นักวิจัย สกว. พบหนทางใหม่ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งมีโอกาสหายได้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่จำเพาะต่อการทำลายเซลล์ มะเร็ง ระบุในระดับหลอดทดลอง เซลล์เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึง 100 เท่า สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ดี เผยขณะนี้ขยายผลทดลองในหนู พบก้อนมะเร็งไม่โตเชื่อจะสามารถนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีอาการไม่มากให้หายขาดจากโรคได้พร้อมทั้งช่วยป้องกันผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้น ไม่ให้ย้อนกลับมาเป็นโรคมะเร็งอีกครั้งที่สำคัญยังมีแนวทางใช้เพิ่มประสิทธิภาพภูมิต้านทานในผู้ป่วยโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้ในอนาคต เช่น โรคเอดส์ มาลาเรีย เป็นต้น.
นับวันสถานการณ์ผู้ป่วย " โรคมะเร็ง" ในประเทศไทยดูจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น อัตราการตายของผู้ป่วยจากโรคมะเร็ง สูงเป็นอันดับต้นๆ ไม่ต่างไปจากการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และอุบัติเหตุ อาจเพราะโรคมะเร็งส่วนใหญ่ไม่มีอาการบ่งชี้. ผู้ป่วยมักทราบอาการในระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นไปได้ยากในการรักษา. ผลการสำรวจพบว่าโอกาสการรักษาหายของผู้ป่วยโรคมะเร็งในผู้ใหญ่มีเพียงร้อยละ 30-40 ส่วนในเด็กมีโอกาสหายจากโรคมะเร็งสูงกว่าคือร้อยละ 70 ทว่าโอกาสหายก็มิใช่หายขาด เพราะผู้ป่วยบางส่วนยังต้องเผชิญกับ " ภาวะโรคกลับ" หากภูมิต้านทานไม่แข็งแรง ขณะที่วิธีการรักษารูปแบบเดิมก็ยากที่จะเยียวยาได้.
ทุกวันนี้มีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมากต้องประสบปัญหาการเป็นกลับของโรค เนื่องจากคำว่าหายจากโรคมะเร็งนั้น เป็นเพียงสภาวะที่ร่างกายของผู้ป่วยดีขึ้น มีภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรงเพียงพอที่จะทำลายเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเซลล์มะเร็งจะถูกทำลายทั้งหมดร้อยละ 100 แต่ยังคงมีเซลล์มะเร็งบางส่วนเหลืออยู่ ซึ่งรอให้เซลล์เม็ดเลือดขาวของร่างกายสร้างภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น และเข้าทำลายเซลล์มะเร็งที่ยังคงเหลืออยู่น้อยให้หมดไป ผู้ป่วยจึงจะหายขาดจากโรคมะเร็ง.
หากแต่ว่าผู้ป่วยบางส่วนที่ผ่านแนวทางการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีการใช้ยาเคมีบำบัด การผ่าตัด และการฉายแสง มายาวนานได้ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอยู่ในภาวะต่ำมากเกินไป ร่างกายจึงต้องอาศัยระยะเวลาในการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาใหม่ไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งที่แฝงอยู่ได้ทันที. ฉะนั้นเมื่อใดที่ผู้ป่วยอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำเซลล์มะเร็งที่แฝงอยู่ในร่างกายก็สามารถเจริญเติบโตและเข้าทำลายเซลล์ร่ายกาย ผู้ป่วยจึงมีโอกาสกลับมาเป็นโรคมะเร็งอีกครั้ง.
ดังนั้นทำอย่างไรให้ภูมิต้านทานในร่างกายซึ่งมีอยู่ต่ำนั้นสามารถกลับมาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่ให้หมดไป ซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยผู้ป่วยให้รอดพ้นจากโรคมะเร็งอย่างถาวร.
ปัจจุบันแนวทางการรักษาที่เป็นไปได้และกำลังมีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศคือเทคนิค " การเพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาว" โดยอาศัยการกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวประเภทต่างๆ ซึ่งมีผลต่อการทำลายเซลล์มะเร็ง (effector cell) เพื่อใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยเซลล์เม็ดเลือดขาวที่นำมากระตุ้นเพื่อเพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพที่ได้ที่น่าสนใจคือ cytotoxic T lymphocyte (CTL) และ cytokine induced killer cell (CIK) เนื่องจากเซลล์เหล่านี้สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีในหลอดทดลอง.
ด้วยเหตุนี้ การพัฒนา dendritic cell (DC)และ cytotoxic T lymphocyte (CTL) และ cytokine induced killer cell (CIK) สำหรับรักษาโรคมะเร็งด้วยการกระตุ้นจากสารเคมี เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมากจากเดิมเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งไม่สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้เลย กลับสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้นกว่าเดิม 50-100 เท่า ซึ่งสังเกตหรือตรวจวัดได้จากจำนวนเซลล์มะเร็งที่ตายในหลอดทดลอง.
ก้อนมะเร็งที่เกิดจากการฉีดเซลล์มะเร็งท่อน้ำดีจากคนเข้าไปในหนูเมื่อได้รับเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เตรียมจากห้องทดลองนั้นมีขนาดเท่าเดิมหรือเล็กลงแต่หนูซึ่งไม่ได้รับเซลล์เม็ดเลือดขาวกลับมีก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น จึงมีความเป็นไปได้มากในการนำมาใช้รักษาผู้ป่วยซึ่งมีอาการไม่มากนักให้หายขาดจากโรคมะเร็งได้. ที่สำคัญการรักษาในแนวทางนี้ยังสามารถนำไปใช้กับโรคติดเชื้อ อาทิ โรคเอดส์ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติภูมิคุ้มกันได้ จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตมากขึ้น.
บทคัดย่อจากงานวิจัยของ
สุรเดช หงส์อิง พ.บ.,รองศาสตราจารย์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)