บ่ายวันนั้นหมอพงษ์พจน์ทำงานที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกด้วยความสุขเป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะว่าน้องเอม สาวน้อยวัยแรกรุ่นที่เป็นคนไข้ของคุณหมอนั้นน่ารักสวยใส แถมวันนี้เธอยังใส่สายเดี่ยว นุ่งกระโปรงสั้นแค่คืบมาอีกต่างหาก.
และนี่คือบทสนทนาที่ปาปาราซซี่ของเราแอบอัดเทปมาได้โดยบังเอิญครับ...
หมอพงษ์พจน์ : หวัดดีครับน้องเอม แต่งตัวสวยจังเลยนะครับวันนี้ (ด้วยความอยากจะสร้าง Doctor-Patient Relationship ที่ดี ก็เลยเอ่ยทักไปแบบนั้น)
น้องเอม : แหม คุณหมอชมหนูแบบนี้ เขินแย่เลยค่ะ
หมอพงษ์พจน์ : ไม่สบายเป็นอะไรมาครับ
น้องเอม : แบบว่าหนูเจ็บหน้าอกค่ะ
(โน้มตัวไปหาหมอข้างหน้า ไขว่ห้างจนเห็นต้นขาขาว ก่อนจะชี้มือไปตรงเนินอกของตัวเอง แล้วบอกกับคุณหมอหนุ่มว่า)
เจ็บแปล๊บๆ ตรงนี้ เดี๋ยวก็แรง เดี๋ยวก็เบา เดี๋ยวก็หายไป แบบว่าบางทีมีใจสั่นด้วย นะคะ อย่างนี้หนูจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าคะหมอ
หมอพงษ์พจน์ : เหรอครับ...เอ...
(หรี่ตา พร้อมกับกลืนน้ำลายเอื๊อก เพราะเนินอกของหนูเอมนั้นขาวเสียเหลือเกิน แถมสาวๆ วัยรุ่นสมัยนี้ หน้าอกหน้าใจเติบโตเกินวัยอีกต่างหากเล่นเอาคุณหมอหนุ่มเริ่มใจสั่นขึ้นมาเสียเอง)
หมอว่าไม่น่าเป็นโรคหัวใจนะครับ วัยอย่างน้องเอมนี่ไม่ค่อยเป็นโรคหัวใจหรอก ต้องคนสูงวัยนั่นละถึงจะพบโรคหัวใจได้ แบบน้องเอมนี่ ถ้าจะเป็นหมอว่าน่าจะเป็นหัวใจว้าเหว่มากกว่า
น้องเอม (ชะม้ายตามองคุณหมอหนุ่มด้วยท่าทางขวยเขิน) : ก็อาจจะเป็นได้นะคะ หนูเพิ่งเลิกกับแฟนไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง
มอพงษ์พจน์ : หมอว่าน้องเอมอาจจะเครียดนะครับ (หมอหนุ่มของเราบอกกับคนไข้สาว หลังจากตรวจร่างกายอย่างละเอียด) เดี๋ยวหมอจะสั่งยาให้ เวลาว่างๆ น้องเอมลองหากิจกรรมอะไรสนุกๆ ทำสิครับ จะได้ไม่คิดมาก
น้องเอม : กิจกรรมอะไรสนุกๆ ล่ะคะ หมอช่วยแนะนำหนูหน่อยสิ หนูเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักใครเลย
หมอพงษ์พจน์ : น้องเอมชอบเล่นกีฬาไหมล่ะครับ หมอชอบตีแบดมินตัน ช่วงนี้เพื่อนๆ ที่ตีแบดด้วยกันไม่ค่อยมีเวลาว่าง หมอเลยไม่ค่อยได้ไปตีแล้ว
น้องเอม : เหรอคะ (ทำตาโต) หนูอยากเล่นกีฬาเหมือนกัน แบดมินตันก็น่าสน แต่หนูไม่เคยตีมาก่อน คุณหมอว่าตีแบดดีใช่ไหมคะ เอาไว้หนูไปตีมั่งดีกว่า...แต่สงสัยต้องหาครูสอนตีเสียแล้วละ
หมอพงษ์พจน์ : เอ่อ...เอายังงี้ไหมล่ะ ถ้าน้องเอมอยากตีแบดจริงๆ เอาไว้เย็นวันไหนมีเวลาว่าง หมอสอนให้ก็ได้ ดีไหมครับ
น้องเอม (ทำตาโต ชะโงกหน้าไปหาคุณหมอหนุ่มด้วยความดีใจ) : จริงนะคะ คุณหมอสัญญากับหนูแล้วนะคะ เย็นนี้หนูว่างค่ะ คุณหมอว่างหรือเปล่าคะ ไปตีกันวันนี้เลยดีไหมคะ
แกร๊ก...
แหม...น่าเสียดายครับ ที่ปาปาราซซี่ของเราเทปหมดพอดี เลยไม่ได้ฟังตอนจบของบทสนทนา ไม่รู้กันว่าคุณหมอพงษ์พจน์ตอบน้องเอมไปว่าอย่างไร จะตกลงหรือว่าปฏิเสธ
'ไม่ว่าจะเลือกคำตอบข้อใด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างหมอพงษ์พจน์และน้องเอมดูจะไม่เหมาะสมสักเท่าใด เพราะหมอกำลังล้ำเส้นความเป็นหมอ และคนไข้ก็กำลังล้ำเส้นของความเป็นคนไข้ คนทั้งสองกำลังเล่นกับไฟที่ร้อนแรง และพร้อมจะเผาไหม้ทุกคนที่เข้าใกล้'
แอบได้ยินบทสนทนาของคุณหมอหนุ่มของเรากับคนไข้สาวสวยแล้วคิดอย่างไรบ้าง ลองตอบจริงๆด้วยความรู้สึกจากใจเลยนะครับ
ก. น่าอิจฉาจริงๆ ได้เจอคนไข้สวยๆ น่ารัก แถมยังมีนัดกันต่ออีกต่างหาก
ข. น่าเบื่อ หัวงู ทุเรศ เพราะฉันเป็นหมอผู้หญิงย่ะ ถ้าคนไข้เป็นหนุ่มหล่อ หมอเป็นสาวสวยอย่างฉันสิ ถึงค่อยน่าอิจฉา
ค. น่าเกลียดที่สุด หมออะไรช่างไร้จรรยาบรรณสิ้นดี
ง. เฮ้อ...นึกว่ากำลังดูหนังเกาหลีอยู่ซะอีก
คุณหมอเลือกข้อไหนครับ ส่วนผมตอบข้อไหนนั้น...ไม่บอกหรอกครับ อย่ามาหลอกถามกันเสียให้ยากเลย.
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างหมอพงษ์พจน์ กับน้องเอมเรียกว่า Seduction ครับ.
Seduction ถ้าจะแปลกันให้ตรงตัว จะหมายถึง การชักชวนไปในทางที่ผิด, หว่านเสน่ห์, ล่อลวง, เกลี้ยกล่อม, ปากหวาน ทำให้ลุ่มหลง...จะแปลว่าอย่างไร ล้วนแต่เป็นความหมายที่ส่อไปในทางไม่ดีทั้งสิ้น.
ในกรณีของหมอพงษ์พจน์นี้ คงยากที่จะบอกว่าใครยั่วยวนใคร ใครล่อลวงใครกันแน่ ดูเหมือนว่าทั้งหมอและคนไข้ต่างยั่วเย้ากันทั้งสองฝ่าย และคำถามข้างต้นนั้นก็คงไม่มีตัวเลือกไหนที่ถูกต้องที่สุดหรอกครับ เพราะคำตอบแต่ละข้อขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางความคิดและวุฒิภาวะของแต่ละท่าน.
ไม่ว่าจะเลือกคำตอบข้อใด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างหมอพงษ์พจน์และน้องเอมดูจะไม่เหมาะสมสักเท่าใด เพราะหมอกำลังล้ำเส้นความเป็นหมอ และคนไข้ก็กำลังล้ำเส้นของความเป็นคนไข้ คนทั้งสองกำลังเล่นกับไฟที่ร้อนแรง และพร้อมจะเผาไหม้ทุกคนที่เข้าใกล้.
อย่านึกประมาทนะครับว่าเรื่องแบบนี้ คงจะมีแต่ในหนังน้ำเน่าเท่านั้นละ ไม่มีในชีวิตจริงหรอก.
จริงหรือเปล่าครับ...ผมอยากย้อนถามคุณหมอดูอีกสักครั้ง...
คุณหมออาจจะปฏิเสธว่าไม่จริง ผม/ฉันเป็นคนดี มีศีลธรรมและจรรยาบรรณ ไม่เคยตกอยู่ในภาวะเช่นนี้แน่ แต่ผมมั่นใจนะว่าอย่างน้อยคุณหมอคงต้องเคยได้ยิน ได้ฟังว่ามีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนแพทย์มาบ้างแล้วแน่ๆ เพราะในชีวิตจริงของแพทย์เรา เรื่อง Seduction ในเวชปฏิบัติสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่เลือกวัน ไม่เลือกเวลา ไม่เลือกเพศและวัย.
ไม่ว่าคุณหมอจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ หรือเลสเบี้ยน ไม่ว่าคุณหมอจะหนุ่มแน่น สาวสะพรั่ง เป็นหนุ่มใหญ่ สาววัยทอง หรือแม้แต่วัยเกษียณอายุราชการ ตราบใดที่หมอยังเป็นมนุษย์ปุถุชน มีรัก โลภ โกรธและหลง อารมณ์ปรารถนาและความลุ่มหลงในตัวของคนไข้ย่อมสามารถเกิดขึ้นกับคุณหมอได้ในทุกช่วงเวลา.
เส้นแบ่งระหว่าง Seduction กับความปรารถนาดีกับคนไข้ บางเบานิดเดียว หากคุณหมอเผลอใจเผลอกาย ตกเป็นทาสของอารมณ์และความรู้สึกภายใน ความหวังดีต่อคนไข้ ความสงสาร ความผูกพันที่มี ต่อคนไข้ก็อาจจะล่วงล้ำไปเป็น Seduction ได้โดยง่าย.
คุณหมออาจจะเถียงว่า ไม่จริง...การที่ฉันพูดดีกับคนไข้ เอาใจใส่ดูแลคนไข้ เพราะฉันกำลังดูแลเขาอย่างเป็นองค์รวม ดูแลเลยไปถึงจิตวิญญาณ- Spiritual ต่างหาก ไม่ใช่ Seduction สักหน่อย.
ถ้าคุณหมอไม่แน่ใจว่าการกระทำ วาจา ท่าทางของคุณหมอที่มีต่อคนไข้นั้น เข้าข่าย Seduction หรือเปล่า ศาสตราจารย์ Duckworth และคณะ1 แนะนำว่าให้ลองถามตนเองด้วยคำถาม 4 ข้อดังนี้
1. พฤติกรรมของคุณหมอ เป็นพฤติกรรมของแพทย์หรือไม่.
2. คุณหมอสังเกตว่าคนไข้กำลังอึดอัดหรือไม่.
3. สิ่งที่คุณหมอทำ ทำเพื่อคนไข้ มากกว่าทำเพื่อตัวเองใช่ไหม.
4. พฤติการณ์ของคุณหมอ ช่วยทำให้คนไข้สุขภาพดีขึ้นหรือเปล่า.
ถ้าหากคำตอบของคำถามทั้ง 4 ข้อ เพียงแต่ข้อใดข้อหนึ่งตอบว่า "ไม่" นั่นเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ว่า คุณหมอกำลังก้าวล้ำจากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหมอ และคนไข้ (Professional Doctor-Patient Rela-tionship) ไปสู่การล่อลวง (Seduction) แล้วละครับ.
โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก ค่านิยมและศีลธรรมของผู้คนในยุคปัจจุบันตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย มหาวิทยาลัยแพทย์แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา แสดงสถิติที่น่าตกใจว่าอัตราการเกิด Seduction ในเวชปฏิบัติกำลังเพิ่มมากขึ้นหลายสิบเท่าในทศวรรษนี้.2
การล่อลวงหรือ Seduction ไม่ได้หมายถึงการล่อลวงให้มีความสัมพันธ์ทางเพศเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการล่อลวง หลอกล่อเอาทรัพย์สมบัติ ข้าวของเงินทองจากคนไข้อีกด้วย.
การล่อลวงเป็นสิ่งที่พึงระวังในเวชปฏิบัติ เพราะเป็นการกระทำที่อันตรายมาก ทั้งผิดกฎหมาย เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง ผิดศีลธรรมจรรยา ผิดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพ รวมไปถึงเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของตัวคุณหมอเองอีกด้วยนะครับ.
ผมเรียนคุณหมอว่า Seduction เป็นพฤติกรรมที่น่าอับอาย เป็นอันตราย สมควรอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยง แต่ด้วยวิชาชีพความเป็นแพทย์ บางครั้งเราก็มีความผูกพันใกล้ชิดคนไข้มากเสียจนเรื่องราวเหล่านี้อาจจะเกิดได้โดยไม่ทันรู้ตัว.
มีคำแนะนำง่ายๆ สำหรับคุณหมอเอาไว้เตือนใจ เพื่อจะระวังพฤติกรรมของตนเอง ไม่ให้กลายไปเป็น Seduction ดังนี้ครับ.
1. ในการซักประวัติคนไข้ บ่อยครั้งที่คนไข้จะนำคุณหมอออกนอกเรื่อง ไปสนทนาถึงเรื่องอื่นๆ หรือ บางครั้งก็ตัวคุณหมอเองนั่นละ ที่จะออกนอกเรื่องชวนคนไข้คุยเรื่องส่วนตัวนอกเหนือจากเรื่องความเจ็บป่วย.
เมื่อคุณหมอรู้สึกตัวว่าในการซักประวัติชักจะออกนอกเรื่องไปไกล...ให้รีบดึงบทสนทนากลับมาสู่ปัญหาสุขภาพปัจจุบันที่นำคนไข้มาหาเราครับ ตัวอย่างประโยคง่ายๆ คุณหมอพงษ์พจน์อาจจะพูดกับน้องเอมว่า
"ขอโทษนะครับ หมอว่าเราชักจะคุยกันนอกเรื่องไปสักหน่อย ไหนคุณเอมลองเล่าอาการเจ็บหน้าอกให้หมอฟังอีกสักครั้งสิครับ".
2. ทุกโรงเรียนแพทย์เคยสอนเอาไว้แล้วนะครับว่า เมื่อต้องตรวจร่างกายคนไข้ที่ค่อนข้างจะเปิดเผย (expose) คุณหมอควรมีพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอยู่เป็นเพื่อนด้วยเสมอ เพื่อเป็นการป้องกันทั้งตัวคนไข้ และตัวของคุณหมอเองครับ.
3. แม้ตำราจะบอกว่า เราควรเข้าใจคนไข้ ในทุกมิติ ควรจะดูแลคนไข้เป็นแบบองค์รวม ดูแลไปถึงจิตใจและจิตวิญญาณ แต่คุณหมอจะต้องไม่ลืมปัญหาสุขภาพกายที่นำคนไข้มาหาเรา.
หากคุณหมอเกิดความรู้สึกอื่นๆ นอกเหนือจากความรู้สึกปกติระหว่างหมอและคนไข้ ให้ตระหนักไว้ว่าคุณหมอกำลังจะ Seduction คนไข้ได้ในทุกขณะ พยายามมีสมาธิ รวบรวมจิตใจของคุณหมอให้จดจ่ออยู่กับอาการป่วย อาการแสดง การตรวจร่างกายคนไข้นะครับ อย่าวอกแว่ก (Stay Alert to the Problem).3
ในทางกลับกัน ถ้าคนไข้เริ่มแสดงท่าทางว่าเริ่มจะหลงใหล และเกิดความผูกพันกับคุณหมอเป็นอย่างมาก มากเกินกว่าคนไข้พึงจะมี คุณหมอก็ต้องใช้หลักการเดียวกันครับ คือ มีสมาธิกับอาการป่วยของคนไข้ให้มากที่สุด อย่าให้ความสนใจกับสิ่งอื่น.
4. ทุกๆ ครั้งที่ได้รับของขวัญ ของกำนัล หรือคำเชิญชวนจากคนไข้ คุณหมอควรตระหนักอยู่เสมอว่า การที่คนไข้ให้ของขวัญเรามาแต่ละชิ้นนั้นมีความหมายใดแฝงเร้นอยู่หรือไม่ (Stay alert to the meaning of gifts and invitations).
คนไข้หลายคน มีจิตเจตนาดีจริงๆ ต้องการจะตอบแทนน้ำใจที่คุณหมอดูแลเขา ดูแลพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ลูกเมียของเขาเป็นอย่างดี ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอื่นใดแอบแฝง.
แต่ในขณะเดียวกัน คนไข้หลายรายมอบของขวัญให้กับคุณหมอในความหมายของ Seduction.
เขาอาจจะมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นว่า เมื่อให้ของขวัญคุณหมอแล้ว คุณหมอจะต้องดูแลเขาเป็นอย่างดีกว่าคนไข้อื่น ให้ความสะดวกรวดเร็ว ให้ช่องทางด่วน เป็นต้น ตรงนี้ต้องระวังให้ดีนะครับ.
ขอแนะนำให้คุณหมอปฏิบัติต่อคนไข้เสมอกันทุกราย ไม่ว่าเขาจะมีของขวัญ มีของกำนัลมอบให้คุณหมอหรือไม่ ทุกคนเป็นคนไข้ของคุณหมอโดยเท่าเทียมกัน.
ถ้ามีคนไข้ที่ชอบนำของกำนัลมามอบให้คุณหมอควรจะหาโอกาสเหมาะๆ คุยกับคนไข้ตรงๆ ว่า ถึงแม้จะมีหรือไม่มีของขวัญมามอบให้คุณหมอ คุณหมอก็จะดูแลเขาอย่างดีที่สุดเท่าเทียมกัน (และคุณหมอต้องทำให้ได้อย่างที่พูดจริงๆด้วยนะครับ ไม่ใช่พอมีของขวัญมาให้แล้วคุณหมอหน้ายักษ์กลายร่างเป็นคุณหมอหน้ายิ้มทันที...แบบนั้นคนไข้ไม่เชื่อที่ คุณหมอบอกหรอกครับ).
5. เป็นข้อแนะนำที่สำคัญที่สุดครับ...กรุณาอย่ามีเพศสัมพันธ์ อย่ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งทางกายกับคนไข้โดยเด็ดขาด...
หากคุณหมอเผลอใจไปมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนไข้เมื่อใด นั่นหมายถึงว่า คนไข้ได้สูญเสียแพทย์ที่ดูแลเขาไปแล้วตลอดกาลครับ.4
6. ถ้าทำตามคำแนะนำทั้ง 5 ข้อข้างต้นไม่ได้ คุณหมอรู้สึกว่าเริ่มควบคุมกายและใจของตนเองไม่ได้แล้วละก็....ผมแนะนำข้อสุดท้ายว่า คงถึงเวลาที่คุณหมอจะต้องโอนคนไข้คนนั้น ให้ไปอยู่ในความดูแลของแพทย์ท่านอื่นแล้วละครับ.
เอกสารอ้างอิง
1. Duckworth KS, Kahn MW, Gutheil TG. Role, Quandaries, and remedies : Teaching Professional Boundaries to Medical Students. Harv Rev Psychiatry 2004;1:266-270.
2. Dehlendorf CE, Wolfe SM. Physicians dis-ciplines for sex-related offenses. JAMA 2001;279:1883-1888.
3. Frankel RM, Willams S, Edwardsen EA. Sexual Issues and Professional Development. In: Feldman MD, Christensen JF, eds. Behavioral Medicine in Primary Care: A Practical Guide, 2nd ed. New York: Lange Medical Books, 2003.
4. Council on Ethical and Judicial Affairs, American Medical Association. Sexual Mis-conduct in the Practice of Medicine. JAMA 1991;266:2741.
พงศกร จินดาวัฒนะ พ.บ.
ว.ว. (เวชปฏิบัติทั่วไป)
อ.ว. (เวชศาสตร์ครอบครัว)
ศูนย์สุขภาพชุมชน 1
กลุ่มงานเวชกรรมสังคม
โรงพยาบาลราชบุรี