• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ทุกข์ใจ

ทุกข์ใจ

เจ็บหน้าอกด้านซ้าย หายใจไม่ค่อยออก ไปตรวจวัดคลื่นหัวใจ หมอบอกว่าไม่เป็นอะไร ดิฉันควรไปตรวจร่างกายใหม่ดีหรือไม่คะ

ผู้ถาม สุมนา/นครนายก
ผู้ตอบ นพ.พนม เกตุมาน

ถาม
ดิฉันแต่งงานแล้ว (มีบุตร 1 คน อายุ 3 ขวบครึ่ง) สูง 158 เซนติเมตร น้ำหนัก 47 กิโลกรัม ดิฉันและสามีอายุ 33 ปีเท่ากัน ทำงานก็อยู่ในบริเวณเดียวกันแต่คนละแผนก ต่อมาในปลายปี 2531 มีอาการเจ็บหน้าอกด้านซ้ายมาก หายใจไม่ค่อยออกจึงได้ไปตรวจวัดคลื่นหัวใจ คุณหมอก็บอกว่าไม่เป็นไร เอกซเรย์ปอดด้วยก็ปกติ ให้ยามากินประมาณ 7-8 เดือนก็เป็นๆ หายๆ เปลี่ยนยาไม่รู้กี่ขนานจนไม่อยากจะกินแล้ว คิดว่าเป็นเองก็หายเอง ตอนนี้ไม่กล้าจะไปไหนคนเดียว กลัวเป็นลม เพราะมีอาการอยากจะเป็นลมบ่อยๆ เวลาเจอคนเยอะ คุณหมอได้ให้ดิฉันลองอมยาอมใต้ลิ้น (ยาของคนเป็นโรคหัวใจ) อมแล้วรู้สึกปวดหัวมาก คุณหมอบอกว่า คงไม่ใช่เป็นโรคหัวใจ

หลังจากดิฉันกลับมาจากทำงานก็ต้องมาทำงานบ้านอีก และต้องดูแลลูกให้อาบน้ำ กินข้าว วันเสาร์-อาทิตย์ก็ซักผ้ารีดผ้า ช่วยกันทำกับสามี บางทีดิฉันก็ทำคนเดียว พอวันจันทร์ตื่นมาก็มีอาการหน้ามืดจะเป็นลม สงสัยคงจะเหนื่อย รวมทั้งอาการเจ็บหน้าอกมันก็จะเกิดทันทีด้วย

อาการเจ็บหน้าอกของดิฉัน มีดังนี้

- ด้านหน้า บริเวณใต้ราวนมด้านซ้าย (ใต้หน้าอก) หรือบางทีก็สลับด้านขวา จุกแน่นด้านใดด้านหนึ่ง ร้าวมาหัวไหล่

- ด้านหลัง จะจุกคู่กับด้านหน้าตลอดเวลา และเป็นข้างซ้ายตลอด ข้างขวาไม่มีอาการ

บางทีอาการจุกเป็นตลอดวันเลย นานๆ จะหายไปสักที คุณหมอบอกว่าในท้องอาจจะมีลมมาก เวลาเครียดน้ำย่อยจะหลั่งมาก คล้ายกับอาการเป็นโรคกระเพาะ บางทีมีอาการปวดแสบปวดร้อนคล้ายกับโดนน้ำร้อนลวก ทำให้ดิฉันคิดมาก นอนไม่หลับ ตอนกลางคืนจะตื่นจะตื่นประมาณ 1-2 ครั้ง แล้วก็นอนหลับยาก กว่าจะหลับได้ในแต่ละวันใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ตอนเช้าเวลาลุกขึ้นมารู้สึกโหยๆ บางทีก็รู้สึกน้อยใจในครอบครัว สามีกลับบ้านก็ดึก ดิฉันต้องทำอะไรเอง พอเห็นครอบครัวคนอื่นก็รู้สึกน้อยใจ ทำให้ทะเลาะกัน

คุณหมอบอกว่าให้ลองไปคุยกับจิตแพทย์ ดิฉันก็ลองไปแต่ไม่เห็นได้ผล ไปหา 2 ครั้งเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ก็ไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไรให้แต่ยามากิน ดิฉันเลยไม่ได้ไปพบอีก ต่อมาก็กลับไปหาหมอคนเดิม หมอเข้าใจปัญหาครอบครัวเราดี เขาเป็นเพื่อนกับอาของสามีดิฉัน เขาก็บอกให้สามีเที่ยวน้อยๆ หน่อย ตอนนี้แฟนคุณกำลังเฮิร์ต น้อยอกน้อยใจก็เพราะเค้าเหนื่อยที่ต้องดูแลลูกคนเดียว เขาก็ฟังคุณหมอดี ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างแต่ก็กลับดึกน้อยลง คุณหมอได้ให้ดิฉันกิยาใหม่ คือ ยาอะลั่มมิลก์ (ยาเคลือบกระเพาะ) และยานอนหลับ (Ativan) 0.5 มิลลิกรัม ดิฉันก็รู้สึกว่าอาการจุกค่อยหายไปได้บ้างเป็นพักๆ แต่อาการจุกด้านหลังยังเป็นอยู่ประจำ มันรู้สึกรำคาญถึงจะไม่เจ็บก็ตาม

ตอบ
ความทุกข์ใจของคุณเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย น่าเห็นใจมาก เพราะมันเรื้อรังติดต่อกันมานานแล้ว บางครั้งก็ดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่หายขาดไปทีเดียว การทำความเข้าใจกับอาการเหล่านี้จึงสำคัญมาก

อาการของคุณที่เล่ามานั้นหมอคิดว่าเป็นเรื่องของการทำงานผิดปกติไปของหลายระบบ เช่น ระบบการย่อยอาหาร ระบบกล้ามเนื้อ ซึ่งเมื่อคุณไปตรวจร่างกายและตรวจพิเศษโดยแพทย์หลายครั้งแล้วแพทย์ก็ตรวจไม่พบโรคหัวใจ หรือโรคอื่นๆ ที่จะเป็นสาเหตุของอาการทั้งหมดนี้

ยกเว้นเรื่องโรคกระเพาะ ซึ่งทำให้เกิดอาการหลายอย่าง เช่น ปวดท้อง จุกแน่น ดังนั้นคุณคงมีอาการของกระเพาะอาหารทำงานผิดปกติไปแน่นอน

คุณเองสังเกตว่าเวลาเครียดๆ จะยิ่งมีอาการมากขึ้น เลยพาลทำให้นอนไม่หลับ

เรื่องที่ทำให้เครียดคงเป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งคุณเองก็ผิดหวังอยู่บ้างในความประพฤติของสามี
ลักษณะอาการที่คุณเล่ามานี้ทำให้หมอนึกถึงโรคที่พบเสมอๆ โรคหนึ่ง คือ โรคเครียด

โรคเครียด มีอาการออกมาเป็นอาการทางร่างกายได้หลายอย่าง ที่พบบ่อยคือ โรคกระเพาะอาหาร เนื่องจากเวลาเครียด กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดออกมาจำนวนมากโดยอัตโนมัติ ทำให้กระเพาะอาหารอักเสบเป็นแผล การย่อยไม่ดีก็ทำให้อาหารหมักเป็นลม ทำให้ท้องอืดแน่น บางครั้งลมมากไปดันกะบังลมทำให้เกิดอาการจุก เสียด เจ็บบริเวณหน้าอกได้

โรคเครียด ทำให้กล้ามเนื้อหลายมัดในร่างกายเกร็งตัว ทำให้เกิดความเจ็บปวด เช่น บริเวณกะบังลม หน้าอก รอบศีรษะ ต้นคอ และหลัง

โรคเครียด ทำให้จิตใจเหนื่อยหน่าย วิตกกังวล ไม่กล้าไปไหนเพราะกลัวมีอาการ ยิ่งทำให้ตัวเองท้อแท้มากขึ้น

โรคเครียดยังทำให้ความคิดวุ่นวายสับสนคิดวนเวียน คิดในเรื่องที่ไม่น่าคิด แล้วทำให้นอนไม่หลับ ยิ่งนอนได้น้อย ก็ยิ่งทำให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

นอกจากนี้อาการทางกายหลายๆ อย่าง ยิ่งทำให้คุณเกิดความวิตกกังวลซับซ้อนเพิ่มขึ้น เพราะกลัวจะเป็นโรคอันตรายต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด

โรคนี้พบได้บ่อยๆ ครับ โดยเฉพาะในสังคมไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป มีการรีบเร่ง แข่งขัน ต่อสู้กันมากขึ้น ทำให้บางคนเครียดโดยไม่รู้ตัว ปัญหาในครอบครัวก็พบเป็นสาเหตุอีกข้อหนึ่ง

โรคนี้ไม่ใช่โรคจิต ไม่ใช่โรคประสาทนะครับ อย่าตกใจ ทางการแพทย์เราเรียกว่า โรคจิตสรีระแปรปรวน คือ ความเครียดทางจิตทำให้ระบบสรีระต่างๆ ทำงานเรรวนไปนั่นเอง มักพบในนักธุรกิจ แพทย์ นักบริหารซึ่งต้องเครียดอยู่เสมอๆ พูดง่ายๆ ว่าถ้าใครต้องเครียดอยู่นานๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็มีสิทธิ์เป็นโรคนี้ทุกคน

หมอมั่นใจว่าคุณเป็นโรคนี้เพราะ

1. อาการของคุณสัมพันธ์กับความเครียดในชีวิต คือ เครียดมาก เป็นมาก

2. อาการไม่หายไป แม้จะรักษามานาน ทั้งนี้เพราะความเครียดของคุณซึ่งเป็นสาเหตุยังมีอยู่ ที่คุณยังมีอาการอยู่บ้างแม้ว่าจะไม่เครียดเป็นเพราะแผลในกระเพาะอาหารคงยังไม่หาย ปกติถ้าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบจากสาเหตุอื่น มักจะรักษาหายในเวลาไม่เกิน 6 สัปดาห์

3. คุณไปตรวจกับแพทย์อย่างละเอียดแล้ว ไม่พบความผิดปกติของอวัยวะอื่นๆ ซึ่งน่ากลัวเลย ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นโรคร้ายแรงจนเกิดอาการเช่นนี้

4. คุณมีอาการต่างๆ ของความเครียดอยู่เต็มเพียบ

5. คุณมีสาเหตุของความเครียด คือ ปัญหาในครอบครัว

หมอยังคิดว่าคุณมีความหวังที่จะหายจากโรคนี้ แต่คงต้องใช้เวลาในการรักษากับจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอนานพอสมควร หลักในการรักษาโรคนี้ คือ

ประการแรก คุณต้องรักษาโรคแผลที่กระเพาะไปพร้อมๆ กับโรคเครียด เช่น การกินยาอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารมิให้รสเผ็ด กินอาหารให้ตรงเวลา พักผ่อนให้พอเพียง ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ

ประการที่สอง แพทย์จะคุยกับคุณในเรื่องของความเครียดที่เกิดขึ้น และวิธีที่คุณแก้ไข พูดง่ายๆ คือ จะทำให้ตัวคุณเผชิญปัญหาอย่างไรจึงจะไม่เครียด บางครั้งให้ยาลดความเครียดบ้าง ข้อนี้จิตแพทย์จะช่วยได้

ประการที่สาม บางครั้งแพทย์อาจมีการเชิญพบปะสามี หรือสมาชิกในครอบครัวอื่นๆ ที่คิดว่าจะช่วยคุณได้ เพราะปัญหาบางอย่างเกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น สามีคุณอาจไม่เข้าใจว่าคุณเองเครียดมากที่ต้องทำงานหนัก เขาอาจไม่ทราบว่าการกลับบ้านดึกยิ่งทำให้คุณน้อยใจมากขนาดไหน การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมบ้าง อาจช่วยให้คุณจิตใจดีขึ้นด้วย

แพทย์ธรรมดาไม่จำเป็นต้องเป็นจิตแพทย์ก็ช่วยเหลือคุณได้ ถ้ามีเวลาพูดคุยกับคุณถึงปัญหาต่างๆ ครั้งละ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง คุณเคยไปหาจิตแพทย์มาแล้วรู้สึกผิดหวังเพราะไม่ได้รับคำปรึกษาเลย ลองกลับไปหาจิตแพทย์ท่านนั้นอีก ถ้าท่านมีเวลาให้การพูดคุยกับคุณได้จะช่วยคุณได้มาก การพูดคุยกับจิตแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาชีวิตไม่ได้หมายความว่าคุณจิตใจอ่อนแอ หรือเป็นโรคจิตโรคประสาทนะครับ หมออยากเปรียบเทียบว่า ถ้าคุณอยากจะทำอาหารให้อร่อย ก็ควรไปเรียนจากแม่ครัวที่ทำได้อร่อย จะได้มาปรุงชีวิตของคุณให้คลายเครียดลง

ถาม
ดิฉันควรจะเสียเงินไปตรวจร่างกายใหม่ทั้งหมดดีไหม มันรู้สึกรำคาญถึงจะไม่มีอาการเจ็บก็ตามจะหาสาเหตุเจอหรือไม่คะ

ตอบ
คุณไม่ควรเสียเงินไปตรวจร่างกายอีก เพราะสาเหตุของปัญหาน่าจะอยู่ที่ความไม่สบายใจ ซึ่งเอกซเรย์คงไม่พบ การตรวจอย่างละเอียดคงจะเสียเงินไม่คุ้มกัน

ถาม
ถ้าดิฉันมีโรคลมในท้องมากหรืออาหารย่อยลำบาก ควรจะวิ่งออกกำลังกายเพื่อสุขภาพสัก 15-20 นาที ในตอนเย็นก่อนกินอาหารจะช่วยได้หรือไม่

ตอบ
การวิ่งออกกำลังเพื่อสุขภาพจะช่วยได้มาก หมอเห็นด้วย นอกจากจะทำให้ลมในท้องน้อยลงแล้วยังทำให้จิตใจสดชื่น ร่างกายแข็งแรง อาการของโรคกระเพาะจะดีขึ้นแน่นอน แต่ต้องทำสม่ำเสมอทุกวันนะครับ

ถาม
เห็นคุณหมอเคยพูดว่า กระเพาะอาหารของดิฉันคล้ายกับคนแก่อายุสัก 50-60 ปี พอกินอะไรลงไปมันย่อยลำบาก ดิฉันควรจะกินน้อยๆ แต่บ่อยๆ เพราะลมมันดันอยู่ในท้อง มีกรดมาก ให้กินอะลั่มมิลก์ (ยาโรคกระเพาะ) หลังอาหาร 1 ชั่วโมงประจำ คุณหมอคิดว่าเป็นอย่างไร

ตอบ
หมอเห็นด้วย แต่ไม่อยากให้คุณรู้สึกว่ากระเพาะของคุณแก่มากขนาดนั้น ความจริงหมอท่านนั้นคงเปรียบเทียบให้คุณเข้าใจว่ากระเพาะของคุณนั้นทรุดโทรม แต่ถ้ารักษาที่ต้นเหตุ คือ ความเครียดความไม่สบายใจเสีย โอกาสที่กระเพาะของคุณจะฟิตขึ้นมาเป็นปกติก็ยังมีครับ

ถาม
พอดิฉันมีความวิตกว่าจะเป็นอะไรมากก็พลอยทำให้นอนไม่ค่อยหลับ คุณหมอให้กินยานอนหลับ (Ativan) 0.5 มิลลิกรัม แต่ไม่ได้กินติดต่อกัน ดิฉันกลัวจะติด

ตอบ
คุณไม่ควรกินติดต่อกัน ถ้ากินเวลาจำเป็น เช่น นอนไม่หลับเฉพาะบางวันมีเว้นบ้างก็ไม่ติดหรอกครับ

ถาม
ถ้าดิฉันท้องขึ้นมา ยาแก้โรคกระเพาะ ยานอนหลับจะมีผลต่อเด็กหรือเปล่า และคนเป็นโรคท้องอืด (มีลมดันในท้อง) จะหายได้หรือเปล่า

ตอบ
ถ้าคุณตั้งครรภ์ ควรหยุดยานอนหลับ เพราะอาจมีผลต่อเด็กได้ แต่ยาแก้โรคกระเพาะยังกินต่อได้
อาการท้องอืดเป็นอาการของโรคกระเพาะ ถ้าคุณรักษาโรคเครียดหาย โรคกระเพาะก็จะดีขึ้น และอาการท้องอืดก็จะหายไป

ขอให้คุณสบายใจได้ว่าโรคนี้มีโอกาสหายได้ ความพยายามที่จะรักษา และความสม่ำเสมอจะช่วยให้หายเร็ว ขอให้คุณพยายามต่อไปนะครับ หมอเอาใจช่วยด้วย