คำอธิบายเกี่ยวกับข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ที่ร่างนี้อาจอธิบายได้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. การแพทย์แผนปัจจุบันเป็นการแพทย์ ที่ดีที่สุดในทางวิทยาศาสตร์ และอาศัยหลักทางวิทยาศาสตร์ดำเนินการ
อธิบาย
หมายถึงในปัจจุบันนี้การแพทย์ที่ใช้อยู่คือ การแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้แนวทางตะวันตก (modern western medicine) ถือว่าเป็นการแพทย์ที่ดีที่สุด สามารถพิสูจน์ได้ และใช้เทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์เข้าช่วยในการดำเนินการ จึงมิใช่เป็นการแพทย์ที่ไม่มีหลักเกณฑ์และไม่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งต่างจากการแพทย์อื่นที่อาจพิสูจน์ไม่ได้ซึ่งมีอยู่ในประเทศไทย.
ข้อ 2. การแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาโรคได้ทุกโรคหรือทุกสภาวะ การป่วยเจ็บในบางโรคหรือบางสภาวะจึงรักษาได้เพียงการบรรเทาตามอาการหรือประคับประคองเท่านั้น
อธิบาย
โดยทั่วไปการที่บุคคลจะมายังสถานพยาบาลนั้นก็เพื่อการตรวจ การรักษา การบรรเทา การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับการเจ็บป่วย ซึ่งอาจจากโรคหรือจากความบกพร่องของร่างกาย (ส่วนน้อยที่มาอาจต้องการเพื่อให้ทางการแพทย์รับรอง หรือการเก็บพยานหลักฐานทางการแพทย์ในด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ในข้อขัดแย้งหรือเพื่อเหตุผลอื่นๆ) โดยมีความคาดหวังไว้อย่างสูงว่าจะต้องหายจากการป่วยเจ็บดังกล่าว.
แต่แท้ที่จริงแล้วในการดำเนินการทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการรักษา การบำบัด ฯลฯ นั้นยังไม่สามารถที่จะกระทำได้อย่างเต็มที่หรือให้หายจากอาการป่วยนั้นได้ทั้งหมด ซึ่งโดยทั่วไปอาจแบ่งสภาวะของการป่วยเจ็บหรือสภาพของโรคได้เป็น
ก. แต่กำเนิด (congenital).
ข. จากการติดเชื้อ (infection).
ค. การบาดเจ็บ (trauma).
ง. เนื้องอก (tumor).
จ. การเสื่อมสภาพของร่างกาย (degenerative).
ฉ. กระบวนการเมตาบอลิซึมรวมถึงระบบต่อมไร้ท่อ (metabolic).
ช. การได้รับพิษ (intoxication).
ซ. จากระบบประสาท (neurogenic).
ฌ. อื่นๆ (other).
ซึ่งจะเห็นได้ว่าในแต่ละกลุ่มที่กล่าวมานั้นบางกลุ่มก็รักษาได้ เช่น จากการติดเชื้อแต่บางกลุ่มก็รักษาไม่ได้ เช่น ที่เป็นมาแต่กำเนิด หรือจากเนื้องอก (อาจรักษาได้แต่เป็นส่วนน้อย) ยิ่งกว่านั้นในกลุ่มที่รักษาได้ทั้งหมดในทุกกลุ่มแล้วก็รักษาได้เพียงบาง ส่วนเท่านั้นมิใช่รักษาได้ทั้งหมด.
ตัวอย่าง
โรคมาเลเรีย สามารถรักษาได้โดยยา แต่ยังมีเชื้อที่ดื้อต่อยาบ้าง.
โรคไส้ติ่งอักเสบ สามารถรักษาให้หายได้ โดยการผ่าตัดอย่างสิ้นเชิง.
โรคพิษสุนัขบ้า โรคเอดส์ โรคซาร์ส (SARS) แม้กระทั่งโรคหวัดจากไวรัสธรรมดาก็ยังไม่สามารถที่จะรักษาได้ การรักษาจึงเป็นไปตามอาการหรือรักษาโรคแทรกซ้อน และสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงเท่านั้น.
อาจแบ่งประเภทของโรคหรือสภาวะต่างๆ ในทางการแพทย์กับผลเมื่อให้การให้การดำเนินการทางการแพทย์แล้วออกคร่าวๆ ได้ดังนี้
ก. รักษาหรือไม่รักษาก็หาย (เป็นการหายเองตามสภาพของโรค)
ตัวอย่าง
โรคหวัดแม้ไม่ให้การรักษาเลยเพียงแต่ดื่มน้ำมากๆ และดูแลบำรุงรักษาสุขภาพ กินอาหารให้ครบ ทุกหมู่ให้เพียงพอเพียงเท่านี้โรคหวัดก็จะหายเองได้.
ข. รักษาจึงจะหาย ถ้าไม่รักษาจะไม่หาย
ตัวอย่าง
โรคไส้ติ่งอักเสบต้องได้รับการผ่าตัด เมื่อผ่าแล้วก็จะหายดี แต่ถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดก็ไม่หายอย่างแน่นอน.
ค. รักษาจะดีขึ้นแต่ไม่หาย
ตัวอย่าง
โรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอดในระยะแพร่กระจาย (ระยะที่ 4) จะทำการรักษาอย่างใดก็ไม่หาย แต่การรักษาอาจช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้บ้าง.
ง. รักษาหรือไม่รักษาก็ตาย
ตัวอย่าง
ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงมีกะโหลกศีรษะแตกและเลือดออกในโพรงกะโหลกศีรษะอย่างมากและผู้ป่วยมี Glasgow Coma Score เพียง 3 เท่านั้น เช่นนี้การให้การรักษาหรือไม่รักษา ผู้ป่วยก็จะถึงแก่ความตายอยู่ดี.
เมื่อทราบถึงความเกี่ยวเนื่องของการดำเนินการทางการแพทย์กับผลที่ได้รับแล้วจึงทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น อย่างน้อยที่สุดย่อมทำให้ผู้รับการดำเนินการทางการแพทย์ได้เข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการทางการแพทย์ได้ดีขึ้นถึงผลที่จะได้รับภายหลังการรักษา.
ข้อ 3. ในกระบวนการดำเนินการทางการแพทย์อาจเกิดสภาวะอันไม่พึงประสงค์ได้เสมอแม้ผู้ดำเนินการทางการแพทย์จะใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
อธิบาย
" สภาวะอันไม่พึงประสงค์ " หมายถึง สภาวะที่ในทางการแพทย์ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นแต่กลับเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้วในสภาวะวิสัยและพฤติการณ์ที่เป็นอยู่เช่นนั้น (ต้องไม่ลืมว่าการที่แพทย์อยู่ในสภาวะที่จะต้องตัดสินใจดำเนินการทางการแพทย์แข่งกับ เวลานับว่าเป็นข้อจำกัดอันสำคัญในการตัดสินใจ : เคยมีผู้ยกตัวอย่างว่าการตัดสินของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกายังไม่เหมือนกัน แม้ว่ามีเวลาในการพิจารณาอย่างมากมายแล้วก็ตาม).
กรณีไม่เข้ากับเรื่องความประมาท เพราะสภาวะอันไม่พึงประสงค์นี้เป็นเรื่องที่แม้ให้ความระมัดระวังอย่างที่สุดแล้วก็ยังเกิดขึ้นได้ อาจเข้ากรณีเรื่อง "เหตุสุดวิสัย " นั่นเอง.
ประมาท8 หมายถึง เลินเล่อ, เผลอเรอ, ลืมสติ, มัวเมา.
ในมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายอาญา9 บัญญัติไว้ว่า
"การกระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนาแต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวัง เช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ "
คำว่า "ประมาทเลินเล่อ " ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น หมายถึง ไม่จงใจแต่ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรที่จะใช้รวมถึงในลักษณะที่บุคคลมีความระมัดระวังจะไม่กระทำด้วย10
คำว่า " เหตุสุดวิสัย"
เหตุ8 หมายถึง สิ่งหรือเรื่องที่ทำให้เกิดผล, เค้ามูล, ต้นเรื่อง, ข้อความ, เรื่องที่เกิดขึ้น, เรื่องราว
สุดวิสัย8 หมายถึง เหลือวิสัย, เป็นไปไม่ได้
เหตุสุดวิสัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์11 มาตรา 8 บัญญัติไว้ว่า
" เหตุใดๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดี ผลวิบัติก็ดี ไม่มีใครอาจจะป้องกันได้ แม้บุคคลที่ต้องประสบหรือใกล้จะประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะเช่นนั้น"
ข้อ 4. สภาวะอันไม่พึงประสงค์ในทาง การแพทย์มีมากมายหลายประการที่สำคัญ เช่น......ฯลฯ
อธิบาย
ในทางการแพทย์มีสภาวะอันไม่พึงประสงค์อย่างมากมาย แต่ที่สำคัญ เช่น
ก. การติดเชื้อ
ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อเฉพาะที่ ระบบใดระบบหนึ่ง หรือว่าจะเป็นในลักษณะทั่วไปตามกระแสเลือด.
ข. การแพ้ยา สารเคมีหรือวัสดุทางการแพทย์
- Anaphylactic shock เป็นสภาวะการแพ้อย่างรวดเร็วและรุนแรง.
- Drug or instrumental allergy การแพ้อาจเป็นเฉพาะที่หรืออาจเป็นทั่วร่างกาย ความรุนแรงอาจน้อยมาก เช่น เป็นผื่นคันหรือเป็นปื้นขึ้นมา จนถึงกับเป็นมากทั่วร่างกายและมีการลอกหลุดของผิวหนังในลักษณะที่เรียกว่า Stevens Johnson' s syndrome ก็ได้.
- Hypersensitivity to medicine.
- Adversed drug reaction.
ค. การหลุดลอยของเนื้อเยื่อ กลุ่มเซลล์ สสาร หรือวัตถุบางสิ่งในทางการแพทย์ไปตามกระแสเลือด เช่น ไขมัน (fat), ไขกระดูก (bone marrow), น้ำคร่ำ (amniotic fluid), อากาศ (air) เป็นต้น.
สภาวะดังกล่าวข้างต้นเป็นสภาวะที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดประการหนึ่ง จะทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิต ได้ง่าย และมักจะเกิดปัญหาในทางการแพทย์ระหว่างผู้ป่วยและแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมากเพราะผู้ป่วยไม่เข้าใจถึงการเกิดสภาวะดังกล่าว. และมักเข้าใจว่าเป็นการกระทำอย่างผิดพลาดของแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์นั่นเอง อีกทั้งยังเชื่อว่าสภาวะดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นถ้าได้มีการป้องกันเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งแท้ที่จริงแล้วสภาวะดังกล่าวนี้ค่อนข้างที่จะป้องกันได้ยาก และมีโอกาสที่เกิดขึ้นทุกขณะและจะต้องเสียชีวิตอย่างง่ายดาย.
ง. สภาวะหมดสติ (ช็อก) อันเนื่องจากความตกใจ ความกลัว ความเจ็บปวด ระบบประสาท เป็นต้น.
จ. เลือดออกเนื่องจากสภาวะโรคที่มีอยู่แล้ว เช่น โรคเลือดฮีโมฟิเลีย โรคความดันเลือดสูง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เองหรืออาจถูกกระตุ้นโดย ความตกใจ ความกลัว ความเจ็บปวด ความเครียด และอื่นๆ.
ฉ. ความผิดปกติทางจิตอันเนื่องจากการรักษา.
ช. สภาวะอื่นๆ ในทางการแพทย์.
ง. เสียชีวิต.
ข้อ 5. สภาวะอันไม่พึงประสงค์อาจนำมาซึ่งความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน การสูญเสียสมรรถภาพของร่างกาย และ/หรือจิตใจ บางส่วนหรือทั้งหมด และอาจเกิดความพิการจนถึงอาจเสียชีวิตได้
อธิบาย
สภาวะอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นมานี้อาจทำให้เกิด
ก. ความเจ็บปวดหรือการป่วยเจ็บ ซึ่ง อาจทำให้เสียเวลาในการรักษาที่ยาวนานขึ้น หรือความทนทุกข์ทรมานอย่างมากต่อสภาวะนั้นๆ.
ข. ความพิการของร่างกาย
1. การสูญเสียอวัยวะ.
2. การสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายและจิตใจบางส่วน เช่น สูญเสียสภาวะการทำงานของระบบประสาทจากการขาดอากาศไประยะหนึ่ง ซึ่งอาจตามมาด้วยสภาวะการเป็นอัมพาตของแขนขา หรือการป่วยด้วยในลักษณะนอนบนเตียงเท่านั้น (bed ridden).
ค. การตาย (เสียชีวิต) หมายความว่า สภาวะอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นแล้วก็จะส่งผลตามมากับผู้ป่วยนั่นเอง.
ตัวอย่าง
การที่เกิดสภาวะติดเชื้อขึ้นหลังการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ อาจทำให้ผู้ป่วยต้องอยู่ในสถานพยาบาลนานขึ้น ต้องได้รับความเจ็บปวดมากขึ้น และอาจต้องมีการผ่าตัดซ้ำเพื่อการรักษา เช่น การระบายเอาหนองที่เกิดขึ้นออก ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้.
ข้อ 6. การดำเนินการทางการแพทย์แผนปัจจุบันอย่างมีมาตรฐานในด้านต่างๆ เช่น การตรวจ วินิจฉัย การรักษา บำบัด การส่งตรวจ หัตถการ การจ่ายยา ฯลฯ ถือเป็นดุลพินิจของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
อธิบาย
เนื่องจากแพทย์เป็นผู้ที่รู้เกี่ยวกับโรค สภาวะต่างๆ เกี่ยวกับความป่วยเจ็บของร่างกาย อีกทั้งยังรู้ ถึงแนวทางการรักษาหรือการดำเนินการต่างๆ ในทาง การแพทย์ ตั้งแต่การซักประวัติ การตรวจร่างกายการสืบค้น การรักษา บำบัด ฯลฯ. แพทย์จึงต้องเป็น ผู้ที่เลือกแนวทางในการดำเนินการทางการแพทย์ทั้งหมด (ไม่ใช่ผู้ป่วยเป็นผู้เลือก) เพียงแต่ยังต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้ป่วยตามคำประกาศสิทธิผู้ป่วยด้วย โดยเฉพาะในข้อ 3 หมายความว่า แพทย์เป็นผู้เลือก การดำเนินการทางการแพทย์ (มิใช่ผู้ป่วยเลือก).
ตัวอย่าง
ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาลด้วยเรื่องได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แพทย์ทำการตรวจร่างกายและระบบประสาทแล้วไม่พบความผิดปกติใดๆ อย่างมีนัยสำคัญในทางการแพทย์ ที่จะเป็นเหตุให้ต้องทำการสืบค้นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพิ่มเติม แต่ผู้ป่วยกลับร้องขอให้มีการตรวจสมองด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ (มักเกิดขึ้นกรณีที่ผู้ป่วยมิได้เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง) เช่นนี้ หลักปฏิบัติที่ถูกต้องที่สุดก็คือ จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ที่แพทย์ได้ทำการตรวจ วิเคราะห์ และประเมินสภาพการป่วยเจ็บของผู้ป่วยเป็นสำคัญมิใช่ทำตามความต้องการของผู้ป่วย.
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการเกี่ยวกับ
ก. การใช้แนวทางการรักษาด้วยยา หรือการผ่าตัด.
ข. การส่งตรวจทันทีหรือรับไว้สังเกตอาการก่อน.
ค. การใช้ยาที่แตกต่างกัน.
ตัวอย่าง ที่อาจตัดสินยากว่าจะดำเนินการอย่างไรเพียงใดในทางการแพทย์
การที่ผู้ป่วยได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะมา แพทย์ตรวจดูอาการทั่วไปแล้วอยู่ในเกณฑ์ปกติเว้นแต่มีแผลถลอกที่ใบหน้าและแขนขาเท่านั้น สติสัมปชัญญะอยู่ในเกณฑ์ปกติ.
ก. แพทย์จำเป็นต้องส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือไม่.
ข. แพทย์จำเป็นต้องรับไว้สังเกตอาการหรือไม่.
ค. แพทย์จำเป็นต้องให้คำแนะนำผู้ป่วยหรือญาติมากน้อยเพียงใด.
สภาวะที่กล่าวถึงนี้แท้ที่จริงถ้าทำการตรวจร่างกายอย่างถูกต้องตามระบบแล้วย่อมจะทำให้สามารถบอกได้ว่าจำเป็นหรือไม่เพียงใดที่จะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อหรือไม่และเป็นแนวทางในการตัดสินใจเพื่อการดำเนินการทางการแพทย์ต่อไป.
(ตอนที่ 3 อ่านต่อฉบับหน้า)
เอกสารอ้างอิง
8. นคร พจนวรพงษ์, พลประสิทธิ์ ฤทธิ์รักษา. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1-6. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์นครหลวง, 2538.
9. ไพจิตร ปุญญพันธ์. คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะละเมิด. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2522:4, 8.
10. มานิต มานิตเจริญ. พจนานุกรมไทย, พจนานุกรม ฉบับของ ราชบัณฑิตสถาน. กรุงเทพมหานคร : นิยมวิทยา, 2526.
11. นคร พจนวรพงษ์, พลประสิทธิ์ ฤทธิ์รักษา. ประมวลกฎหมายอาญา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์นครหลวง, 2538
ผู้นิพนธ์
วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ พ.บ., วท.ม., ว.ว. (นิติเวชศาสตร์),รองศาสตราจารย์, ภาควิชานิติเวชศาสตร์ ,คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกรรมการแพทยสภา
สมบูรณ์ ธรรมเถกิงกิจ พ.บ., น.บ., อ.ว. (นิติเวชศาสตร์),รองศาสตราจารย์, ภาควิชานิติเวชศาสตร์ ,คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ. ภาควิชาศัลยศาสตร์ ,คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล