• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

การตอบปัญหาสุขภาพ (ตอนจบ)

การตอบปัญหาสุขภาพ (ตอนจบ)
 

ตามที่ผมได้เกริ่นไว้ในคราวที่แล้วว่า จดหมายที่เขียนมาถามปัญหาสุขภาพให้ผมนั้นเป็นจดหมายที่ตอบยาก เพราะเขียนเล่าข้อมูลมาไม่ละเอียด ตอบแล้วอาจจะผิดพลาดทำให้เป็นอันตรายต่อผู้ถามได้ ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างอีกเล็กน้อยนะครับ

ปัญหาที่ ๓
“บางครั้งเวลาอยู่เฉยๆจะรู้สึกเจ็บเหมือนมีวัตถุแหลมทิ่มแทงเนื้อภายในร่างกาย ซึ่งจะทำให้สูดลมหายใจได้ไม่เต็มที่และเจ็บมากด้วย แต่ไม่นานนักก็จะหายโดยไม่มีอาการต่อเนื่องเลย วันหนึ่งจะเป็นอยู่ 2-3 ครั้ง ซึ่งอาการเหล่านี้ตัวผมยังไม่รู้สาเหตุ วิธีรักษาและวิธีป้องกัน กรุณาแนะนำด้วย”

ข้อมูลที่ขาดไป
1.เจ็บเหมือนมีวัตถุแหลมทิ่มแทงเนื้อภายในร่างกาย” เป็นอย่างไร เหมือนเข็มแทง มีดแทง หรือหนามแทง และเป็นที่ร่างกายส่วนไหน มักเป็นเวลาใด (เช้า กลางวัน หรือกลางคืน) ขณะเป็นทำอะไรอยู่ (นั่ง นอน ยืน เดิน หรืออื่นๆ) เวลาเป็นต้องทำอย่างไรอาการจึงจะดีขึ้น เป็นมานานเท่าใด ตลอดช่วงที่เป็นมานี้อาการทรุดลงเรื่อยๆ หรือดีขึ้นเรื่อยๆ
2. “ทำให้สูดลมหายใจได้ไม่เต็มที่ และเจ็บมากด้วย” หมายความว่า สูดลมหายใจแล้วเจ็บมาก หรือการหายใจไม่เกี่ยวข้องกับการเจ็บ คือไม่ว่าจะหายใจหรือไม่หายใจก็เจ็บมากเท่ากัน ฯลฯ
3. อายุ อาชีพ ความเครียด ในครอบครัวและงาน ฯลฯ

ส่วนคำตอบ(สำหรับคุณ)
คือ คุณต้องหาคำตอบเองว่าอะไรเป็นสาเหตุ และหาไม่ได้จริงๆ ก็ต้องไปหาหมอให้หมอเขาซักถามคุณให้ละเอียด และตรวจดูว่าร่างกายคุณผิดปกติหรือไม่ ถ้าไม่ ก็แสดงว่าอาการนั้นไม่มีอะไรน่าห่วง และเลิกสนใจกับมันได้แล้ว ให้ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นๆ แล้วอาการจะหายไปเอง

ปัญหาที่ ๔
สามีดิฉันเป็นครู อายุ  33 ปี รูปร่างสันทัด ผิวสีดำแดง เมื่อสี่ปีก่อนเขาเป็นหลอดลมอักเสบ ได้อ่านหนังสือหมอชาวบ้านพบคนที่เป็นโรคหอบหืด เมื่อออกกำลังกายด้วยการวิ่งแล้วหาย เขาจึงออกกำลังกายโดยการวิ่งเกือบ  2 ปี อาการก็หายไปค่ะ ทุกวันนี้ก็วิ่งเกือบทุกวัน เริ่มจากวิ่งวันละ 5 กิโลเมตร เดี๋ยวนี้วิ่งวันละ 15-16 กิโลเมตร หนึ่งอาทิตย์หยุดพัก 2-3 วัน แล้วแต่วันไหนจะสะดวกก็ไม่มีอาการบาดเจ็บจากการวิ่งเลย
เมื่อสามสี่เดือนมานี้เขาเริ่มมีอาการแน่นหน้าอก หายใจหอบเหนื่อยหลังจากวิ่งมาได้ 15 กิโลเมตรทุกครั้งที่วิ่งค่ะ แรกๆจะเป็นประมาณ 30 นาทีก็หายไป บางคืนนอนหลับไปแล้วก็ตกใจตื่น เนื่องจากหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก จับชีพจรขณะนั้นเต้นไม่สม่ำเสมอ เต้น 5 ครั้งแล้วหยุดไป แล้วเต้นใหม่ค่ะ เป็นประมาณ 30 นาที ก็หายไปค่ะ
หนึ่งเดือนมานี้จะแน่นหน้าอกทุกครั้งหลังจากวิ่ง เป็นมากเป็นน้อยแล้วแต่บางวัน ทำให้ต้องหายใจลึกๆร่วมกับมีอาการเวียนศีรษะเล็กน้อย ต้องนอนพัก ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณท้ายทอย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ก็ดีขึ้น”
เดือนกุมภาพันธ์ 2537 ไปวิ่งได้ระยะทาง 41.2 กิโลเมตร หยุดพัก 3 วัน แล้วไปวิ่งอีก 15 กิโลเมตร/วัน วิ่งได้ 3 วัน ก็หยุดไป 3 วัน แล้วก็มีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบทุกวัน เป็นขณะที่วิ่งด้วยค่ะ แต่ไม่มาก พอทนวิ่งจนถึงบ้านได้ วันที่ 12  มีนาคม 2537 ไปตรวจสุขภาพ ตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า (EK6) ได้ส่งมาให้คุณหมอดูด้วย
1. อยากให้คุณหมออธิบายแผ่นตรวจคลื่นคลื่นหัวใจไฟฟ้า (EK๖) ที่แพทย์เขาวงกลมไว้หรือว่าคุณหมอจะเพิ่มเติมอะไรบ้างก็ได้ กล้ามเนื้อหัวใจ ไม่แข็งแรงจริงหรือไม่
2. จะดูแลสุขภาพและหัวใจได้อย่างไร
3. ขอคำแนะนำการวิ่งเพื่อสุขภาพที่ถูกวิธีด้วยค่ะ
4. ถ้ากล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง/อักเสบ จะวิ่งต่อไปได้หรือไม่
5. ต้องการทราบอาหารที่กินเพื่อบำรุงหัวใจค่ะ

ข้อมูลที่ส่งมาในคนนี้สมบูรณ์มากกว่าคนก่อนๆ แต่ก็ยังขาดข้อมูลสำคัญบางอย่าง
ข้อมูลที่ขาดไป

1. “หายใจหอบเหนื่อยหลังจากวิ่งมาได้ 15 กิโลเมตรทุกครั้งที่วิ่ง ช่วงแรกๆจะเป็นประมาณ 30 นาทีก็หายไป” แล้วระยะหลังเป็นอยู่นานเท่าไร อาการหายใจหอบเหนื่อยเกิดหลังจากวิ่งไปแล้วกี่กิโลเมตร อาการที่เกิดขึ้นต่างกับช่วงก่อนๆอย่างไร เวลาหายใจหอบเหนื่อยแล้ววิ่งต่อได้มั้ย ขณะที่หอบเหนื่อยมีอาการอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ฯลฯ
2. บางคืนนอนหลับไปแล้วก็ตกใจตื่น เนื่องจากหายใจไม่ออก แน่นหน้าอก” นั้นเป็นอย่างไร บางคืนที่เป็นอย่างนั้นเป็นคืนที่ออกกำลังเป็นพิเศษหรือไม่ มีเรื่องเครียดก่อนนอนหรือไม่ อาหารมื้อเย็นนั้นมีอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ หลับสนิทหรือไม่ ฯลฯ
3. “จับชีพจรขณะนั้นเต้นไม่สม่ำเสมอ” แล้วในขณะอื่น เช่น ขณะหอบเหนื่อย ขณะสบายดี เป็นอย่างไร
4. “หนึ่งเดือนมานี้จะแน่นหน้าอกทุกครั้งหลังจากวิ่ง เป็นมากเป็นน้อยแล้วแต่บางวัน ต้องหายใจลึกๆร่วมกับมีอาการเวียนศีรษะเล็กน้อย ต้องนอนพัก ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณท้ายทอย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ก็ดีขึ้น” อาการแน่นหน้าอกเป็นขณะวิ่งหรือวิ่ง หรือเป็นเฉพาะหลังจากวิ่ง การนอนพักใช้หมอนหนุนกี่ใบ ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณท้ายทอยในท่านอนหงายหรือนอนคว่ำ ฯลฯ
5. “ไปวิ่ง 41.2 กิโลเมตร หยุดไป 3 วัน แล้วมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบทุกวัน เป็นขณะที่วิ่งด้วย แต่ก็วิ่งได้จนถึงบ้าน” ทำไมเหนื่อยหอบทุกวันแล้วยังไปวิ่ง ทำไมเวลาวิ่งๆได้ แต่พอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยหอบ มีอะไรที่บ้านที่ทำให้เหนื่อยหอบหรือ

คำตอบ :
1. คลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ส่งไปคุณภาพไม่ดี มองเห็นคลื่นไม่ชัดเจน ที่วงไว้เข้าใจว่าเป็นช่วงเปลี่ยนลีค (เปลี่ยนตำแหน่งตรวจ) ซึ่งใช้แปลผลไม่ได้ โดยทั่วไปเท่าที่มองเห็น คลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ
2. ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโรคหัวใจชนิดไหน ให้อ่านในหนังสือ “มารู้จักโรคหัวใจกันเถิด” ของสำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
3. วิ่งเพื่อสุขภาพ คือ วิ่งเพื่อให้รู้สึกสบายกายและสบายใจ ไม่ใช่วิ่งเพื่อให้รู้สึกหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หรือเวียนศีรษะ และไม่จำเป็นต้องวิ่งถึง 20-30 กิโลเมตร
4. ถ้าวิ่งได้ 15-40 กิโลเมตร แสดงว่าหัวใจยังแข็งแรงมาก คนที่หัวใจไม่แข็งแรงหรืออักเสบ จะไม่สามารถวิ่งในระยะทางไกลๆเช่นนี้ได้
5. กินอาหารครบทุกหมู่ในปริมาณที่เหมาะกับความต้องการของร่างกาย

สรุป : คำตอบต่างๆที่ให้ไว้อาจผิดพลาด เพราะผู้ตอบไม่ได้ซักถามปัญหาให้กระจ่างและสมบูรณ์ อีกทั้งไม่ได้ตรวจร่างกายผู้ป่วยด้วย

ดังนั้น การอ่านคำตอบปัญหาสุขภาพทางจดหมาย อาจจะทำให้เข้าใจผิด เกิดความสับสน หรือทึกทักเอาเองว่าคำตอบนั้นถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ได้ เพราะความลำเอียงหรืออารมณ์ของผู้รับทราบคำตอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความเชื่อ (ความลำเอียง) ในด้านหนึ่งด้านใดอยู่แล้วเป็นสำคัญ
การถามปัญหาสุขภาพทางจดหมายโดยเฉพาะสุขภาพทางกายจึงเป็นสิ่งที่ผิดพลาดได้ง่าย นอกจากผู้ถามจะสามารถบรรยายอาการต่างๆได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมทั้งเล่าชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และการงานไปด้วย การวินิจฉัยโรคจากประวัติการเจ็บป่วยจึงจะผิดพลาดน้อยลง
จากปัญหาทั้ง 4 ที่ถามมามีแนวโน้มที่จะเป็นปัญหาทางจิตใจมากกว่าปัญหาทางกาย การเล่าชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และการงาน จะทำให้วินิจฉัยได้ถูกต้องมากขึ้น

แต่วิธีที่ดีกว่า คือปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านหรือใกล้บ้านที่รู้จักคุณ(ผู้ป่วยดี) อาจจะได้วิธีปฏิบัติที่จะทำให้หายจากอาการต่างๆได้