 2 ครั้ง ให้นัดตรวจทุกปีตามปกติ.
2. ส่งไปทำ colposcopy เลย.
3. หากการตรวจ Pap smear เป็นแบบ liquid based เช่น Thin Prep อาจติดต่อห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจ HPV DNA เพิ่มเติม แต่ค่าใช้จ่ายสูง หากผลเป็นลบสามารตรวจ Pap ครั้งต่อไปใน 12 เดือน แต่ถ้าพบผลบวก ควรส่งส่องกล้องทันที.
สำหรับประเทศไทย ในสถานที่ที่ส่งต่อผู้ป่วยลำบาก กลุ่ม ASC-US และ LSIL อาจตรวจติด ตามทุก 6 เดือนก่อน หากยังผิดปกติจึงส่งต่อผู้ป่วย. อย่างไรก็ดี ควรแน่ใจว่าผู้ป่วยจะมารับการตรวจติดตาม ตามนัด.
ส่วนวัคซีน HPV เหมาะสำหรับฉีดในผู้ป่วย ที่ไม่เคยได้รับเชื้อ HPV type 16 และ 18 มาก่อน ผู้ป่วยที่มี Pap smear ผิดปกติเกือบทั้งหมดเคยได้รับเชื้อ HPV มาก่อน จึงไม่มีประโยชน์ นอกจากนั้น ยังไม่มีข้อมูลของวัคซีน HPV ในการรักษาผู้ป่วยกลุ่ม นี้ในปัจจุบัน.
อาบอรุณ เลิศขจรสุข พ.บ.
สูติ-นรีแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล