นายแพทย์อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา ให้ข่าวว่า เมื่อวันที่ 30,31 สิงหาคม 2550 ที่ผ่านมา แพทยสภา นำโดย นายแพทย์อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา, นายแพทย์สัมพันธ์ คมฤทธิ์ รองเลขาธิการแพทยสภา, นาวาอากาศเอก (พิเศษ) นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ และนายแพทย์ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ได้เสนอโครงการจัดอบรมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นพยานศาล ณ ห้องประชุมนายแพทย์ไพจิตร ปวะบุตร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. ได้เรียนเชิญผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วยผู้พิพากษา อัยการ และทนายความ เป็นวิทยากร มาให้ความรู้ความเข้าใจแก่แพทย์ที่สนใจจำนวนประมาณสามร้อยคน เพื่อให้ทราบถึงสิทธิ หน้าที่ และแนวการปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกรอบบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่มีอยู่ ในการเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการประกอบวิชาชีพเวชกรรมและมาตรฐานการประกอบวิชาชีพนั้นมีความซับซ้อนและเป็นเรื่องที่มีความเฉพาะ บุคคลอื่นที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพอาจเข้าใจได้ยาก. การนำเสนอข้อเท็จจริงการประกอบวิชาชีพดังกล่าวต่อกระบวนการยุติธรรมโดยละเอียดย่อมจะทำให้บุคคลซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องได้ใช้ประโยชน์จากความรู้ทางการแพทย์หรือทางวิทยาศาสตร์ เพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีให้มีความยุติธรรมสูงสุด.
วัตถุประสงค์ในการจัดอบรมฯในครั้งนี้ เพื่อให้แพทย์ที่ผ่านการอบรมมีความรู้ความเข้าใจต่อการเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในศาล ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา. แพทย์ที่เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญนั้น อาจเป็นพยานของฝ่ายโจทก์หรือพยานฝ่ายจำเลยก็ได้ หรือจะเป็นพยานที่ศาลแต่งตั้งเองก็ได้. หมายความว่าไม่ว่าจะเป็นพยานฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลย ก็สามารถเชิญมาเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญฝ่ายของตนได้ หรือแม้ศาลเองเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมก็แต่งตั้งพยานผู้เชี่ยวชาญ ที่ศาลแต่งตั้งได้คุณสมบัติในการเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญจึงจำเป็นจะต้องประกอบด้วยการเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญต่อเรื่องที่เฉพาะเจาะจงนั้นๆ เพราะสาขาทางการแพทย์มีมากมายหลายสาขา. แพทย์แต่ละท่านย่อมมีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาแตกต่างกัน. นอกจากนี้ประสบการณ์การทำงานก็ย่อมจะมีความสำคัญ เช่นผู้ที่มีคุณวุฒิแต่เพิ่งจบการศึกษาย่อมมีความเชี่ยวชาญไม่เท่ากับผู้ที่มีประสบการณ์การประกอบวิชาชีพมานานแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด การเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญจะต้องมีศีลธรรมอันดี และจะต้องมีความเป็นกลาง ในการให้ข้อเท็จจริงทางวิชาการ เพื่อคุณประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอย่างแท้จริง.
ดังนั้นการอบรมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นพยานศาลในครั้งนี้ จึงมิใช่เพื่อเข้าข้างแพทย์ที่ไม่ดีให้ชนะคดี ตามที่มีผู้พยายามนำกรณีการอบรมดังกล่าวไปกล่าวหาในด้านลบให้ผิดเพี้ยนไปจากความจริงของเจตนารมณ์การอบรมแต่อย่างใด. แพทยสภาจึงเรียนมาเพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงและประโยชน์ของการมีพยานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทำให้คดีต่างๆ มีข้อเท็จจริงถูกต้องตามหลักวิชาการและมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมอย่างแท้จริง.
อำนาจ กุสลานันท์ พ.บ. น.บ., น.บ.ท.,
ว.ว. (นิติเวชศาสตร์)
ศาสตราจารย์คลินิก
เลขาธิการแพทยสภา