คุณแม่เด็กหญิงมารินา โฮริคาวา (ชื่อเล่น มะม่วง) ได้ให้สัมภาษณ์ “หมอชาวบ้าน” มีใจความสำคัญว่า “มะม่วงเป็นเด็กท้องเสียง่ายมาตั้งแต่อายุไม่กี่เดือน แต่อาการไม่รุนแรง จึงไม่เคยพาไปหาหมอรักษาเพราะแกแข็งแรงเติบโตตามปกติ”
“แต่พอถึงเวลาที่ต้องให้วัคซีนโปลิโอ ตอนที่แกอายุได้ขวบครึ่ง คุณหมอว่าจำเป็นจะต้องทำให้แกหายท้องเสีย จึงสั่งงดอาหารงดนม และให้กินยาฆ่าเชื้อหลายขนาน ปรากฏว่า งดอาหารจนแกผอมหัวโต ร่างกายอ่อนแอจนถูกหวัดเล่นงานซ้ำ ท้องก็ไม่หายเสีย”
“ดิฉันเห็นต้นฝรั่งยืนท้าทายอยู่หน้าบ้าน นึกถึงเรื่องใบฝรั่งต้มน้ำที่ลงใน “หมอชาวบ้าน” ก็ไปเก็บใบฝรั่งมาประมาณ 10 กว่าใบใส่น้ำพอท่วมใบ ต้มจนได้น้ำขมปี๋ แล้วเอาน้ำตาลใส่จนหวาน ดิฉันลองชิมดูแล้วกลัวว่าลูกสาวจะไม่ยอมกิน ปรากฏว่าแกกลับอร่อยกินไปหลายช้อนชา”
“ดิฉันให้แกกินตอนก่อนนอนรุ่งเช้าแกก็หยุดถ่าย แต่เกรงว่าจะไม่หายขาด เลยให้ซ้ำอีกในวันรุ่งขึ้น 3 เวลาก่อนอาหาร หลังจากนั้นค่อยๆ เริ่มให้อาหารตามปกติในวันถัดมา ปรากฏว่าแกหายท้องเสีย”
“นานๆ จึงจะเสียสักครั้งและทุกครั้งดิฉันก็ให้กินน้ำใบฝรั่งต้มน้ำหนเดียวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ก็หายทุกครั้ง แต่ดิฉันมักจะให้ซ้ำอีกครั้งในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อความแน่ใจ”
“ตั้งแต่ใช้วิธีนี้ มะม่วงหายท้องเสียเป็นปลิดทิ้ง” คุณแม่ ด.ญ. มารินากล่าว
ครับ! นี่แหละคือ ยอดปรารถนาของ “หมอชาวบ้าน” อันได้แก่ ทำอย่างไรจะให้ประชาชนได้รับการรักษาที่ได้ผลดี สะดวก และเสียเงินน้อยที่สุด