น้ำไหลจากรูหู
Q น้ำที่ไหลออกจากหู มีกี่ชนิด สามารถใช้ในการช่วยวินิจฉัยแยกโรคได้อย่างไร
สุทธิไกร ไชยยศ
A น้ำที่ไหลออกจากหู (otorrhea) แสดงถึงว่ามีความผิดปกติของหู ซึ่งแพทย์ผู้รักษาจะต้องดูชนิด ของน้ำที่ไหลจากหู ตรวจดูว่ามาจากตำแหน่งไหน และเป็นโรคอะไร โดยลักษณะของน้ำจะมีความแตกต่างกันที่สี, ความขุ่น-ใส, ความหนืด และกลิ่น.
การตรวจดู external ear canal และ tympanic membrane มีความสำคัญ เนื่องจากน้ำที่ไหลจากหู อาจเป็นโรคของหูชั้นนอก, หูชั้นกลาง หรือหูชั้นใน.
ชนิดของน้ำที่ไหลจากหู มี 5 ชนิด คือ serous, mucoid, purulent, bloody และ clear fluid
- Serous fluid มีสีเหลือง ใส ลักษณะคล้ายซีรั่ม มีความหนืดน้อย เมื่อถูกอากาศจะ clot ภายในเวลาไม่กี่นาที.
- Mucoid fluid มีลักษณะขุ่น สีออกขาว หรืออาจมีสีออกเหลือง, เทา มีความหนืดสูง ลักษณะคล้ายกาว serous และ mucous fluid มักจะพบขณะทำการเจาะเยื่อแก้วหู เพื่อดูดน้ำจากหูชั้นกลาง พบโดยไหลออกมาเองได้น้อย.
- Purulent fluid พบได้บ่อยที่สุด ทั้งในผู้ป่วยเด็กและผู้ใหญ่ เกิดจาก inflammatory process บริเวณหูชั้นนอก หรือหูชั้นกลาง.
- Bloody fluid เลือดออกจากหู พบได้บ่อย และมาจากหลายสาเหตุ ได้แก่ trauma ทำให้เกิด laceration หรือ abrasion ที่ skin ของ external ear canal ซึ่งอาจเกิดจากการแคะหู, มีสิ่งแปลกปลอมในหู หรือสาเหตุจากการบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ซึ่งทำให้มี temporal bone fracture ส่วน tumor ของ external ear canal และ middle ear ทำให้มีเลือดออกจากหูได้ เช่น glomus tumor, rhabdomyosarcoma และ inflammatory process ได้แก่ acute otitis media with perforation, bullous myringitis, aural polyp, granulation tissue เป็นต้น.
- Clear fluid ที่ไหลออกจากหู มักจะเป็น CSF ซึ่งมีความสำคัญ เนื่องจากทำให้เกิด meningitis ได้ สาเหตุเกิดจาก congenital anomalies ต่างๆ, skull trauma ที่ทำให้เกิด temporal bone fracture ในผู้ป่วยเด็ก, perilymphatic fistula ซึ่งเกิดจากมี abnormal communication ระหว่าง perilymphatic space ของหูชั้นในกับ middle ear.
พิบูล วชิรลาภไพฑูรย์ พ.บ.
โสต ศอ นาสิกแพทย์
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
ตาแดง อย่างไร อันตราย!
Q อยากเรียนถามว่าโรคตาแดงชนิดใดไม่ค่อยอันตรายและแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปสามารถให้การรักษาได้ และโรคตาแดงชนิดใดที่ควรรีบส่งปรึกษาจักษุแพทย์
รัชดาภรณ์ ตันติมาลา
A โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือโรคภูมิแพ้ มักไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงแก่ดวงตา ถึงขนาดทำให้ตามัวหรือตาบอดได้ ซึ่งโดยทั่วไปโรคตาแดงที่ไม่อันตราย แม้จะมีตาแดงอย่างไร การมองเห็นต้องไม่มัวลง. ถ้ามีตาแดงร่วมกับการมองเห็นลดลงหรือตามัว ให้ระวังว่าอาจเกิดจากโรคตาที่อาจเป็นอันตราย ในกรณีตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างแดง และมีตามัวลง ถ้ามีขี้ตาอาจเกิดจากการเป็นหนองที่กระจกตา หรือติดเชื้อรุนแรงในลูกตา หรือกรณีตาแดงและมัวที่ไม่มีขี้ตา อาจเกิดจากกระจกตาอักเสบ หรือม่านตาอักเสบ ดังนั้นในภาวะตาแดงที่มีตามัวร่วมด้วย ถือว่าอันตรายต้องรีบไปพบจักษุแพทย์.
ภาวะตาแดงอีกกรณีหนึ่งซึ่งไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ คือ เลือดออกใต้เยื่อบุตาขาว มักเกิดจากเผลอ ไปขยี้ตา อาจเพิ่งสังเกตเห็นในตอนตื่นนอน ลักษณะตาแดงเป็นปื้นสีแดงสดที่บริเวณตาขาว ไม่มีอันตราย เลือดจะไม่เข้าตาดำ ไม่ทำให้ตามัว และไม่ติดต่อกัน แนะนำว่าอย่าขยี้ตา อาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบตาวันละ 10 นาที เลือดมักค่อยๆจางและหายสนิทใน 10-14 วัน.
ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ.
จักษุแพทย์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
บรรณาธิการ
ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ พ.บ., น.บ.
สาขาวิชาจักษุวิทยา, คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์