"กองทุนเยียวยาผู้ให้บริการ" ขวัญกำลังใจในการทำหน้าที่เพื่อเพื่อนมนุษย์
►พนักงานขับรถยนต์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้ขับรถเพื่อส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งมี สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไปรับการรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ขณะขับรถเพื่อส่งต่อผู้ป่วย ได้ถูกรถกระบะเฉี่ยวชนทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำ พนักงานขับรถได้รับ บาดเจ็บสาหัส กระดูกสันหลังส่วนเอวข้อที่ 4 แตกและหัก ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 เดือนจึงกลับบ้านได้ และต้องรับการรักษาเพื่อติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
►ผู้ให้บริการปฏิบัติงานในตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ป่วยซึ่งมีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไปกับรถพยาบาลเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ขณะนำส่งรถส่งต่อได้ถูกเฉี่ยวชนทำให้เสียการทรงตัว รถพลิกคว่ำ ทำให้ผู้ให้บริการกระเด็นออกมานอกตัวรถ ถูกนำส่งกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
►ในฐานะผู้ให้บริการ ทั้งพนักงานขับรถยนต์ของโรงพยาบาล และพยาบาลวิชาชีพได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างไรในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า?
►ที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ออกข้อบังคับที่เรียกว่า ข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้ให้บริการได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข พ.ศ. 2546 โดยมีคณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเพื่อการชดเชย เป็นผู้พิจารณาเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
►กรณีพนักงานขับรถยนต์ของโรงพยาบาล คณะกรรมการพิจารณาฯ แล้วสรุปว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจากการให้บริการสาธารณสุขซึ่งให้โดยตรงแก่บุคคลตามหน้าที่ของหน่วยบริการ เมื่อพิจารณาถึงประเภทความเสียหาย จัดเป็นความเสียหายประเภทบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง ซึ่งข้อบังคับกำหนดให้จ่ายเงินช่วยเหลือได้ไม่เกิน 50,000 บาท โดยกรณีนี้คณะกรรมการฯ เห็นควรจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ผู้ยื่นคำร้องเป็นจำนวน 20,000 บาท ในส่วนกรณีของพยาบาลนั้น คณะกรรมการ พิจารณาฯ แล้วสรุปว่า และความเสียหายที่เกิดขึ้นดังกล่าว เกิดจากการให้บริการสาธารณสุขซึ่งให้โดยตรงแก่บุคคลตามหน้าที่ของหน่วยบริการ เมื่อพิจารณาความเสียหายจัดเข้าประเภทเสียชีวิต จึงให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นจำนวน 80,000 บาท
►ในปีงบประมาณ 2549 ที่ผ่านมา มีผู้ให้บริการยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวนทั้งสิ้น 80 ราย ผลการพิจารณาคำร้องของคณะกรรมการวินิจฉัยคำร้อง พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามข้อบังคับ 30 ราย และเข้าหลักเกณฑ์ตามข้อบังคับ 50 ราย
►ในปี 2550 นี้ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณสำหรับการชดเชยให้แก่ผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการจำนวน 18.8 ล้านบาท พร้อมกับปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือในกรณีผู้ให้บริการได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข ให้มีความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยออกเป็น "ข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อการชดเชยกรณีผู้ให้บริการได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข พ.ศ.2550" และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป
►ทำไมผู้ให้บริการจึงได้รับสิทธิประโยชน์นี้
การให้บริการสาธารณสุขเป็นการปฏิบัติงานที่อาจเกิดความเสียหายขึ้นกับทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการได้ มาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 กำหนดให้ผู้รับบริการที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในหน่วยบริการสาธารณสุข ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ส่วนการเยียวยาความเสียหายของผู้ให้บริการนั้น คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 (4) ซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ให้บริการในลักษณะเดียวกับผู้รับบริการได้ คณะกรรมการจึงออกข้อบังคับเรียกว่า "ข้อบังคับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วย หลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อการชดเชย กรณีผู้ให้บริการได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข พ.ศ. 2550"
อะไรคือเงินช่วยเหลือเบื้องต้น
►หมายถึง เงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจ่ายเป็นเงินช่วยเหลือเพื่อการชดเชยให้แก่ผู้ให้บริการหรือทายาท ในกรณีที่ผู้ให้บริการได้รับความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุข
ประเภทและอัตราจ่ายเงินช่วยเหลือ
►1. เสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร จ่ายเงินช่วยเหลือได้ ไม่เกิน 200,000 บาท
2. สูญเสียอวัยวะหรือพิการ จ่ายเงินช่วยเหลือได้ ไม่เกิน 120,000 บาท
3. บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง จ่ายเงินช่วยเหลือได้ ไม่เกิน 50,000 บาท
ใครมีสิทธิ์ยื่นคำร้อง
►ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องตามข้อบังคับนี้ ได้แก่ ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุข หรือทายาทของบุคคลดังกล่าว โดยต้องยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นที่สำนักงานสาขาของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในจังหวัดนั้น หรือที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ ทั้งนี้ต้องยื่นคำร้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ทราบความเสียหาย
หากผู้ให้บริการได้รับความเสียหายในพื้นที่เสี่ยงภัย อาจได้รับเงินช่วยเหลือมากกว่าอัตราที่กำหนด แต่ไม่เกิน 2 เท่าของอัตราดังกล่าว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะอนุกรรมการของจังหวัดในพื้นเสี่ยงภัยนั้นๆ
ระยะเวลาในการพิจารณา
►ข้อบังคับนี้กำหนดให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้อง